……….
ตอนที่ 14 : โดนจับซะได้
เป็นไปตามที่มาคัสว่า ตลอดทางที่ผมวิ่งวนลงข้างล่างโดยใช้บันไดหนีไฟไม่มีแม้แต้เสียงเปิดประตู ได้ยินเพียงเสียงรองเท้ากระทบกับขั้นบันไดเหล็กของผมที่ดังก้องผมวิ่งบ้างเดินบ้างร่วมสิบนาทีก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูทางออกผมจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ซ่อนมีดสั้นไว้ในขากางเกง ส่วนปืนเหน็บไว้ข้างหลัง เอาชายเสื้อทับไว้
ผมสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆรวบรวมสติ ดึงบานประตูเข้าหาตัวช้าๆ พร้อมกับมองออกไปข้างนอก เงียบ มีพนักงานเดินกันบ้างประปราย ผมก้าวออกมาช้าๆ ปิดประตูลง สายตาบางคนมองผมราวกับเป็นคนประหลาดเมื่อผมออกมาหลังบานประตูหนีไฟ
ชั้นนี้เป็นเพียงพื้นที่โล่งมีส่วนที่จัดโต๊ะเก้าอี้ไว้สำหรับพนักงานไว้นั่งพักผ่อน มีน้ำพุขนาดย่อมข้างในมีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์อยู่ตรงข้ามกับบานประตูกระจกใส มันไม่ใช่อาคารใหญ่และดูจะมีแต่คนในเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้ามาได้
ผมมุ่งเดินออกไปยังทางออกเดินให้ปกติที่สุดเจ้าหน้าที่คนอื่นจะได้ไม่สงสัย ผมผลักบานประตูกระจกออกไปข้างนอกเป็นถนนที่มีรถแล่นไปมา ไม่เห็นวี่แววของผู้คนที่รอดชีวิต เหมือนกับว่าผมยังติดอยู่ในพื้นที่ส่วนในของเจ้าหน้าที่อยู่ดี
ผมกวาดสายตาไปมามองหาทางไปต่อถ้ามองในมุมมองเดิม เมืองแห่งนี้ก็ยังดูเป็นปกติดี ทั้งตัวอาคาร ถนนหนทาง ซึ่งตึกแห่งนี้ดูท่าจะมีมานานแล้วนั่นทำให้ผมคิดว่าเจ้าโครงการทดลองนี่มันอยู่คู่เมืองแห่งนี้มาตลอดเลยรึ นั่นฟังดูแปลกพิกลทางการไม่คิดจะสำรวจกิจการให้ถี่ถ้วนเลยรึไง แต่คิดๆ ดูบางทีอาจเป็นทางการนี่แหละที่เป็นเจ้าของที่แห่งนี้
ตึกส่วนใหญ่แถวนี้จะมีบรรดาพนักงานเดินออกมาตลอดเวลาผมเดินไปตามทางเท้า หลายครั้งที่มีคนมองมาด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนกับว่าผมไม่ควรจะออกมาเดินแถวนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินต่อไป แต่แล้วความรู้สึกของผมมันบอกว่าสายตาคนที่มองนั้นกลับยิ่งหนักขึ้นและผมก็เห็นเจ้าหน้าที่ในชุดรักษาความปลอดภัยสองคนกำลังเดินข้ามถนนมาหาผม ได้เรื่องอีกแล้วสิน่า ผมยืนนิ่ง ลังเลว่าจะยืนรอหรือวิ่งฝ่าด่านทางเข้าที่มียามอยู่อีกสามสี่คนข้างหน้าถัดไปอีกสิบกว่าเมตรดี
ผมพยายามไม่ล่อกแล่กจะได้ไม่น่าสงสัย จนสองคนนั้นเดินเข้ามาใกล้
“ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย นายลงมาข้างล่างได้ไง” หนึ่งในสองคนถามขึ้น
“เอ่อ...คือ ผม” ผมได้แต่กระอักกระอ่วน คิดหาคำตอบ แต่แล้วก็เกิดเสียงคลื่นวิทยุขึ้น ชายคนที่สองหยิบมันขึ้นมารับสายชายคนแรกยังยืนจ้องผมด้วยความสงสัย แต่ก็กำลังสนใจในสิ่งที่เพื่อนตนทำอยู่
