เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Uncollected Storiessourwolf
(SHINHWA SF) Bridal Bouquet ft. Kim Dongwan - 1

  • เมื่อสองสามวันก่อน ฝนตกหนักทั่วกรุงโซลกลางฤดูใบไม้ผลิที่สมควรจะสดใสแบบไร้วี่แวว น้ำขังเจิ่งนองไปทั่วทางเดิน บางพื้นที่ถึงกับระบายน้ำไม่ทัน


    ในตอนนั้น ฉันนั่งภาวนาให้ฝนตกต่อไปเรื่อยๆอยู่บนโต๊ะทำงาน..แต่มันก็ไม่เป็นผล



    เช้าวันนี้อากาศสดใสราวกับปาฏิหารย์




    ฉันยืนปาดน้ำตาอยู่หน้าโบถส์แห่งหนึ่งในย่านชานเมือง ต้นสนสีเขียวชอุ่มเรียงรายอยู่รอบบริเวณข้างๆกับดอกไม้นานาชนิด กลุ่มคนสามคนวิ่งเหยาะๆผ่านหน้าฉันไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทุกคนสวมชุดสวยที่มีโทนสีอบอุ่น


    อีมินอูกำลังจะแต่งงาน หรือถ้าพูดให้ถูกคือเขาแต่งไปแล้ว


    หน้าประตูของโบถส์มีบันไดทอดยาวลงมาเหมือนในเทพนิยายปรัมปรา อีมินอูควงแขนกับเจ้าสาวของเขาเดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ตามหลังมาด้วยกลุ่มเพื่อนๆ ผู้คนมากมายห้อมล้อมเขาไว้และส่งเสียงอวยพรให้เขามีความสุขตลอดไป มินอูยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆจนตาหยี


    น้ำตาฉันไหลลงมาอีกหนึ่งหยดพร้อมก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในอก



    ฉันเป็นแฟนของอีมินอูมาตั้งแต่สมัยมัธยม ตลอดมาจนถึงมหาวิทยาลัยและทำงานในปัจจุบัน เป็นแฟนหนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าบอกได้เต็มปากว่า...ฉันไม่ใช่ชินฮวาชางโจด้วยซ้ำ

    ถึงแม้สมาชิกคนอื่นจะมีเสน่ห์และหล่อเหลาขนาดไหน คนที่ฉันสนใจก็มีเพียงอีมินอูเท่านั้น


    ถามว่าฉันรักเขามากแค่ไหน? ก็รักมากขนาดยอมทำลายภาพพจน์ประชาสัมพันธ์คนเก่งของบริษัทครีเอทโฆษณาชื่อดังแห่งหนึ่งด้วยการมายืนร้องไห้หน้างานแต่งงานของเขาไงล่ะ


    น่าขายหน้าชะมัด ฉันรู้ตัวว่าควรจะกลับไปรักษาแผลใจที่บ้านตอนนี้เลย



    ฉันสูดน้ำมูกแล้วกระชับผ้าคลุมไหล่ให้แน่นขึ้น ตัดสินใจเดินเข้าไปแทรกในวงล้อมของผู้คน อย่างน้อยฉันก็อยากจะเห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย


    อีมินอู...



    มินอูในชุดสูทสีขาวดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ทว่าก็ดูหรูหรา มีสไตล์ และหล่อเหลาสมกับเป็นเจ้าบ่าวของงานนี้จริงๆ ฉันมองปอยผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาหยีๆ รอยยิ้มสดใส นิ้วมือของเขา ท่วงท่าการขยับตัว.. ฉันเลือกที่จะจดจำภาพของอีมินอูที่หล่อเหลาในวันนี้ไว้ในใจให้ได้มากที่สุด ช่างเป็นความสุขที่แสนเจ็บปวดสำหรับฉันจริงๆ


    ฉันหลับตาลง แล้วก็พบว่าน้ำตาไหลลงมาอีกแล้ว ถ้าคนข้างๆหันมามอง ฉันจะแก้ตัวไปว่าต่อมน้ำตาของฉันผิดปกติ



