เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์NO.W
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์ ตอนที่ 4
  • ..........

     

    ตอนที่ 4 : หนทางสู่ศูนย์อพยพ

     

                ปึง ! เสียงซอมบี้ทุบกระจกดังขึ้นอย่างต่อเนื่องมันคงเห็นบิลเข้าตอนเขาแง้มผ้าม่านเพื่อดูสถานการณ์ข้างนอก “ให้มันได้อย่างนี้สิน่า”บิลบ่นครวญ เมื่อหันหลังไปเห็น เขากลับมาตะโกนสั่งทุกคน "รีบไปหยิบเป้เร็วเข้า!”

     

    ผมและคนที่เหลือรีบสะพายเป้ขึ้นหลังยกเว้นก็แต่เจ้าตัวยุ่งสองคนที่พากันตื่นกลัว แมกส์ยืนแข็งอยู่กับที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรส่วนเอมี่ก็กรีดร้องเสียงแหลมเมื่อเสียงทุบเริ่มหนักหน่วงขึ้นคราวนี้เกิดขึ้นที่บานประตูไม้ทางเข้าอาคารด้วย

     

    “ขึ้นไปข้างบนๆ” บิลตะโกนอีกครั้ง แซลลี่รีบอุ้มเอมี่ก่อนวิ่งนำขึ้นบันไดไปตามด้วยแมกส์ที่ไม่ยอมให้ใครอุ้ม ผมกับวอลเทอร์ขึ้นตามไปติดๆ ปิดท้ายด้วยบิล

     

                พวกเราวิ่งขึ้นมาจนถึงชั้นสี่ผมตัดสินใจเปิดประตูดาดฟ้าหลังจากลังเลกันอยู่ว่าหมอกพิษข้างนอกมันจะหายไปแล้วหรือยังแต่สุดท้ายทุกคนก็คิดได้ว่าเราไม่มีเวลารอแล้ว เพราะนี่เป็นทางรอดเดียวที่เหลืออยู่

     

                บิลที่วิ่งขึ้นมาคนสุดท้ายรีบกระชากประตูเหล็กปิดอย่างเร็วจนเกิดเสียงดังปึงก่อนบอกให้ทุกคนช่วยกันหาของมากั้นประตูไว้ไม่ให้พวกมันออกมาได้ผมกับวอลเทอร์ไปลากลังไม้เปล่าๆ สองสามลังและชั้นวางของเก่าๆ มาขวางประตูแต่เหมือนมันยังไม่ค่อยแน่นหนาเท่าไร

     

    “เราต้องกั้นเอาไว้ ไม่รู้พวกมันจะขึ้นมาถึงเมื่อไร” บิลว่า

    “อยู่บนนี้พวกเราเสร็จมันแน่” วอลเทอร์พูดผมเดินไปดูที่ขอบกำแพง มองลงไปข้างล่างหน้าอาคารที่พวกเราอยู่ด้านหน้าทางเข้าเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้นับร้อยที่พยายามจะเข้ามาข้างในให้ได้

     

    นอกจากพวกเราที่รอดแล้วผมยังเห็นรถบางคันวิ่งฝ่าพวกซอมบี้อย่างไม่กลัวเกรงบางคันถึงกับพุ่งเข้าใส่ด้วยซ้ำ ความโกลาหลเกิดขึ้นไปทั่วท้องถนนอีกครั้งเมื่อทางการออกมาประกาศเรื่องศูนย์อพยพ

     

    “เราต้องรออีกสักหน่อย ให้พวกนั้นล่อซอมบี้ให้กระจายกันออกไปก่อน” บิลพูด

    “เหมือนพวกมันจะขึ้นมากันแล้วนะ” วอลเทอร์บอกเมื่อประตูเหล็กที่กั้นไว้เริ่มถูกทุบดังปึง ดูท่าจะกั้นไว้ได้อีกไม่นาน

    “ทำยังไงต่อบิล” แซลลี่ถาม มองบานประตูเหล็กที่สั่นทุกครั้งที่พวกมันกระแทก

    “วิ่งไปบนดาดฟ้าตึกเนี่ยแหละ” บิลนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนตอบอาคารตึกแถวนี้สร้างติดกันทำให้ดาดฟ้ามีเพียงกำแพงเตี้ยๆระดับเอวเท่านั้นที่กั้นอาณาเขตระหว่างตึก