“มาดูนี่สิ” ชายคนที่ถือวิทยุเรียกเพื่อนไปดูหน้าจอมอนิเตอร์เล็กๆบนเครื่องวิทยุของตน ทั้งคู่จ้องมันอยู่สักพักบวกกับมองมาที่ผม มองหน้าอย่างนี้มีเรื่องแน่ๆ ผมคิด รู้เลยว่าไม่อีกกี่อึดใจข้างหน้าผมได้เปิดฉากวิ่งแน่
“ขอดูบัตรประจำตัวหน่อย” ชายคนแรกกล่าว
“ได้สิครับ” ผมหยิบบัตรจากกระเป๋าเสื้อจับบัตรสองมือ ยื่นไปตรงหน้าชายทั้งสอง เขาเอื้อมมือจะหยิบบัตร ผมปล่อยบัตรลง เพิ่มแรงส่งพร้อมเอียงตัวไปข้างหน้าสองมือที่ยื่นไปอยู่แล้ว กระแทกเข้ากลางหน้าอกของชายทั้งสองเต็มแรง ปึ้ก ! ทั้งคู่ล้มลง พนักงานล้อมรอบเริ่มหันมามองเป็นตาเดียว
ผมไม่คิดจะฝ่าทางกั้นออกไปวิ่งย้อนกลับมา เข้าไปในตรอกที่ใกล้สุด เห็นกำแพงสูงหลายเมตร เติมเหล็กลวดหนามไว้ข้างบนมันคงเป็นที่แบ่งเขตภายนอกที่คนส่วนใหญ่อยู่กับส่วนของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างใน เสียงเจ้าสองคนนั้นยังตะโกนไล่หลังผมมาติดๆเหลือทางเดียวแล้วที่จะออกไปจากตรงนี้
มันเป็นตรอกโล่งๆที่เต็มไปด้วยน้ำขังบนหลุมและมีกลิ่นอับชื้น ผมเล็งมุมซ้ายของกำแพง ต้องวิ่งชิ่งไต่ขึ้นไปด้วยมุมฉากเท่านั้นผมถีบแรงวิ่งให้เร็วขึ้นอีกเพื่อใช้เป็นแรงส่ง ถีบขาซ้ายเข้ากับกำแพงอาคาร ตามด้วยเท้าขวาบนกำแพงที่ตั้งฉากกันต่อด้วยซ้าย ตามด้วยขวา ขึ้นมาได้ราวๆ สองเมตรดูเหมือนแรงโน้มถ่วงกำลังจะฉุดผมลงข้างล่างผมออกแรงเพิ่มมากขึ้นในการใช้ขาซ้ายในการไต่เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นแรงถีบพร้อมกับชูสองมือขึ้นกลางอากาศ ลอยคว้างอยู่เสี้ยววินาทีก่อนที่ปลายนิ้วทั้งแปดจะเกาะขอบไว้ได้พอดี
ผมค่อยๆ ใช้ขาไต่กำแพงขึ้นมายืนบนขอบมันไม่ค่อยเหลือเนื้อที่เท่าไรเพราะส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยแท่งลวดหนามที่ตั้งตรงและยื่นออกไปด้านนอกดีที่ไม่มียื่นเข้ามาข้างในไม่งั้นผมคงแย่
“หยุดเดี๋ยวนี้ ! เจ้าหมายเลข 7” ชายคนเดิมตะโกน ในมือเขาและเพื่อนชูปืนเล็งขึ้นมาที่ผม
“กล้ายิงผมหรอ ดูนั่นสิ” ผมพูด ชี้ไปข้างหลังทั้งสองคนซึ่งไม่มีอะไรหรอก พวกนั้นก็ดันหันตามจริงๆ ผมจึงฉวยโอกาสกระโดดลงมาอีกฝั่งจากความสูงเกือบห้าเมตร ปลายเท้ากระแทกพื้น แต่คราวนี้ผมไม่รู้สึกเจ็บเหมือนเมื่อก่อน ในใจผมเริ่มรู้สึกชอบเจ้าพลังนี่ขึ้นมาซะแล้วสิแต่ผมก็ดีใจได้ไม่นาน ความสนใจก็ต้องเปลี่ยนไป
เหล่าผู้คนมากมายที่ยืนอยู่ข้างหน้าตรอกที่ผมอยู่ทุกคนยืนนิ่ง พุ่งความสนใจไปยังจุดๆ เดียว ผมค่อยๆ เดินออกไป ไม่มีใครสนใจผมที่โผล่ออกมาเลยสักนิดผมมองตามสายตาทุกคู่ ปรากฏจอภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่ มันลอยอยู่บนอากาศ ใหญ่พอจะทำให้คนที่อยู่ห่างจากมันเกือบไมล์สามารถเห็นได้ชัดผมตกใจเมื่อเห็นภาพบนจอ
มันแสดงภาพชายสองคนกำลังต่อกรกับพวกกลายพันธุ์พวกเขากำจัดมันได้อย่างง่ายดายราวกับมันเป็นเพียงหุ่นไม้เท่านั้น ต่อยทีเดียวซอมบี้ธรรมดาๆกระเด็นไปหลายเมตร ก่อนจะขึ้นเสียงของผู้หญิงที่ดูจะผ่านโปรแกรมแปลงเสียงมาแล้ว
