• เลือกสไตล์บ้านที่ชอบ

การเลือกสไตล์บ้าน เป็นสิ่งแรกของการเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน เนื่องจาก บริษัทต่าง ๆ ล้วนมีความชำนาญในการสร้างบ้านแตกต่างกัน ดังนั้น ควรสำรวจความต้องการของสมาชิกในบ้านให้ดี จากนั้นจึงพิจารณาเลือกบริษัทที่มีสไตล์การสร้างบ้านตรงตามต้องการ เพื่อเป็นการการันตีว่าบริษัทมีความชำนาญในการสร้างบ้านสไตล์นั้น ๆ และวางใจได้ว่าบ้านที่สร้างออกมาจะตรงใจ และตอบโจทย์เจ้าของบ้านได้

• ศึกษาบริษัทรับสร้างบ้าน

ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน เจ้าของบ้านควรศึกษาข้อมูลให้มาก ๆ โดยนำรายละเอียดมาเปรียบเทียบกัน หรือไปเยี่ยมชมสถานที่โดยตรง รวมทั้งควรศึกษาประวัติการทำงานของทีมงาน เพื่อพิจารณาว่าบริษัทมีความน่าเชื่อถือ และมีความสามารถในการดำเนินงานได้มีประสิทธิภาพ

• ตรวจสอบประวัติการทำงาน

เจ้าของบ้านอย่าลืมตรวจสอบว่าบริษัทมีใบอนุญาต และจดทะเบียนนิติบุคคลถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงมีแหล่งที่ตั้งสำหรับการติดต่ออย่างชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทที่ว่าจ้างเป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเชื่อถือได้ว่าแบบบ้านออกมาถูกต้อง และไม่ทิ้งงานกลางคัน

• ราคาสมเหตุสมผลตรงตามงบประมาณ

ปัจจุบันการสร้างบ้าน ล้วนมีงบประมาณบานปลายจากค่าวัสดุที่สูงขึ้น ดังนั้น เจ้าของบ้านควรเลือกเปรียบเทียบราคาจากหลายบริษัทอย่างละเอียด โดยตั้งงบประมาณที่เหมาะสม และสอบถามกับบริษัทว่างบประมาณดังกล่าวเพียงพอหรือไม่? เพราะอาจมีการใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ

• คุณภาพของวัสดุ และเทคโนโลยี

ก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญา อย่าลืมสอบถามกับบริษัทว่าใช้วัสดุ และเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานในการก่อสร้างหรือไม่? เนื่องจากวัสดุที่มีคุณภาพสูง จะช่วยให้โครงสร้างบ้านทนทานต่อการอยู่อาศัยระยะยาว ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมได้เป็นอย่างดี

• ต้องมีสัญญาจ้างอย่างชัดเจน

เมื่อเจ้าของบ้านเลือกบริษัทรับสร้างบ้านตรงตามต้องการได้แล้ว การทำสัญญาก่อสร้างบ้านเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างมาก โดยสัญญาที่ดีต้องมีการประมาณราคาที่เหมาะสม สามารถเลือกชำระเงินได้ตามสะดวก และไม่เอาเปรียบเจ้าของบ้าน ที่สำคัญ อย่าลืมทวนรายละเอียดการทำงานในสัญญาจ้างให้เรียบร้อย เพื่อเป็นหลักประกันว่าบริษัทจะไม่ทิ้งงานระหว่างก่อสร้าง