    พร้อมๆกันกับที่ฉันปาดน้ำตา ขาฉันก็ก้าวถอยหลังออกมาจากตรงนั้น สายตาของฉันยังคงจับจ้องอยู่ที่เขาและคนที่อยู่ข้างๆ เจ้าสาวของอีมินอูดูเป็นคนยิ้มง่ายและน่ารัก ฉันหวังว่าพวกเขาจะมีความสุขด้วยกันมากๆ ฉันฝืนยิ้มให้กับภาพตรงหน้าในขณะที่เจ้าสาวยืนหันหลังและโยนช่อดอกไม้ขึ้นบนฟ้า


    เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาวโสดดังระงมพร้อมกับแรงเบียดเสียดที่เพิ่มเข้ามา


    ฉันพยายามฝืนยิ้มให้กับภาพตรงหน้าตลอดทาง แต่..


    “ว..วะ..ว๊ายย!”


    พลั่กกก!



    และเมื่อฉันค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง สายตานับร้อยคู่กำลังจับจ้องมาทางนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่ที่ฉันที่ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ไม่ใช่ที่รอยช้ำบางๆที่ข้อเท้า แต่เป็นที่มือของฉัน...ของที่อยู่ในมือของฉัน


    ช่อกุหลาบสีขาวดอกโตๆหลายสิบดอก



    ช่อดอกไม้จากเจ้าสาวของอีมินอู....







    นี่..เยอึนรู้รึเปล่า? ถ้าเราได้รับช่อดอกไม้ที่เจ้าสาวโยนขึ้นฟ้าน่ะ เราจะได้แต่งงานเป็นคนต่อไปนะ


    อือ รู้สิ ไม่ใช่ว่ามันอยู่ในหนังเรื่องที่เราเพิ่งไปดูมาเมื่อวันก่อนหรอ?



    ฉันหัวเราะให้กับบทสนทนาสมัยมัธยมกับยัยเพื่อนตัวดีของฉัน ตอนนี้ฉันเปลี่ยนสถานที่ปาดน้ำตามาเป็นบนรถแท็กซี่แทน วิวทิวทัศน์ไหลย้อนไปด้านหลังราวกับกระแสของกาลเวลา กลิ่นหอมๆย้ำเตือนฉันถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ย้ำเตือนถึงช่อดอกไม้ที่ยังคงอยู่ในมือของฉัน


    ฉันหมุนมันกลับไปกลับมาแล้วยกขึ้นมาจรดริมฝีปาก พอจะนึกภาพอีมินอูที่ถือมันไว้อยู่ออก ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขในวันแต่งงาน น่ารักจนฉันต้องยิ้มตามไปด้วย คนขับแท็กซี่มองมาที่ฉันผ่านกระจกหน้าด้วยท่าทางสงสัย ฉันรู้สึกตัวเองหน้าร้อนขึ้นจึงรีบจ่ายเงินและก้าวลงจากรถ


    ฉันไขกุญแจเข้าไปในคอนโดของฉันที่พ่อกับแม่รวมเงินกันซื้อให้เป็นของขวัญตอนเรียนจบมหาวิทยาลัย


    เสียงคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าของฉันครางหึ่งอยู่ในห้องที่เย็นเยียบและเงียบงัน


    นั่งลงข้างหน้ามันทั้งๆที่ยังอยู่ในชุดเดรสงานแต่งงาน หน้าจอแสดงผลบอกว่าไฟล์ทั้งหมดที่ฉันดาวน์โหลดมาตั้งแต่เมื่อคืนได้มาอยู่ในเครื่องแล้ว ฉันไล่เม้าส์ไปตามชื่อไฟล์เหล่านั้นน กดมันขึ้นมาดู


    อีมินอูยิ้มให้ฉัน


    และทุกๆคน..