//พวกคุณจำเป็นจะต้องกลัวพวกมันอยู่อีกหรือในเมื่อคุณเองก็สามารถจะแข็งแกร่งขึ้นและกำจัดพวกมันได้ด้วยตัวเอง ด้วยโปรเจคการทดลองที่สมบูรณ์แบบนี้พวกคุณจะไม่ต้องกลัวพวกมันอีกต่อไป สมัครด้วยตัวคุณเองได้แล้ววันนี้ที่อาคารพิเศษแล้วคุณจะได้สิทธิพิเศษเหนือใคร//
เมื่อเสียงจากระบบพูดจบเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจพลันดังขึ้นไปทั่วทั้งเมือง สีหน้าทุกคนเหมือนดีใจที่สิ่งนี้เสร็จสมบูรณ์ราวกับว่ารอมันมาอย่างยาวนาน
“ไม่ดีใจรึไงพ่อหนุ่ม” ลุงตรงหน้าผมหันมาถาม
“ไม่รู้สิครับ ผมว่ามันน่ากลัว” ผมตอบ ถึงแม้ว่าตัวเองนี่แหละที่ผ่านมันมาแล้ว
“ฮะๆ นั่นสินะ ฉันเองก็ว่ามันน่ากลัวเหมือนกัน แต่ตอนนี้ ใครๆ ก็อยากจะเป็นหนึ่งในการทดลองนั่นกันทั้งนั้นแหละ”
“ทำไมหรอครับ” ผมถาม
“คนที่ทดลองสำเร็จจะได้ทั้งตำแหน่ง ฐานะ ที่อยู่ อาหารทุกอย่างที่ดีกว่าเดิม มีใครบ้างไม่อยาก” ลุงพูด มิน่าล่ะทุกคนถึงดีอกดีใจเมื่อเห็นว่าโครงการนี้มันสำเร็จแล้วแต่เหมือนความสงบสุขของผมจะอยู่ได้ไม่นานนัก
//ประกาศด่วน ! ใครพบเห็นชายต้องสงสัยในภาพกรุณาแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่โดยด่วนค่ะบุคคลดังกล่าวมีโทษฐาน ฆ่าชิงทรัพย์ ถือเป็นบุคคลอันตราย ขอให้ระวังตัวด้วยค่ะ//
“เอ่อ... ผมไม่ใช่นะลุง” ผมรีบพูดและรีบวิ่งออกไปทันที ถึงแม้ว่าสีหน้าและท่าทางลุงแกจะบอกว่ากลัวสุดขีดก็เถอะ
“เจ้านั่น ! มันอยู่ตรงนี้” ทันทีที่ลุงแกตะโกนเท่านั้นแหละชาวบ้านพากันแตกตื่น ผมได้ยินเสียงตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่กันระงม ต้องไปแล้ว ผมวิ่งออกมาจากตรอกไปตามทางเท้า ผู้คนที่เห็นพากันแหวกทางให้อย่างแตกตื่น ได้ยินเสียงฝีเท้าเจ้าหน้าที่นับสิบวิ่งไล่หลังมาไกลๆแต่สุดท้ายเหมือนผมจะหนีไปไหนไม่รอดอยู่ดี
ทางแยกถนนข้างหน้าปรากฏรถตำรวจหลายสิบคันจอดขวางเรียงเต็มถนนไปหมดมีเจ้าหน้าที่นับสิบยืนเล็งปืนอยู่หลังบานประตูรถ คงไม่ต้องเดาว่าเล็งใคร ผมหยุดวิ่ง
ปึ้ก ! รู้สึกเหมือนมีอะไรพุ่งเข้าใส่จากด้านหลังผมล้มลงกับพื้นถนน ดีที่เอามือยันไว้ได้ทัน
“เอามือไขว้หลัง ! ” ชายข้างหลังผมตะโกนขึ้น ผมทำตามอย่างเลือกไม่ได้ เขาใส่กุญแจมือดึงผมให้ลุกขึ้น และผมก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่หลายสิบ อาจถึงสามสิบคนได้ยืนล้อมรอบผมอยู่พร้อมกับอาวุธครบมือยังไม่นับหน่วยพิเศษที่มีชุดเกราะพร้อมรถกันกระสุน นี่ข้อหาฆ่าชิงทรัพย์นะเฮ้ย ไม่ได้กบฏ
เจ้าหน้าที่พาผมใส่ท้ายรถหุ้มเกราะ นั่งตรงกลาง มีเจ้าหน้าที่พิเศษนั่งประกบข้าง
“คิดจะไปไหนรึเจค” เสียงชายที่ผมเคียดแค้นที่สุดดังขึ้น เขานั่งอยู่หน้ารถ
บิล !
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in