นิยายทั้ง 13 เล่ม

ตั้งแต่ได้อ่านเล่มแรก บอกเลยว่าผมตกหลุมรักจักวลาลมืดหม่นและน่าขนลุกที่ Lemony Snicket (นักเขียน) เป็นผู้สร้างขึ้น เรื่องมันสนุกตื่นเต้นเสียจนวางไม่ลง เป็นหนังสือเล่มแรกๆ ในชีวิตที่อ่านรวดเดียวจบ รูปภาพประกอบเองก็สวยมีสเหน่ห์มาก 

ผมประทับใจมิตรภาพระหว่างสามพี่น้อง ที่ทุกคนต่างช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ยามคับขันด้วยความสามารถพิเศษของตัวเอง (การประดิษฐ์ของไวโอเลต ความรู้ของเคลาส์ และพลังกัดมหาศาลของซันนี่) ผมว่ามันซึ้งใจดีที่อย่างน้อยๆ เด็กอับโชคทั้งสามนี้ก็อย่างมีเรื่องโชคดีอย่างอย่างหนึ่ง

ก็คือมีกันและกัน

ภาพประกอบที่สวย มีเอกลักษณ์ ดูดาร์กและลึกลับ

หลังจากอ่านไปจนถึงเล่มท้ายๆ ผมก็ดีใจมากเมื่อได้ข่าวว่าเรื่องราวของเด็กกำพร้าโบดแลร์จะได้ไปโลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์ม จำได้เลยว่ารอคอยใจจดใจจ่อให้ได้ไปดูมาก น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกๆ เลยที่ได้ออกไปดูในโรงกับเพื่อน มีความสุขมาก (ทั้งที่ตัวหนังก็ทำออกมาได้ไม่ประทับใจเท่าไรนัก)

อย่างที่บอกครับว่ามันเป็นหนึ่งในสื่อที่มีอิธิพล เชปความสนใจ-รสนิยมความชอบ สไตล์ของผม มาจนถึงทุกวันนี้

เหล่าพี่น้องโบดแลร์ในเวอร์ชั่นหนังใหญ่

ลุงจิมแคร์รี่ กับ ป้าเมอรีล สตรีพ ก็มาร่วมแสดงด้วยนะ

เสียดายที่ชุดหนังสืออยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้ายได้กระจัดกระจายหายไปเกือบหมดได้หลายปีแล้ว เวลาอยากจะอ่านซ้ำก็เซ็งมากที่ไม่มีให้อ่าน ครั้นตั้งใจจะไปซื้อชุดใหม่ที่งานหนังสือก็เสียดายเงิน ทำใจซื้อหนังสือที่อ่านจบมาซ้ำไม่ได้สักที เลยบอกกับตัวเองไว้ว่า ถ้ามันลดราคาเยอะๆ บวกกับมีเวลาว่าง เมื่อไร จะจัดมาอ่านใหม่ทั้งเซต แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นก็ผลัดมากทุกปี

แต่ปีนี้คงจะได้ฤกษ์ซื้อแล้วล่ะครับ พอได้ข่าวว่าจะมีการรีเมค A Series of Unfortunate Events มาในรูปแบบซีรี่ส์ ซึ่งดูเหมาะสมกว่าหนังนะผมว่า มีโปรดักชั่นที่ดูจริงจรัง และจะนำแสดงด้วยนักแสดงมากความสามารถอย่าง Neil Patrick Harris (ซีรี่ส์จะ premiere ออกมาทีเดียวถึง 8 ตอนในวันที่ 13 มากราคม 2017)

โปสเตอร์ทีเซอร์ของการกลับมาของเหล่าโบดแลร์

ก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว คงถึงเวลาที่จะได้ย้อนกลับไปเอาใจช่วยเพื่อนวัยเด็กให้รอดพ้นจากเงื้อมมืออันชั่วร้ายอีกครั้ง ดูซิว่าอีก 10 ให้หลัง เรื่องราวเหล่านี้จะยังทำให้ตราตรึงใจได้เหมือนเดิมรึเปล่า

แล้วเจอกันที่งานหนังสือนะ พี่น้องโบดแลร์ : )