    ไฟล์ที่ฉันเพิ่งเรียกขึ้นมาเป็นรายการวาไรตี้โชว์ที่มินอูไปออกเมื่ออาทิตย์ก่อน เขาสวมชุดลำลองท่าทางสบายๆ นั่งตั้งใจตอบคำถามที่พิธีกรถามเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ รวมทั้งงานแต่งงานที่กำลังจะมาถึงในตอนนั้น เขายิ้มตาหยีอย่างมีความสุข รอยยิ้มแบบนั้นที่ฉันรักมากมายเหลือเกิน


    ไฟล์ต่อมาเป็นข่าวบันเทิงเรื่องการเตรียมงานแต่งงานของอีมินอู ทั้งภาพของเขาที่ร้านเช่าชุดแต่งงาน ร้านดอกไม้ หรือแม้แต่ร้านเสริมสวยเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว


    เวลาในภาพข่าวค่อยๆกระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ นอกจากการเตรียมงานแล้วยังมีเรื่องการ์ด แขกรับเชิญ ปาร์ตี้ฉลองหนุ่มโสดครั้งสุดท้ายกับเพื่อนๆ อะไรให้มากมายไปหมด


    จนกระทั่งเวลาทั้งหมดเคลื่อนเข้ามาซ้อนทับกับความเป็นจริง ฉันถึงได้รู้สึกตัว


    อีมินอูไม่ใช่ของฉันอีกต่อไปแล้ว



    แม้เขาจะไม่เคยเป็นของฉัน...แต่เขาไม่ใช่อีมินอูคนนั้นอีกต่อไปแล้ว


    ฉันสะดุ้งเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังจ้องหน้าจอสีดำที่ว่างเปล่าอยู่ด้วยดวงตารื้นน้ำตา เสียงท้องร้องดังขึ้นมาประท้วง แล้วฉันก็ต้องอุทานอีกครั้งเมื่อหันไปเห็นท้องฟ้าสีดำสนิทข้างนอกหน้าต่าง ฉันกระวีกระวาดลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการแต่งหน้าใหม่แล้วสาวเท้าออกไปข้างนอกอีกครั้ง



    ตอนที่ฉันโบกแท็กซี่อยู่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว


    ถึงแม้ว่าท้องจะร้องหรือใจจะอยากกินข้าวเพียงใด ปากของฉันก็ได้พาฉันมาที่หน้าผับแห่งหนึ่ง ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่อง...เหล้า โอเค เหล้า พอจบชั้นมัธยมปลายฉันก็เที่ยวกลางคืนมากขึ้น ของพวกนี้เริ่มซึมซาบเข้าสู่สมองของฉันช้าๆ จนทุกส่วนผสมของมันก็กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับฉัน ถ้านับแล้วก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ฉันทำความสนิทสนมได้เร็วมาก


    ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าบาร์เทนเดอร์ ถึงชุดของฉันจะติดหรูหราไปสำหรับข้างนอก แต่ถ้าในนี้คงไม่มีปัญหา


    “รับอะไรดีครับ” บาร์เทนเดอร์คนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์


    ฉันยิ้มตอบให้เขา


    “บลัดดี้ แมรี่ค่ะ”


    เขานิ่วหน้านิดหนึ่งเมื่อฉันสั่งของที่ดูจะไม่ถูกกับเวลาเอาซะเลย แต่ฉันจะทำให้เข้าอึ้งกว่านี้อีก


    “แล้วก็....ขอข้าวผัดจานนึงด้วยค่ะ”



    เพลงแจ๊สสบายๆ หนุ่มสาวแต่งตัวดีๆ บรรยากาศเย็นๆ เหล้าชั้นเยี่ยม อาหารตาชั้นยอด ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราแบบนี้ ยังมีคนๆหนึ่งนั่งโซ้ยข้าวผัดไข่สุดธรรมดาอย่างเอาเป็นเอาตาย...ฉันเอง


