เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คลังฟิคแรนด้อมSacatly
call me in your summer ; #jikook
  • call me in your summer ; #jikook


    /
    มันเป็นเสียงจากลมที่พัดเอาไอร้อนมาปะทะกับช่องว่างของใบไม้หรือไม่ก็เป็นเสียงจากจิตใต้สำนึกของเขาเอง

    หวีดหวิว โหยหวน ราวกับเสียงครวญครางของพวกสัตว์ป่า

    ความร้อนทำเอาทรมานจนแทบบ้า

    เก้าโมงเช้าเป็นเวลาที่เขาควรอยู่ในห้องเรียนแต่จีมินกลับทิ้งตัวบนลานกว้าง แสงแดดที่ทอดตัวพาดผ่านผิวหนังทำเอาเหงื่อไหลซึมเสียจนเสื้อนักเรียนเป็นรอย

    อีกฝั่งมีหน้าต่างชั้นสองของบ้านเดี่ยวที่เปิดอยู่ ผู้ชายที่เด็กหนุ่มให้นิยามว่าน่าหลงใหลยืนพิงขอบหน้าต่างด้วยท่าทีสบาย ๆ

    เขาอายุมากกว่าจีมินหกปี หกปีหนึ่งเดือนกับอีกสิบสองวัน เขามักพูดอย่างนั้น

    มือขาว ๆ ของอีกฝ่ายโบกไปมา จีมินไม่ได้โบกมือตอบกลับไป เขาใช้มือทั้งสองดันตัวเองขึ้นจากท่านอนเป็นนั่ง

    พอลองได้สบตาก็เกิดคำถามขึ้นมาว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไรอยู่ตอนที่สบตา โบกมือหรือส่งยิ้มมาให้เขา

    เสียงเพลงเก่า ๆ จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจีมินแผดเสียงดังขึ้น หยิบมาดูถึงได้รู้ว่าเป็นผู้ชายคนนั้นเองที่โทรมา

    จีมินมองกลับไปยังหน้าต่างบานเดิมก็พบว่าคนน่าหลงใหลกำลังชูเจ้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตัวเองขึ้นมาพลางทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้เขารับสายนั้นเสีย

    "ไม่ร้อนหรือไงไปนอนตรงนั้นน่ะ"

    "ร้อนสิ คุณมีไอศกรีมหรือเปล่า"

    "ไม่มีหรอก มีแค่เบียร์ในตู้เย็นน่ะ จะมาไหม?"

    "เอาสิ"

    เด็กเกเรพาตัวเองไปหาอีกคนถึงหน้าบ้านเพียงแค่ได้ยินว่ามีเบียร์เย็น ๆ

    คนพี่ออกมาต้อนรับด้วยสภาพที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก เสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นสีดำทำเอาจีมินเผลอสะดุดเท้าตัวเองจนเกือบหน้าหงาย โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เห็นเพราะหันหลังให้พอดี

    มันช่างแก่แดดแก่ลมเสียจริง


    "เบียร์อยู่ในตู้เย็น ถ้าเธออยากกินไก่ด้วยก็โทรไปสั่งซะ"

    "ทำไมคุณไม่ทำอะไรง่าย ๆ ให้ผมกินแทนล่ะ?"

    "ไม่ล่ะ โทรสั่งอะไรที่เธออยากกินได้ตามใจเลย"

    "ผมแค่อยากเห็นคุณใส่ผ้ากันเปื้อน มันดูเซ็กซี่ดีไม่ใช่หรือไง"

    เด็กม.ปลายอาจจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีสายตาอย่างไรตอนพูดประโยคแทะโลมอีกฝ่าย แต่มันก็ทำให้จองกุกลุกไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่จนได้

    ทั้งที่อากาศร้อนจนน่าหงุดหงิดแต่จีมินก็ยังลุกไปกอดอีกคนเสียแนบแน่นเหมือนกับว่าร่างกายของเขามันต้องการไอร้อนมากเหลือเกิน

    "อากาศร้อนขนาดนี้ทำไมคุณไม่ถอดเสื้อผ้าออกซะล่ะ"

    เสียงกระซิบมาพร้อมกับมือไม้ซุกซนที่วิ่งเล่นไปมาบนตัวอีกคนอย่างเอาแต่ใจ ใช้เวลาเพียงไม่นานเสื้อผ้าของจองกุกก็ถูกปลดออกจนหมด ไม่เหลือแม้แต่ผ้ากันเปื้อนที่ตัวเองเป็นคนคะยั้นคะยอให้ใส่

    จีมินเหมือนกับพวกแมว เบื่อง่าย ซุกซน เอาแต่ใจ เมื่อไหร่ที่อารมณ์ดีก็มาออดอ้อนซะน่ารักจนต้องตามใจเสียทุกที แต่พออารมณ์ไม่ดีก็ชอบกัดให้ต้องเจ็บตัวเป็นประจำ

    ดูเหมือนวันนี้เจ้าเหมียวคงหงุดหงิดเพราะอากาศร้อนถึงได้ฝากรอยฟันไว้บนผิวขาว ๆ ของจองกุกไว้ไม่น้อยเลย

    ไฟราคะที่ลุกโชนปลุกปั่นให้ร่างกายร้อนรุ่มเสียยิ่งกว่าแดดจ้าตอนเที่ยงของหน้าร้อนแต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังบดเบียดร่างกายที่ชื้นเหงื่อเข้าหากันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน

    เสียงที่เด็กหนุ่มเฝ้าพร่ำบอกว่ามันหวานใสนักหนากำลังร้องเรียกชื่อเขาไม่ขาดปาก

    'มันช่างสุขเสียนี่กระไร หากว่าเป็นเช่นนี้ได้ทุกวันคงจะดี' ความคิดแสนโง่เขลาผุดขึ้นมาในหัว

    แต่ฤดูกาลก็ต้องมีวันผันเปลี่ยน ไม่มีหน้าร้อนตลอดกาล จากพื้นหญ้าอ่อนนุ่มก็กลับกลายเป็นหิมะที่ครอบครองพื้นดินเสียแทน จากจอนจองกุกก็กลับกลายเป็นหญิงชราที่ครอบครองบ้านสีขาวหลังนั้นเสียแทน

    พวกเขาขาดการติดต่อกันเพราะจองกุกย้ายบ้านไปแบบกะทันหัน จีมินลองโทรไปหาประมาณเจ็ดรอบเห็นจะได้ ปลายสายไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นแต่เป็นคุณป้าอายุสี่สิบเศษ ๆ เธอรับสายในช่วงแรกแต่หลังจากนั้นจีมินคงถูกบล็อกเบอร์โทรเข้าให้เพราะเขาได้ยินเสียงพนักงานคอลเซนเตอร์แทนทุกครั้ง

    จอนจองกุกทำตัวเหมือนสายลมในหน้าร้อนไม่มีผิด ชอบมาให้เห็นให้ได้สัมผัสจนเผลอหลงใหลแล้วก็จางหายไปแบบไร้คำร่ำลา

    ฤดูร้อนที่ไม่มีจองกุกครั้งที่เก้ากำลังใกล้เข้ามา เด็กมัธยมปลายตัวยุ่งตอนนี้กลายเป็นพนักงานออฟฟิศหนุ่มเนื้อหอมไปเสียแล้ว แต่จองกุกคงไม่รู้เรื่องนี้

    จีมินย้ายออกจากบ้านหลังเก่าตั้งแต่ขึ้นมหาลัย เขาเปลี่ยนมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่เพราะใคร ๆ ก็บอกว่ามันจะทำให้ชีวิตเขาดีกว่าอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แถบชานเมืองแน่นอน

    จริงอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดกัน ชีวิตในเมืองสะดวกสบายกว่าบ้านเก่าเขามาก ที่นี่มีทุกอย่างที่เขาต้องการ

    ยกเว้นจอนจองกุก

    เวลาผ่านไปตั้งเก้าปีแล้วบางทีจองกุกอาจจะแต่งงานมีครอบครัวและลืมเขาไปแล้วก็ได้

    บางทีตอนนี้ลูกของผู้ชายคนนั้นอาจจะเดินได้ พูดได้ หรือเข้าโรงเรียนแล้วก็ได้

    หรือบางทีตอนนี้จองกุกอาจจะรอเขาอยู่เหมือนกัน

    มันก็เป็นแค่ความหวังเล็ก ๆ ใช่ คุณแม่ของเขาชอบบอกว่าคนเราต้องมีความหวัง ตอนนี้จีมินกำลังมีความอยู่หรือเปล่าเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ

    /
    เย็นวันอาทิตย์จีมินปั่นจักรยานออกไปที่สวนแถวบ้าน เขาจอดจักรยานลงใกล้ ๆ กับลานกว้าง ทิ้งตัวลงบนหญ้าสีเขียว เขาได้กลิ่นของหน้าร้อน

    เด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งวนไปมารอบตัวเขาก่อนจะทิ้งตัวลงข้างกัน มือเล็ก ๆ ขยำหญ้าบนพื้นก่อนออกแรงดึงแล้วทิ้งเศษซากลงบนหน้าของจีมิน เขามุ่ยหน้าเพราะหญ้าพวกนั้นทำเขาคันยุบยิบไปหมด เด็กน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างชอบใจ

    เขากำลังจะแกล้งดุคืนแต่กลับต้องชะงักเพราะตัวละครใหม่ที่เดินเข้ามาอุ้มเด็กน้อยไว้แนบอก

    "จองอา บอกแล้วไงคะว่าอย่าซน ไปแกล้งพี่เขาแบบนี้ได้ยังไง"

    จีมินแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน ผู้ชายคนนี้คือจองกุกแน่นอน

    "ไม่เจอกันนานนะครับ"

    "เธอโตขึ้นเยอะนะ"

    "คุณก็ด้วย"

    จีมินไม่แน่ใจว่าทำไมเสียงของเขาถึงแหบแห้งอย่างนั้น อาจเพราะความตื่นเต้น หรืออาจจะเพราะดีใจที่ได้เจอคนที่อยากเจอมานาน หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะดวงตาของเด็กคนนั้นเหมือนของจองกุกเสียเหลือเกินจนในอกของเขามันเจ็บแปลก ๆ

    "จ้องมากไปแล้ว เธอกำลังทำจองอากลัวนะ"
    "อ่า ขอโทษที"
    "ไม่เป็นไร"
    "ลูกคุณหรอครับ"
    "หลานน่ะ ลูกของพี่สาว"

    ถึงไม่มีกระจกจีมินก็พอจะรู้ตัวว่าตอนนี้เขายิ้มกว้างขนาดไหน

    "นั่งตรงนี้ไม่ร้อนหรือไง"

    "ร้อนสิ คุณมีไอศกรีมหรือเปล่า"

    "มีแต่รสวนิลานะ จะมาไหมล่ะ"

    "เอาสิ"

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
lyxpers (@lyxpers)
กรี๊ดด น่ารักมากค่ะยอมใจป้าครอจกุกนานมากๆ