..........
ตอนที่ 1 : คนแปลกหน้า
นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตผมแน่ๆที่ฝืนวิ่งเกินขีดจำกัดตัวเองแบบนี้ หลังจากที่ผมเพิ่งฆ่าคนไปหมาดๆ อันที่จริงนั่นก็ครั้งแรกของผมเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตัวเองกำลังถูกไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง ผมไม่รู้ว่าเรื่องบ้าๆ นี่มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีผู้คนที่รายล้อมรอบตัวก็กลายเป็นบ้า หิวกระหายในเนื้อมนุษย์สดๆ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว เสียงผู้คนหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว ผมเห็นครอบครัวหนึ่งกำลังชุลมุนรุมทึ้งเพียงเพื่อจะกินเด็กตัวเล็กๆอายุไม่กี่ขวบ ถ้าให้เดาก็คงเป็นสมาชิกครอบครัวพวกเขาเองนั่นแหละ
อันที่จริงผมว่าผมรู้นะว่าฝันร้ายนี่มันเริ่มจากตรงไหน ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงผมเดินเล่นตัวคนเดียวอยู่แถวบริษัทเกมส์ อไลว์ฟที่เป็นเกมส์เปิดใหม่แนวเอาตัวรอดจากพวกซอมบี้ ตอนแรกผมก็กะจะเข้าไปลองเล่นดูเหมือนกันเมื่อตัวเองก็ว่างๆ อยู่และนานๆทีจะเข้ามาในเคลโอสักครั้ง
สิ่งที่ผมเห็นหน้าอาคารเกมส์ คือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งแต่งตัวเหมือนพวกซอมบี้กำลังวิ่งวุ่นออกล่าเหยื่ออยู่หน้าอาคาร แวบแรกผมคิดว่ามันคือการประชาสัมพันธ์สินค้า แต่ต่อมาก็รู้ว่าตัวเองเริ่มคิดผิดและเหมือนการโฆษณาครั้งนี้จะเล่นสมจริงเกินไปซะหน่อย เมื่อมีรถตำรวจหลายสิบคันบึ่งมาจอดหน้าอาคาร
เหล่าตำรวจในชุดสีกรมไม่พูดพล่ามทำเพลง ร่วมใจกันระดมยิงไปที่กลุ่มซอมบี้ตรงหน้าโดยมีรถเป็นที่กำบัง เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ บรรดาผู้มุงอยู่รอบๆ เริ่มมีอาการตกใจ บางรายเริ่มกรีดร้องและถอยห่างจนกลายเป็นวิ่งหนีในที่สุด เมื่ออยู่ๆ ประตูกระจกทางเข้าอาคารก็แตกดังเพล้ง ! เผยซอมบี้อีกนับสิบที่พรวดออกมาจากตึก เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ผมคิดได้ว่านี่คงไม่ใช่การประชาสัมพันธ์อีกต่อไป ผู้คนรอบข้างลุกฮือและพร้อมใจกันวิ่ง ต่อมาก็เกิดความโกลาหล
และสิ่งต่อมาที่ทำเอาทุกคนตื่นตระหนกไม่แพ้กันก็คือฝาท่อระบายน้ำที่เด้งดังกึ้ง ! มันพุ่งสูงขึ้นไปบนอากาศเกือบสองเมตรก่อนตกลงมากระแทกพื้นถนน ดีที่ไม่มีใครโดนเข้า แต่วินาทีต่อมาควันสีเขียวขี้ม้าก็พวยพุ่งขึ้นจากปากท่อและเริ่มลอยไปตามอากาศ
ผมสังเกตคนที่ตกอยู่ใต้กลุ่มควันสีเขียวนั่น ทันทีที่สูดเข้าไปคนเหล่านั้นก็พากันลงไปชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น กุมคอตัวเองเหมือนว่ากำลังขาดอากาศหายใจ ผมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามตั้งสติ และไม่นานผมก็หายสงสัยว่าควันบ้านี่มันคืออะไร เมื่อคนที่ลงไปชักดิ้นชักงอบนพื้นลุกขึ้นมาและเริ่มกระโจนใส่คนข้างๆและถ้าผมหูไม่ได้ฟาดเสียงฝาท่อที่พุ่งขึ้นเหนือพื้นก็เหมือนจะดังไปทั่วมหานครเคลโอในตอนนี้
