เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#inchiks au pair lifearabikla
ก่อนจะไปเป็นออแพร์ที่เยอรมนี ep.2 : การเตรียมตัวและการหาโฮสต์
  • หลังจากที่เราหาข้อมูลเกี่ยวกับออแพร์เยอรมันมามากพอสมควรทั้งอ่านบล็อค ดูวีโอในยูทูปต่างๆนานา เราก็เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เรากลับมาจากอเมริกา ไทม์ไลน์เริ่มตั้งแต่ ต.ค. 2019 

    ขั้นตอนที่ 1 หาประสบการณ์เลี้ยงเด็ก (ต.ค. 2019 - พ.ย. 2019)

    จริงๆออแพร์ในยุโรปไม่ได้ require ประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กเหมือนอเมริกาเลยนะแต่เราอยากหาประสบการณ์ไว้ก่อนเพื่อที่ว่าถ้าได้ไปทำจริงแล้วจะไม่ตื่นเต้นนนน กลัวไปทำลูกเค้าเป็นอะไรไป 55555 ก่อนน้านี้เราเคยไปช่วยอาจารย์เลี้ยงน้องมาก่อนแล้วก็เคยไปเป็นอาสาสมัครที่บ้านเด็กกำพร้ามาอยู่สอง สามเดือนแต่อันนั้นเป็นแค่การเลี้ยงพาร์ทไทม์ เราอยากมีประสบการณ์แบบฟูลไทม์บ้าง หลังจากกลับมาจากอเมริกา งานแรกหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยของเราคือการไปเป็นครูผู้ช่วย หรือ TA (Teacher Assistant) ที่โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในห้างแห่งหนึ่ง 

    งานนี้ให้อะไรกับเราเยอะมากกกกก มีเด็กร้องไห้ทุกวัน ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต และเรายังได้ช่วยดูคลาส Pre-school ที่ดูแลเด็กๆตั้งแต่ 1.5-3 ขวบทั้งวันทำให้เราค่อนข้างมีภูมิต้านทานกับเด็กร้องมากขึ้น และเรียนรู้พฤติกรรมของเด็กมากขึ้น จนเรารู้สึกว่าเราพอใจแล้วเราเลยลาออกแล้วไปทำงานอื่นแทนหลังจากทำงานที่นี่ได้เกือบ 3 เดือน เรียกได้ว่าปาดเหงื่อทีเดียวเลยอ่ะะ

    ขั้นตอนที่ 2 เริ่มต้นเรียนภาษา (ม.ค. 2020 - มี.ค. 2020)

    อย่างที่เคยบอกไปว่าออแพร์ในยุโรปบางประเทศมีกฎว่าเราต้องมีระดับภาษาเบสิคเป็นอย่างน้อยถึงจะสามารถไปเป็นออแพร์ที่ประเทศนั้นๆได้ เราเริ่มเรียนภาษาก่อนที่จะเริ่มหาโฮสต์อย่างจริงจังเพราะเรารู้ว่าภาษาเยอรมันค่อนข้างยากและต้องใช้เวลา ผัน der, die, das บลาๆๆๆ ตายยยยย ดังนั้นเราเลยอยากเริ่มเรียนไปได้สักพักก่อนแล้วค่อยเริ่มหาโฮสต์อย่างจริงจังซึ่งมันก็เป็นอะไรที่พอดีกันมากกก เราเริ่มต้นเรียนภาษาเยอรมันออนไลน์กับครูที่หาเอง ครูสอนดีมากแต่เราเรียนไปได้แค่ไม่กี่ครั้งก็ต้องยกเลิกเพราะเรารู้สึกว่าเรายังจ่ายไม่ไหวถ้าต้องเรียนทุกอาทิตย์ ช่วงนั้นคือเหมือนทำงานมาจ่ายค่าเรียน 555555 จริงๆค่าเรียนไม่แพงนะแต่เรามีภาระทางบ้านค่อนข้างเยอะ T_T เราเลยตัดสินใจเรียนด้วยตัวเองโดยไปซื้อหนังสือมาอ่าน (เราไม่ได้ขายของให้เค้านะแต่ถ้าใครอยากเรียนด้วยตัวเองแบบเข้าใจง่ายๆเราแนะนำให้ซื้อหนังสือ "เรียนเยอรมันกับเม้าส์มอยน์" มาอ่านและฝึกท่องศัพท์เป็นประจำ) นอกจากนั้นเราก็ดูวิดีโอในยูทูปบ้าง ฝึกเขียนจดหมายเองไปเรื่อยๆ จนเริ่มเรียนไปได้สักพักเราจึงเริ่มหาโฮสต์ เดี๋ยวไว้วันหลังเราจะมาเขียนแนะนำเกี่ยวกับการเรียนและการเตรียมตัวสอบ A1 ด้วยตัวเองนะะ ถ้าเราทำได้เพื่อนก็ทำได้ เชื่อสิ!!!

