……….
ตอนที่ 15 : อย่างผมเนี่ยนะจะถูกจับ
“นายคิดว่าจะหนีไปไหนรึเจค” บิลพูดระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งสองกำลังค้นตัวและยึดเอามีดสั้นกับปืนพกของผมไป
ผมเงียบ ไม่อยากต่อบทสนทนาให้มันยืดยาวบางทีผมอาจจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ก็ได้ ต่อให้อีกชั่วโมงกว่าๆมาคัสจะให้พอลออกตามหาและพาผมออกไปจากที่นี่ก็เถอะ แต่สภาพการณ์ในตอนนี้ผมคิดว่าพอลก็คงช่วยอะไรไม่ได้ในเมื่อผมติดอยู่ในรถหุ้มเกราะ ขนาบข้างด้วยรถตำรวจอีกหลายคันที่อารักขาทุกอย่างดูแน่นหนา รัดกุม หมดหนทางดิ้นรน
ผู้คนสองข้างทางพากันมองขบวนรถที่แล่นผ่านพวกเขาไปผมคิดว่าอาณาเขตเมืองเคลโอชั้นในนี่ก็ใหญ่เหมือนกัน อย่างนี้น่าจะมีคนรอดชีวิตหลายพันคนแน่ๆไม่สิ บางทีอาจเป็นหลักหมื่นเลยก็ได้ เพราะเคลโอเป็นมหานครที่ใหญ่ผู้คนมากมายล้วนอยากเข้ามาที่นี่สักครั้ง สถานที่ที่เต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง ทำให้ผู้คนหลงใหลและแห่แหนเข้ามาทำงานไม่ก็เที่ยวเล่น
“หัวหน้าครับ” คนขับเรียกบิลให้ดูถนนข้างหน้า เมื่อเขาเอาแต่ก้มหน้าเช็คข้อมูลด้วยแท็บเล็ตในมือเขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับขบวนรถที่ชะลอช้าลง
ข้างหน้าถัดจากรถตำรวจนำขบวนไปสิบกว่าเมตรเผยให้เห็นร่างชายหนุ่มคนหนึ่ง ยืนตระหง่านอย่างไม่กลัวเกรงอยู่กลางถนนเขาอยู่ในชุดสีขาวสะอาด ภาพตรงหน้าทำเอาผมอึ้งไม่ต่างจากบิลหรือทุกคนในรถ
ผมเห็นพอลอยู่ข้างหน้าในมือว่างเปล่า ไม่มีอาวุธสักชิ้น ไม่พกอะไรสักอย่าง เขาบ้าไปแล้วรึไงกัน รถตำรวจนำขบวนหยุดลงทำให้คันอื่นๆ พากันหยุดตาม
“จัดการมันซะ” บิลสั่งการผ่านวิทยุสื่อสาร
ไม่นานผมก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งข้างคนขับเปิดประตูรถออกมา ดูเหมือนจะตะโกนคุยอะไรกันสักอย่าง แต่เหมือนการเจรจาจะไม่สำเร็จเขายกปืนขึ้นเล็งไปยังพอล แต่แล้วเหตุการณ์ต่อจากนั้นทำเอาทุกคนถึงกับตะลึงไปตามๆกัน เมื่ออยู่ๆ ร่างของพอลก็หายลับไปต่อหน้าต่อตา
ปัง !
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่เล็งปืนใส่เขาเมื่อครู่กลับโดนปืนตัวเองยิงตาย ร่างล้มลงกระแทกพื้นถนน ปัง ! ที่สองดังขึ้นคนขับในรถตายคาที่ เลือดกระเซ็นเปื้อนกระจกหน้ารถ และร่างของพอลก็อันตรธานหายไปอีกครั้ง
ผมได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่มากมายตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าผ่านวิทยุสื่อสารในมือของบิล
“ขับต่อไป !” บิลสั่งคนขับ น้ำเสียงไม่รู้ว่ากลัวหรือโกรธกันแน่
รถหุ้มเกราะที่ผมนั่งพุ่งเข้าชนรถตำรวจนำขบวนที่ตอนนี้ไร้ซึ่งคนขับ รถตำรวจรอบด้านต่างก็แล่นต่อเช่นกันทุกคันขับต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอลหายไปไหน ผมว่าเขาคงไม่หยุดเท่านี้แน่
ตูม !