     

                บิลพูดจบก็อุ้มแมกส์ก่อนนำข้ามกำแพงไปทันทีส่วนแซลลี่ก็อุ้มเอมี่ตามไปติดๆ โดยผมกับวอลเทอร์รั้งท้าย โครม ! เสียงชั้นวางของร่วงกระแทกพื้นพวกมันเปิดประตูได้แล้ว ! มันวิ่งตามพวกเราทุกคนทันทีพร้อมกับส่งเสียงฮือแฮ่ตามประสาพวกมัน

     

    “ลุงบิลฮะ!” แมกส์ตะโกนเมื่อมองข้ามหลังของบิลไปเห็นซอมบี้หลายสิบตัวกำลังไล่ตามและปีนกำแพงตามมา แต่ดูมันจะเชื่องช้าเป็นพิเศษเมื่อต้องปีนข้ามกำแพงถือว่าเรายังพอมีโชคอยู่บ้าง

     

                พวกเราวิ่งข้ามกันมาจนถึงดาดฟ้าของตึกหลังที่ห้าก่อนไม่มีทางไปต่อ ข้างหน้าเป็นบันไดหนีไฟที่พาเราลงไปในตรอกเล็กๆ ข้างล่าง

    “บิล” แซลลี่เรียก

    “มีอะไรแซลลี่” บิลถาม เดินไปหาเธอที่มองอะไรอยู่ข้างล่าง

    “อู่ซ่อมรถ” เธอตอบ ข้างๆกับอาคารที่พวกเราอยู่เป็นอู่ซ่อมรถขนาดกลางมีลานโล่งเกือบเท่าสนามบาสที่มีรถยนต์จอดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบถัดไปจากลานจอดรถมีโรงรถไม่ใหญ่มาก ข้างในถูกจัดไว้เป็นบล็อกๆซึ่งมีรถที่กำลังซ่อมค้างไว้เต็มทุกบล็อก

    “โชคยังเข้าข้างเราอยู่สินะ” บิลว่าขณะจะเดินไปเปิดประตูดาดฟ้าเพื่อเข้าไปในอาคารในใจลึกๆ ผมอยากจะให้พวกเราลงบันไดหนีไฟมากกว่าผมรู้สึกไม่อยากให้เขาเปิดประตูสักเท่าไร แต่มันก็ไม่ทันแล้ว

     

    บิลตะโกนร้องขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเปิดประตูออกมาก็โดนซอมบี้ตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ทันทีเขาล้มลงหน้าประตูโดยมีซอมบี้ค่อมอยู่ แซลลี่รีบบอกให้เด็กทั้งสองมาหลบข้างหลังเธอบิลพยายามงัดแรงกับมัน แต่มันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว ตัวที่สอง สาม ตามออกมาเรื่อยๆผมใช้เหล็กของตัวเองฟาดตัวที่เข้ามาใกล้ มันเอนไปชนกำแพงข้างๆผมฟาดซ้ำเข้าที่หัวก่อนถีบมันข้ามกำแพงไปอีกตึกหนึ่ง บิลสลัดซอมบี้หลุดสำเร็จก่อนถีบมันเข้าไปในประตู ร่างมันกระแทกพวกที่เหลือกระเด็นตกบันไดลงไปตามๆ กันผมกับวอลเทอร์รีบวิ่งเข้าไปช่วยเขาดันประตูปิด

     

    “บันไดหนีไฟแซลลี่” บิลตะโกนบอกเธอเมื่อเห็นเธอยืนแข็งทื่อไม่ต่างกับเด็กทั้งสอง

    “บิล คุณต้องไปช่วยเธอแล้วล่ะ” ผมพูดดูอาการแซลลี่ไม่น่าจะไหวกับสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

    “งั้นฝากด้วย” บิลว่าก่อนผละออกไปผมกับวอลเทอร์รู้สึกได้เลยว่าแรงผลักของพวกมันหนักหน่วงขึ้นเมื่อไม่มีแรงบิลช่วย