    ว่ากันว่าห้ามดื่มของมึนเมาตอนที่ท้องยังว่าง เพราะจะเมาเร็ว แต่ไม่มีใครห้ามกินพร้อมกันทั้งสองอย่างนี่? ฉันดูดน้ำสีแดงสดลงไปในกระเพาะอาหาร ได้กลิ่นของน้ำมะเขือเทศและเครื่องเทศอย่างอื่นผสมกัน รวมทั้งกลิ่นฉุนของวอดก้าที่ฉันเกลียดนักเกลียดหนา ฉันย่นจมูกเล็กน้อยพลางเขย่าเครื่องดื่มในมือฉัน


    บลัดดี้แมรี่และการจากไปของชายอันเป็นที่รัก..ช่างเหมาะอะไรเช่นนี้


    ฉันหยิบแครอทขึ้นมาเคี้ยวเล่น ฉับพลันในหูก็แว่วเสียงคนหัวเราะเบาๆ


    ฉันหันหน้าไปมอง ผู้ชายคนนั้นยืนถือแก้วทรงสูงไว้ในมือ มะนาวฝานเล็กๆสีเหลืองสดดูจะช่วยเติมสีสันให้กับเครื่องแต่งกายของเขาอยู่มากโข ฉันยิ้มตอบไปตามมารยาท



    “สวัสดีครับ” เขาทักขึ้น เล่นเอาฉันงงไปวูบหนึ่ง น้ำเสียงเขาฟังดูช่างสุภาพและอ่อนโยน เหมือนกับที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด ถึงการแต่งตัวของเขาจะไม่ใช่แนวนั้นก็ตามทีเถอะ ฉันยังคงนั่งนิ่ง สิ่งเดียวที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายคือการที่เขาทักฉันขึ้น


    “หึๆ แปลกใจหรอที่ผมทัก” เขาหัวเราะอีกแล้ว ฉันพยักหน้าตอบรับ คราวนี้เพียงเพราะไม่รู้จะพูดอะไร  


    “สวัสดีครับ” เขาพูดย้ำขึ้นด้วยภาษาที่สุภาพขึ้นไปอีก “ผมชื่อ..”


    “ฉันรู้จักคุณอยู่แล้วล่ะ”


    ฉันพูด เขาทำท่าตกใจมากอย่างล้อเลียนใส่ฉัน พร้อมกับเสียงประหลาดๆ


    “ฮ้า...?”


    งี่เง่าเหลือเกิน..ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะคิกออกไป


    “สวัสดีค่ะคุณคิมดงวาน”




    ฉันกับคิมดงวานย้ายมานั่งที่โต๊ะด้านในที่ดูเป็นส่วนตัวกว่าเดิม แต่ก็อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแหละ คิมดงวานเปลี่ยนมาดื่มไวน์ที่เสิร์ฟในเมนูอาหารเย็นแทน ในขณะที่ฟูลคอร์สทั้งหมดนั้นเขายกให้ฉัน แต่พูดก็พูดเถอะนะ ฟูลคอร์สที่ว่า มันก็แค่อาหารฝรั่งง่ายๆสองสามจานเท่านั้นแหละ


    ฉันตักซุปเห็ดเข้าปาก แล้วปล่อยให้มันละลายอยู่ในนั้นช้าๆ รสชาติหวานกำลังดีเลย


    “ผมเห็นคุณที่งานแต่งของมินอูด้วย”


    ฟังจากน้ำเสียงฉันก็พอจะเดาออกว่าเขากำลังยิ้ม


    “ดูเหมือนเป็นแฟนเก่าของมินอูที่กำลังจะขาดใจตายเพราะเขาจะแต่งงานยังไงยังงั้นเลย คิดไม่ถึง...”


    ฉันเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็พบว่าเขายิ้มอยู่ รอยยิ้มขี้เล่นที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลก


    “คิดไม่ถึง ว่าจะมาเจอคุณในชุดเดิม นั่งกินข้าวผัดอยู่ในร้านแบบนี้”


    ฉันส่งเสียงหัวเราะกลับไป ฉันจะตอบอะไรได้อีก?



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in