เสียงระเบิดดังขึ้นทางซ้ายของรถผมหันตามเสียงทันที รถตำรวจด้านข้างเกิดระเบิดขึ้นมันกระเด็นอย่างแรงมาชนเข้ากับรถคันที่ผมนั่ง โครม ! รถหุ้มเกราะโดนเข้าเต็มแรงมันเอียงขึ้นทำท่าจะคว่ำ แต่ด้วยความแข็งแรงของรถมันจึงตั้งหลักไว้ได้ รถตำรวจคันที่ว่าเกิดไฟลุกโหมขึ้นมาผมได้ยินเสียงบิลสั่งการทางวิทยุว่า
“จัดการมันให้ได้” บิลสั่ง นี่สรุปจะไปต่อหรือจะสู้กันแน่ ถ้าผมเป็นลูกน้องคงไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไรเมื่อได้รับคำสั่งยังมองไม่เห็นศัตรูเลยด้วยซ้ำแต่หัวหน้าดันสั่งให้ไปฆ่า
“ดูท่าหมอนั่นจะช่วยนายให้ได้เลยนะ” บิลพูด
“เขาทำได้แน่” ผมตอบ บิลไม่พูดอะไร เขาเปิดประตูเดินออกไปนอกรถพร้อมกับปืนสั้นในมือ
ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วบางทีพอลอาจอยากให้ผมหาทางออกมาจากรถเองก็ได้ เพราะยังไงรถตำรวจอารักขาก็ยังเหลืออยู่ตั้งสามคันทางขวา หลัง และหลังไปอีกหนึ่งคัน ดูท่าบิลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนลงจากรถพร้อมอาวุธครบมือนี่คงกะจะฆ่าให้ได้สินะ แต่เจ้าสองคนข้างๆ ผมนี่ไม่มีทีท่าจะลุกไปไหนเลยสักนิด แต่ผมก็เห็นหนทางออกจากรถนี่แล้ว
ผมที่มัวแต่ตะลึงไปกับสิ่งที่พอลทำจนลืมไปว่ากุญแจมือที่ล็อคผมไว้ดูเป็นกุญแจมือธรรมดาๆ อันที่จริงถ้าเป็นผมคนก่อนก็คงไม่คิดหรอก แต่นี่ผมมีแรงมากกว่าเดิมหลายเท่าทำไมจะกระชากมันออกไม่ได้ล่ะ แต่ถ้าผมลองล่ะก็เจ้าหน้าที่ ที่นั่งขนาบข้างอยู่จะรู้ตัวทันที
นั่นหมายความว่าผมต้องทำให้ได้ภายในครั้งเดียวและมันต้องมากกว่าแค่กระชากออกด้วย ดูเจ้าหน้าที่ตำรวจและบิลจะตั้งท่าระมัดระวังกันสุดชีวิตรวมถึงเจ้าหน้าที่ข้างๆ ผมที่ดูจะสนใจนอกตัวรถมากกว่าในรถเสียอีก
เอาก็เอาวะผมคิดในใจ กระชากข้อมือสุดแรง ไม่ได้คิดถึงกุญแจมือ แต่คิดว่าจะใช้มือทั้งสองจัดการเจ้าหน้าที่แต่มันกลับกลายเป็นเรียกความสนใจพวกเขากลับมาในรถมากกว่า ทั้งสองตกใจและทำท่าจุกเล็กน้อยผมเอนหลังติดเบาะ พร้อมกับสองมือที่อ้าออก ใช้หลังมือทั้งสองชกเข้าใส่ใบหน้าทั้งคู่อย่างน้อยก็น่าจะมึนบ้าง ผมไม่รีรอ ผมหันซ้ายชกหมัดขวาเข้าใส่คนทางซ้าย หันกลับมาชกเข้าอีกกับอีกคนหนึ่ง ทั้งหมดดูจะเกิดในช่วงเวลาสั้นๆสำหรับพวกเขา แต่สำหรับผมมันดูเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว
เจ้าคนขับรถข้างหน้ารีบหันและเล็งปืนมาที่ผมผมยื่นเท้าเตะปัดปืนผ่านช่องว่างระหว่างเบาะ ปืนหล่น ผมพุ่งตัวไปข้างหน้าจับหัวคนขับ กระแทกกับพวงมาลัยสองสามที หยุดลงเมื่อเห็นพวงมาลัยมีคราบเลือดผมชะโงกหน้ากลับมา เก็บปืนและมีดอย่างรวดเร็ว บิลและเจ้าหน้าที่คนอื่นเห็นแล้วว่าผมกำลังหนี
“อ้ากก !” เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังลั่นผมไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน แต่ฝีมือพอลแน่ รู้แค่ว่ามันเบี่ยงเบนความสนใจให้ผมได้เป็นพอผมถีบประตูรถ มันกระเด็นไปชนกับรถตำรวจทางขวา ปัง ! ผมยิงไปหนึ่งคนล้มลงนอนนิ่งกับพื้น หมุนตัวเตะอีกคน เขาถลาไปข้างหลังสามสี่ก้าว ยังไม่ล้มง่ายๆผมออกแรงปลายเท้า พุ่งด้วยความเร็วพร้อมกับมีดในมือ ปักเข้าแทงลงตรงไหปลาร้า ชักออก เลือดสีแดงสดพุ่งทะลักออกมา ก่อนถีบร่างนั้นล้มลง