    “มาเร็วเอมี่” บิลยกเด็กสาวขึ้นอุ้ม ผมสังเกตบางสิ่งผิดปกติที่แขนของบิลเขาโดนกัด ผมไม่ได้ตาฝาดแน่ มันเป็นรอยฟันที่มีคราบเลือดสีแดงข้นดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้ตัวหรืออาจรู้แล้วแต่เงียบไว้ก็ได้

    “แซลลี่!” บิลต้องเรียกสติเธอให้กลับมาเขาเปิดประตูรั้วทางหนีไฟ ก่อนเดินนำลงไป แซลลี่รีบจูงมือแมกส์ตามหลังเขาไปติดๆ

     

    “พวกมันมาแล้ว!” วอลเทอร์ตะโกน ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเรายังพวกมันอีกกลุ่มที่ตามมา

    “พวกเธอต้องวิ่งแล้ว เร็วเข้า!” บิลตะโกน

    “ฉันจะนับหนึ่งถึงสามนะ” ผมว่า “หนึ่ง....สอง.....”

    “สาม!” สิ้นสุดเสียงวอลเทอร์ที่อยู่ใกล้บันไดหนีไฟที่สุดออกตัววิ่งนำ ผมรู้ถึงแรงกระแทกประตูที่เปิดออกแทบจะทันทีที่พวกเราผละออกจากมัน

    “เร็วเข้าเจค!” วอลเทอร์หันกลับมาเรียก

    “มาแล้วๆ” ผมรีบวิ่งเข้าไปหันกลับมาปิดประตูรั้วเหล็ก มันไม่มีตัวล็อค ผมจึงใช้ท่อนเหล็กในมือเสียบคั่นไว้น่าจะพอซื้อเวลาให้พวกเราได้บ้าง

     

    วอลเทอร์วิ่งตามบิลที่ตอนนี้อยู่ชั้นสองแล้วผมยังลงไม่ถึงชานพักระหว่างชั้นสี่กับชั้นสามบานประตูรั้วเหล็กก็ถูกกระแทกจนหลุดออกมาทั้งบาน เคร้ง ! บานประตูไถลลงมาตามขั้นบันไดด้วยความเร็วผมหันกลับมามองเห็นมันกำลังเคลื่อนลงมาด้วยความเร็วสูง เร็วเกินกว่าที่ผมจะหลบทัน “อั้ก!” มันพุ่งกระแทกเข้าที่หน้าอกผมเต็มแรงร่างผมลอยไปกระแทกกับราวกั้นตรงชานพักข้างล่าง หัวฟาดเข้ากับราวกั้นเหล็กเต็มแรง ราวกั้นด้านหลังหลุดออกดื้อๆด้วยแรงกระแทก

     

                ผมไม่สามารถต้านแรงและน้ำหนักของบานประตูได้ร่างผมกระเด็นออกไปนอกตัวบันไดหนีไฟ ผมเห็นซอมบี้กำลังวิ่งลงมาได้ยินเสียงทุกคนตะโกนร้องด้วยความตกใจ แต่ทุกอย่างมันพร่าเลือนไปหมด ผมเห็นวอลเทอร์ที่ใช้ท่อนเหล็กของตนกำลังฟาดฟันกับซอมบี้เมื่อตัวเขาอยู่รั้งท้ายสีหน้าเข้าตกใจกับร่างผมที่พรวดออกไปนอกบันได

     

                ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามบ่ายแดดไม่จ้า อากาศดี แต่ก็ช่วยอะไรผมไม่ได้อยู่ดีบานประตูเหล็กยังคงกดทับเพิ่มความเร็วในการตกของผมทุกอย่างรอบตัวมันดูเชื่องช้าเหมือนในหนังที่ตัวเอกกำลังจะตายแล้วภาพทุกอย่างก็ช้าราวกับโลกกำลังหยุดหมุนผมเห็นทุกคนที่มองผมด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดราวกับเห็นผี จบแล้วสินะ ผมคิดทุกอย่างพลันมืดลงขณะร่างของผมกำลังร่วงจากชั้นสามลงสู่เบื้องล่าง

     

    กึ้ง !

     

    ……….

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in