    ขั้นตอนที่ 3 การหาโฮสด้วยตัวเอง (ก.พ. 2019 - ก.พ. 2019)

    การหาโฮสสำหรับเราเราหาด้วยตัวเองจากเว็บไซต์ aupairworld.com ถ้าใครอยากไปเยอรมันคือโชคดีมากเพราะคุณมีโอกาสได้โฮสสูงมากกกกก เราเสิร์ชแค่โฮสที่มาจากเยอรมันแค่ประเทศเดียวขึ้นผลลัพธ์ให้เราเลือกเพียบ ดังนั้นเราแนะนำเลยว่าใครอยากไปเป็นออแพร์ที่เยอรมันเราแนะนำให้หาเองดีกว่า ไม่จำเป็นต้องไปจ้างเอเจนซี่ให้เปลืองเงินเพราะขั้นตอนและเอกสารง่ายมาก

    สำหรับการใช้เว็บออแพร์เวิลด์ก็คืออย่างแรกเราต้องไปสมัครสมาชิกก่อนและเลือกว่าเป็นออแพร์ที่กำลังมองหาโฮสแฟมิลี่ และต้องรอเว็บไซต์ตรวจสอบข้อมูลของเรา

    หลังจากที่เว็บไซต์ตรวจสอบข้อมูลของเราเรียบร้อยแล้วเราก็สามารถเข้าไปสร้าง profile ของตัวเอง เขียนแนะนำเกี่ยวกับตัวเองให้น่าสนใจ บอกประสบการณ์ในการดูแลเด็กหรือความสามารถในการใช้ภาษาของเราไปให้หมด ยิ่งถ้าเพื่อนๆคนไหนมีประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กมาก็จะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ รูปของโปรไฟล์ก็เลือกรูปที่เราดูน่ารักสดใส อาจจะมีเด็กด้วยก็ได้แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนเลย 

    เราสมัครเว็บไซต์นี้มานานมากและดูโฮสเรื่อยๆแต่ก็มาเริ่มหาโฮสจริงจังหลังจากเราเริ่มเรียนภาษาได้สักพัก ออนไลน์ไปได้ไม่กี่วันก็มีโฮสเขียนข้อความมาหาบ้างและก็มีบางคนที่เราเขียนไปหาบ้าง เราก็เลือกโฮสที่อยู่ในรัฐที่เราต้องการไปและจำนวนเด็กที่เราคาดว่าเราดูแลได้ จนมีบ้านนึงที่ตอบลับเรามาและเราก็ได้คุยกัยผ่านวิดีโอคอล เราถูกใจเค้ามากและเค้าก็ถูกใจเรามาก หลังจากคุยกันไปสอง ถึงสามครั้งเราจึงตกลงแมชต์กับโฮสบ้านนี้ เราใช้เวลาทั้งหมด 3 อาทิตย์ในการหาโฮส จริงๆขั้นตอนนี้จะว่าง่ายก็ง่าย แต่สำหรับบางคนก็ไม่ง่ายเลย สิ่งที่เราจะพอทำได้คือทำยังไงก็ได้ให้โปรไฟล์ของเราดูน่าสนใจ แต่ห้ามโกหกเด็ดขาด เมื่อแมชกับโฮสแล้วก็ดำเนินการเรื่องเอกสารเพื่อนำไปขอวีซ่าได้ทันทีเลย แต่รายละเอียดเรื่องการขอวีซ่า เราจะมาเล่าแยกอีกตอนนึงแล้วกันนะคะเพราะว่ารายละเอียดค่อนข้างเยอะแล้วก็มีจุดที่ต้องระวังและเราก็มีทริคสำหรับการสัมภาษณ์มาฝากด้วยยยย

    ขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่เราจะดำเนินการขอวีซ่าก็คือการไปสอบภาษาเยอรมันระดับ A1 
    (มี.ค. 2020 - มิ.ย. 2020)

    การสอบวัดระดับภาษาเราต้องสอบโดยตรงกับสถาบันเกอเธ่ที่เดียวเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะเรียนมาจากไหนหรือเรียนที่เกอเธ่คุณก็ต้องสอบที่เกอเธ่ พอถึงเดือนมีนาคมเราอ่านหนังสือจบและเริ่มมั่นใจจึงจองวันสอบเราจองสอบภาษาไปวันที่ 17 เมษายนเพราะรอบก่อนหน้านั้นคิวเต็มหมดเลย เราไม่กล้าจองก่อนเพราะเรายังไม่มั่นใจแล้วก็กลัวสอบไม่ผ่าน พอได้วันสอบเสร็จ จ่ายเงินเสร็จ สอง สามวันต่อมาทางสถาบันประกาศงดสอบและเลื่อนการสอบไปอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากช่วงนั้นโควิด 19 กำลังระบาดอย่างหนัก เราจึงตัดสินใจซื้อคอร์สวิดีโอออนไลน์ A2 มาเรียนต่อเลยในช่วงเวลาที่รอทางสถาบันเปิดสอบอีกครั้งซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ 

    พอเริ่มเดือนมิถุนายนเราก็ได้ข่าวดี กรี๊ดมากกกก เพราะทางสถาบันจะเปิดทำการและเริ่มทะยอยให้ผู้ที่ตกค้างสอบมาสอบได้แล้ววววว เราทำการจองอย่างรวดเร็วจึงได้วันที่เปิดสอบวันแรกนั่นก็คือวันที่ 22 มิถุนายน 2563 การสอบของเราเป็นไปอย่างราบรื่นมากกกก และคะแนนของเราก็ออกมาน่าพอใจมากกกก

    ดังนั้นก็แปลว่าเอกสารของเราพร้อมหมดแล้ว ! ขั้นตอนต่อไปก็คือการขอวีซ่านั่นเอง หลังจากนี้มีเรื่องพีคๆเกิดขึ้นอีกเยอะมาก เรานี้เหนื่อยแล้วตอนนี้ ไม่คิดเลยว่ากว่าจะผ่านไปได้แต่ละขั้นตอนมันจะเหนื่อยขนาดนี้ แต่ก็หวังว่าให้มันออกมาดีอย่างที่คิดไว้น่ะนะ ฝากเพื่อนๆติดตามบล็อกของเราด้วยน้าา เราจะมาแชร์ประสบการณ์เพื่อเก็บไว้อ่านเองบ้างหรือเผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลในการไปเป็นออแพร์ที่เยอรมันอยู่ แม้ว่าตอนนี้เราจะยังไม่ได้เป็นออแพร์เต็มตัวแต่เราก็ 90% Loading แล้วน้าาา ใกล้จะเต็มแล้ววว เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้าทุกคนนน เหลือแค่บินลัดฟ้าไปเยอรมนีเท่าน้านน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in