ผมวิ่งเข้าตรอกแคบๆ ข้างหน้า ดึงคอเสื้อขึ้นมาป้องจมูก คว้าเอาท่อนเหล็กสนิมเขรอะข้างถังขยะใบโตมาถือไว้ในมือเพื่อป้องกันตัว ผมวิ่งมาโผล่อีกช่วงถนน “ทำไมฝั่งนี้ไม่เป็นล่ะ”ผมเอะใจเมื่อไม่เห็นฝาท่อของถนนเส้นนี้เด้งขึ้นสู่อากาศเหมือนก่อนหน้าที่ผมเพิ่งเจอ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความวุ่นวายของผู้คนที่ต่างวิ่งเอาชีวิตรอดจากพวกซอมบี้
เสียงคำรามเกิดขึ้นข้างหลัง ผมตกใจหันกลับไปตามเสียงทันเห็นอมนุษย์ตนหนึ่งกำลังวิ่งเข้าหา ด้วยอารามตกใจผมหวดท่อนเหล็กที่ถืออยู่ในมือ มันล้มลงและทำท่าจะลุกขึ้นอีก ผมฟาดซ้ำเข้าช่วงคอ หัวมันกระแทกกับกำแพงอิฐอย่างจังจนล้มลงไปนอนกับพื้น เลือดสีแดงฉานเปรอะผนังและไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก
เสียงแตรรถดังไม่ขาดห้วง การจราจรดูไม่มีทีท่าขยับเขยื้อนแต่อย่างใด พวกที่เลือกอยู่ในรถนี่คิดผิดมหันต์ พวกซอมบี้เริ่มเยอะขึ้น บางกลุ่มรวมตัวกันทุบกระจกรถและจัดการกับคนที่อยู่ข้างในได้สำเร็จ บางคนเริ่มไหวตัวทันจะออกจากรถแต่ก็สายไปแล้ว
หมอกสีเขียวนั่นเริ่มไล่ตามผมมาเรื่อยๆดูท่ามันจะปกคลุมละแวกนี้ไปกว่าครึ่งแล้ว ผมกลั้นหายใจขณะใช้คอเสื้อป้องจมูกไว้ วิ่งฝ่ารถที่ติดแหง็กอยู่บนถนนสองเลนขนาดใหญ่ ผมกระโดดสไลด์ไปกับกระโปรงรถเพื่อจะข้ามไปอีกฝั่งของถนน แต่อยู่ๆ ก็โดนซอมบี้ตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่
ผมล้มลงระหว่างตัวรถ ใช้ท่อนเหล็กยันมันไว้ไม่ให้มันทำอะไรได้ก่อนถีบมันเข้าที่ช่วงลำตัวจนมันล้มหงายหลังไป ผมรีบลุกขึ้น หาทางไปต่อ ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนบอกให้ทุกคนเข้าไปหลบในตึก
หลังจากที่ชายคนนั้นตะโกนบอก ผู้คนก็เริ่มแย่งกันเข้าไปในตัวอาคารที่ใกล้ที่สุดทันที ผมเองก็ต้องรีบบ้างแล้วไม่งั้นเอาตัวเองไม่รอดแน่ๆ ผมวิ่งซิกแซกไปตามรถบนท้องถนน ใช้ท่อนเหล็กในมือคอยฟาดพวกซอมบี้ที่วิ่งเข้าใส่ ผมมองหาตึกราที่พอจะใช้หลบภัยได้แต่ยังไม่เจอ บ้างประตูเสีย กระจกแตก หน้าต่างพัง ช่องว่างเยอะเกินไป
กรี๊ดด ! ขณะยืนตั้งสติอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย ผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้อง ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงไหนแต่ไม่รู้ทำไมใจอยากไปช่วยเธอนักทั้งๆที่ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ผมวิ่งฝ่าไปตามเสียง ฝ่าความโกลาหลและเจอเข้ากับผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับผมกำลังใช้ท่อประปางัดแรงกับซอมบี้ตัวหนึ่ง
เธอเสียหลักไปข้างหลังเมื่อท่อประปาในมือเธอแตก แผ่นหลังของเธอกระแทกกับตัวรถที่จอดอยู่ ผมรีบวิ่งเข้าไป ใช้ท่อนเหล็กในมือกระทุ้งเข้าที่ชายโครงจนมันผงะไปสองสามก้าว ก่อนฟาดซ้ำเข้าที่หัวจนมันล้มลง
“ขะ ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวตะกุกตะกักด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าตามสไตล์หญิงสาวเอเชีย สีผิวขาวนวลที่ตอนนี้มีรอยถลอกและฟกช้ำผมสีดำขลับยาวประบ่าที่ตอนนี้ยุ่งเหยิงไม่ได้ทรง กับดวงตาสีดำเข้มที่สั่นระริกเบาๆขณะพยายามประคองร่างที่สั่นเทาให้สู้ต่อ
