ฉันไม่คิดถึงเธออีกแล้ว
วันนี้ฉันกล้าพูดได้เต็มปากว่าฉันมูฟออนจากเธอได้สนิทใจ
ฉันกล้าเล่าเรื่องความรัก ความเจ็บช้ำได้แบบที่ยอมรับ เข้าใจ และก้าวข้ามมันได้แล้ว
ดูรูปแล้วเห็นเป็นเรื่องน่าขัน ดูสตอรี่แล้วรู้สึกธรรมดา
การคลั่งรักใครสักคนพอเลยจุดนั้นแล้วมันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี
ฉันกล้าบอกเธอว่าเราเจ็บเพราะเธอ เราไม่กล้ารักใคร
และวันนี้สบายใจที่จะคุยกันเรื่องความสัมพันธ์ใหม่ ๆ ได้แล้ว
แบบไม่คิดถึงเธออีกเลย
เธอบอกว่าถ้ามีใครสักคนมาดูแลหัวใจ เข้าใจและรักฉันในแบบที่ฉันเป็น เธอก็ดีใจ
แม้ชีวิตที่ผ่านมาจะไม่มีใครเข้าใจฉันได้เท่าเธอ
แต่หวังว่าสักวันจะได้เจอใครคนนั้น จะได้โอบรับเขาเข้ามาแนบใจ
และคงชีวิตด้วยกันเรื่อยไปจนสิ้นเวลา
ฉันไม่คิดถึงเธออีกแล้ว
ฉันเปิดใจคุยกับคนใหม่ ๆ ได้สนิทใจ
ถึงจะไม่ชินกับการสร้างบทสนทนาเพราะเป็นยังกลัวการเข้าสังคม
ก็กล้าที่จะเปิดโอกาสให้ตัวเอง
เหมือนกับที่ใครสักคนเคยบอกว่าที่ไม่มีใครอาจไม่ใช่เพราะไม่มูฟออน
แต่อาจเป็นเพราะไม่เปิดใจให้ใคร
ฉันไม่คิดถึงเธออีกแล้ว
ฉันทำงานได้อย่างปลอดโปร่ง ไม่กังวลว่าจะรอแชทใครขนาดนั้น
ดำเนินความสัมพันธ์กับคนรอบตัวได้อย่างเป็นปกติ ในแบบฉบับคนมีโลกส่วนตัว
อ่านหนังสือก่อนนอนแล้วหลับไปโดยไม่ต้องกังวลใจ
ไม่ได้คิดถึงใครเวลาอ่านนิยายถึงฉากพลอดรัก
ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเวลาอ่านนิยายจนถึงการจากลา
แค่รู้สึกว่าอยากให้มันเกิดขึ้นอีกสักครั้งในชีิวิต แต่ก็ไม่ได้คาดหวังให้มันเกิดขึ้นขนาดนั้น
ฉันไม่คิดถึงเธออีกแล้ว
ราวกับว่าฉันปล่อยให้เรื่องราวของเธอโดนคลื่นความจริงซัดกลับทะเลความทรงจำไป
เหยียบย่างโดยไม่แลกลับราวกับเป็นรอยทรายแห่งเวลาที่วันนึงก็จะกลืนหายลงไป
ฉันไม่คิดถึงเธออีกเลย
แม้กระทั่งบางเสี้ยวใจที่รู้สึกว่าอยากให้โลกทั้งโลกถล่มลงมา
วันนี้ฉันยืนได้ ฉันยิ้มได้ และจะต้านทานทุกสิ่งทุกอย่างได้
โดยที่ไม่มีแม้เสี้ยวเงาของเธอในเสี้ยวใจ
ไม่คิดถึงเธออีกแล้ว
ไม่คิดถึงเธออีกเลย
(ไม่)คิดถึงจริง ๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in