วันที่ 1 มิถุนายน
วันนั้นเป็นวันที่กำลังนั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อนที่ข้างๆตึกที่ทำงาน ก็ปรึกษากันเรื่องฝึกงาน
หลังจากที่เล่าเรื่องว่ายื่นฝึกงานให้ฟังเพื่อนก็บอกว่า
"มึงไปฝึกกับเอกเหอะ เค้าไม่รับแล้วล่ะ"
ตอนแรกก็คิดว่าจะรออีกหน่อย แต่ว่าสิ่งที่ทำให้มาฝึกงานกับเอกเลยก็คือ
"รู้ป่าวว่าครูเค้าจะสอนเรื่องกราฟฟิคออกแบบเว็บด้วยนะ ปกติเค้าเรียนกันคอร์สละหลายพัน นี่สอนกันฟรีๆ"
ฟังอย่างงี้ เดิมทีก็คืิดตจะไปสายวาดภาพกับphotoshopอยู่แล้วก็บอกครูไปว่าจะฝึกงานกับทางสาขาวรรณกรรมสำหรับเด็ก(หรือกับเอกตัวเอง) อย่างไม่ลังเล
ครูก็ตอบตกลงแล้วก็เริ่มงานได้ในวันต่อมาทันที
วันที่ 2 มิถุนายน
มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในห้องเรียนที่เรียนหนังสือในช่วงที่เปิดเทอมเสียแล้ว
แต่ที่เปลี่ยนไปคือ จากที่มีเก้าอี้ที่เรียงกันอยู่แบบห้องเรียนทั่วไป กลายเป็นมินิสตูดิโอที่มีไฟ! ไม่ใช่ไฟหลอดนะ ไฟเซตฉากแบบสตูดิโอ! และมีฉากขาวไว้ถ่ายงาน สายไฟระโยงระยางไปหมดเพราะห้องมีปลั๊กพ่วงต่อถึงกลางห้องแค่ตัวเดียว นั่นคือปลั๊กคอมในห้องเรียน
ช่างไฟที่มาเห็นจะต้องกรีดร้องกับสิ่งนี้แน่นอน
หรือถ้าลืมถอดปล๊กก็เตรียมตัวตึกไฟไหม้ได้เลย
(ปลั๊กพ่วงต่อปลั๊กพ่วงต่อปลั๊กพ่วง)
ซึ่งงานของเราก็คือ การออกแบบเว็บไซต์ให้กับสาขาที่เรียนอยู่ เพื่อให้เด็กที่กำลังจะเข้าเรียนเทอมนี้ หรือผู้ปกครองรู้จักสาขาเรามากขึ้น (ซึ่งเอาจริงๆ ทั้งประเทศก็มีสาขาวรรณกรรมสำหรับเด็กที่เดียว)
โดยแต่ละคนก็แบ่งหน้าที่ของเรากันไป ในทีมฝึกงานมี 6 คน โดยงานแรกที่เราได้รับก็คือ การสแกนงานที่เป็นต้นฉบับให้เป็นไฟล์ดิจิตอล เพราะสาขาให้ทำงานเป็นชิ้นงานมากกว่าที่เป็นงานดิจิตอลในช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่วนมากจะเป็นหนังสือเพราะมันทำง่ายที่สุด? บางคนก็เป็นสื่อผ้าของเล่นเด็ก จนไปถึงสเกลใหญ่ระดับบ้านเบลล์ที่หนักและแพงจัดๆ
นี่คงเป็นเหตุผลที่ต้องเซตฉากเป็นสตูดิโอใช่มะ? แต่มันมีมากกว่านั้น เพราะว่าเราจะต้องถ่ายรูปครูเพื่อที่จะลงเว็บสาขา และจะต้องเตรียมปฐมนิเทศแบบอนนไลน์ โดยการสตรีมมิ่งออนไลน์อีกด้วย oh my...
แต่ว่าตอนนี้เป็นลูปกับการสแกนหนังสือแบบโรงงานนรกชัดๆเลย แค่ดูชิลล์กว่าเท่านั้น
แต่บางทีทำอะไรซ้ำๆหลายๆรอบก็น่าเบื่อนะ
(ห้องเรียนที่กลายเป็นสตูดิโอเตรียมถ่ายภาพงานต่างๆ)
(โต๊ะทำงานที่เหมือนจะดูดีเพราะมีสองจอ อีกจอนึงเป็นคอมห้องเรียน)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in