ปริ้นนน ! เสียงแตรรถดังลากยาวเมื่อคนที่นั่งอยู่หลังมันไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป ผมเห็นรถซีดานคันหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนทางเท้าก่อนพุ่งเข้าไปในร้านเช่าซีดี ถัดไปเกือบสิบเมตรจากที่ผมยืนอยู่
“ไปเร็วแคล!” ผมได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนเรียกเพื่อนอยู่ไกลๆ ผมละสายตาจากรถตรงหน้าหันมาหาเธอที่ผมช่วยไว้ แต่เธอก็หายไปซะแล้ว
หมอกสีเขียวเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ คนที่หนีไม่พ้นก็พากันกลายเป็นซอมบี้ซะหมด ผมต้องรีบหาที่ปลอดภัยแล้ว ผมวิ่งขึ้นไปบนเชิงบันไดของตึกหลังหนึ่ง ทั้งเคาะทั้งทุบประตูเพื่อหาทางเข้าก่อนจะได้การตอบกลับมาว่า “ไปซะที่นี่เต็มแล้ว!”
ผมไม่ดึงดันเพราะคงเสียเวลาเปล่า เห็นคนกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะหลบควันบ้านั่นในรถ ดูเป็นความคิดไม่เลวแต่ผมก็สลัดมันออกไปจากหัวโดยเร็วเมื่อเห็นซอมบี้ที่กำลังแห่มาและพากันทุบกระจกลากคนที่อยู่ในรถออกมารุมทึ้งอย่างโหดร้าย
“เฮ้! ทางนี้เจ้าหนู” เสียงชายคนหนึ่งเหมือนจะตะโกนเรียกผมเขายืนอยู่หน้าตรอกที่ตัดไปสู่อีกช่วงถนนหนึ่ง “เธอนั่นแหละ”เขาย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นผมไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่าไม่ได้เรียกมันคงเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผมจริงๆ แล้วล่ะ
“เธอนี่มันดวงดีจริงนะ” เขาว่า “รีบไปกันเถอะ” ผมยังไม่ทันจะพูดอะไรเขาก็ออกวิ่งซะแล้วชายตรงหน้าผมอายุน่าจะราวๆ สามสิบปลายๆ สวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตกางเกงยีนส์เข้ารูปกับรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้ม ผิดกับผมที่แค่เสื้อยืดธรรมดาๆกับกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบ
ผมวิ่งตามเขามาเรื่อยๆพวกเรามาโผล่อีกถนนหนึ่งเหมือนผมกำลังย้อนเทปกลับไปยังช่วงที่ไม่มีหมอกควันอีกครั้ง มีก็แต่ฝูงซอมบี้ “ตามอย่าให้คลาดสายตาล่ะ”เขาวิ่งตัดถนนไปยังทางเท้าอีกฝั่ง เขาใช้เพียงมือเปล่าจับหัวซอมบี้ที่พุ่งเข้าหาทุ่มลงกับกระโปรงรถหัวมันกระแทกอย่างแรง เหมือนกับว่านี่เป็นเรื่องที่เขาทำมานานแล้ว
“เร่งฝีเท้าหน่อย” เขาตะโกนบอกวิ่งนำฝ่าผู้คนเข้าไปในตรอกแคบๆ ที่ข้างในเป็นทางตัน “เร็วเข้า!”เขาเรียก หยุดยืนอยู่ตรงกลางตรอกแคบๆที่พื้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำขังสกปรก ก่อนผมจะเห็นว่ามีประตูบานหนึ่งอยู่
“สถานการณ์แบบนี้เข้าข้างหน้าได้ที่ไหนล่ะ” เขายิ้มเปิดประตูเหล็กและผลักมันเข้าไปข้างใน มันเป็นอพาทเมนท์ระดับกลางๆผมเดินตามเข้าข้างใน เขาปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา
“แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ” เขาหันมาถามผม
“เจคครับ”
……….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in