ประชาชนรอบข้างแตกตื่นร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีดกับภาพความรุนแรงตรงหน้า ทำให้ละแวกนี้ร้างคนกันไปหลายช่วงตึกทีเดียว ตอนนี้เหลือเจ้าหน้าที่ไม่ถึงสิบคนบางคนถึงกับคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิตซึ่งพอลก็ไม่คิดจะฆ่า แต่บางคนยังคิดจะสู้โดยเฉพาะพวกที่อยู่ใกล้ๆกับบิล
ผมลั่นกระสุนอีกสองนัดปลิดชีพเจ้าหน้าที่ที่นั่งเบาะหลังทั้งสองที่ผมใช้หลังมือชกสลบไปเมื่อครู่
“เจค” พอลตะโกนเรียก เขาไปนั่งอยู่ในรถตำรวจตั้งแต่เมื่อไรน่ะ
“ขึ้นมาเร็วเข้า” เขาเร่ง ผมรีบวิ่ง เปิดประตูรถ ทิ้งตัวลงนั่ง รถแล่นออกไปก่อนที่ผมจะปิดประตูซะอีก
เกร้ง ๆ ๆ ! เสียงห่ากระสุนที่ระดมยิงใส่ท้ายรถดังไม่ขาด ผมก้มหัวลงเพื่อหลบทีต่อหน้าล่ะตัวสั่นไม่กล้ายิง พอทีงี้ล่ะยิงไม่ยั้งเลยนะ ผมคิดในใจ
“ฉันคิดแล้วเชียวว่านายไม่น่าจะรอดเกินครึ่งชั่วโมงเมื่อออกจากตึก” พอลพูด “แต่เอาเถอะ ดูนายจะเริ่มใช้ความสามารถที่นายมีเป็นบ้างแล้วนี่”
“ก็เริ่มคุ้นเคยนิดหน่อยน่ะครับ”
“นายค้านเรื่องการทดลองพวกนี้ว่าไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ฉันคิดว่าในใจนายลึกๆ ก็รู้สึกดีใช่มั้ยล่ะที่ตัวเองมีพลังขนาดนี้” พอลพูดสายตามองตรงไปยังถนนที่โล่ง มีก็เพียงแต่รถเมล์คันเล็ก ที่ไว้บริการผู้คนเท่านั้น รถยนต์ดูมีไว้สำหรับพวกเจ้าหน้าที่มากกว่าคงด้วยวัตถุดิบที่หายาก เมื่อโรงงานข้างนอกต้องปิดตัวลงไปตามสภาพเชื้อระบาด คงยากที่จะหาวัสดุต่างๆได้ แต่ผมว่าวัสดุต่างๆ คงเอาไปดัดแปลงและใช้ในการทดลองซะมากกว่า
“ใช่ครับ ลึกๆ ผมก็ดีใจที่ตัวเองมีพลังขนาดนี้ แต่มันก็ยังยอมรับไม่ได้อยู่ดีใช่ว่ามันจะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์นี่ครับ ไหนจะผลข้างเคียงอีก ยังมีอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้”ผมตอบ
“พวกมิวแทนท์อย่างเราน่ะจะมีอายุไขแค่ครึ่งเดียวของมนุษย์ทั่วไป แต่ในกรณีนายอาจไม่ใช่” พอลว่า
“หมายความว่าไงครับ” ผมเริ่มงงที่พอลพูด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน หัวหน้าฉันบอกมาน่ะ ฉันเองก็มีชีวิตแค่ครึ่งเดียว แต่ดีที่ไม่มีผลข้างเคียงอะไรแต่ผู้คนพวกนี้ไม่รู้เรื่องผลข้างเคียงหรืออายุที่ลดลงหรอกนะ” พอลอธิบายพลางมองไปยังผู้คนที่เดินไปมาสองข้างทาง พวกนั้นหยุดตามล่าเราแล้วรึไงกัน
“ถึงอยากจะไปทดลองสินะ เห็นว่าได้สิทธิพิเศษมากมายเลยนี่” ผมว่า เริ่มรู้สึกแปลกๆ
“ใช่ ดูท่าจะหมดช่วงสนทนาแล้วสิ” พอลชำเลืองมองกระจกส่องหลังเห็นรถตำรวจสามสี่คัน เร่งความเร็วตามพวกเรามาติดๆพอลตัดสินใจเร่งความเร็วขึ้นอีกเพื่อทิ้งระยะห่าง
“ว่าแต่พวกเราจะออกไปกันยังไงล่ะครับ” ผมถาม คงไม่ใช่บังคับให้ยามเปิดประตูเมืองและขับรถออกไปสินะนั่นมันก็ดูจะง่ายไปหน่อย
“ไม่รู้สิ ไปถึงเดี๋ยวก็คิดได้เองแหละ”
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in