เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ตกตะกอนชีวิตArty
เมื่อฉันมีเด็กฝึกงาน, และต้องสอนวิชาชีวิตด้วย
  • ฉัน, 20 ปี
    นักศึกษาชั้นปีที่สองคณะเกี่ยวกับนิเทศศาสตร์และสื่อสารมวลชน
    ประกอบอาชีพนักจัดรายการวิทยุ ครีเอทีฟ กราฟฟิคดีไซน์เนอร์
    คลื่นวิทยุแห่งหนึ่ง

    ทุก ๆ ต้นปีจะมีเด็กฝึกงานเข้ามาเป็นประจำอยู่แล้ว
    และเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีเด็กฝึกงานที่เรียนคณะเดียวกันเข้ามา

    แรกเริ่มเดิมทีที่ตัดสินใจหางาทำ
    เพราะเราไม่เอารับน้อง และโดนแบนทั้งคณะ
    พี่ เพื่อน ที่ทำงานคณะ เป็นตัวเด่น ไม่มีใครเอา
    ไม่เคยได้รับโอกาสในการทำงานในคณะเลยแม้แต่งานเดียว
    หรืองานที่ลงมือทำเอง ก็ไม่เคยมีใครเหลียวแล

    เมื่อวันหนึ่งที่ต้องมีเด็กฝึกงานที่ต้องเป็นพี่เลี้ยงให้เขา
    เราเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ ว่าจะวางตัวแบบไหน
    ลืมคำว่าพี่น้อง แล้วบอกว่านี่คือสังคมใหม่ 
    มาก่อนเป็นพี่ มาทีหลังเป็นน้อง เอาแบบเดียวกันแบบในห้องว๊ากเลยมั๊ย
    หรือจะยังมีคำว่าพี่น้องอยู่ แต่ให้รู้กันว่าบทบาทของตัวเองคืออะไร

    เราเลือกทำอย่างหน้า แต่เจ้าบาปเจ้ากรรมที่เขารู้จักเรา แต่เราไม่รู้จักเขานะ
    ก็เลยกลายเป็นอย่างหลังแทนที่เราต้องวางตัวกันในทุก ๆ วัน

    คำแรกที่บอกเด็กคนนั้นคือ
    เราเริ่มต้นไปพร้อมกันนะพี่ เพราะฉะนั้นมีอะไรที่พี่รู้ พี่บอกผมได้
    ผมก็จะให้เท่าที่ผมมีเหมือนกันนะ

    ทุกวันกลายเป็นความรื่นรมย์
    เรามีความสุขเสมอที่ได้ทำงานกับเด็กฝึกงาน
    ไม่ว่าจะงานเล็ก งานใหญ่ โอเค เรามีเขาคอยแบ่งเบาภาระ
    และอีกส่วน คือเหมือนมีคู่หูที่ทำงานไปด้วยกัน

    จนกระทั่งวันสุดท้ายที่เขาฝึกงานเสร็จ
    วันนั้นไปกินเลี้ยงส่งเด็กฝึกงานพร้อมกับสนุกกับปาร์ตี้คาราโอเกะ
    หลังจากทุกอย่างสงบ เด็กฝึกงานกล่าวความรู้สึกกับคนในออฟฟิศ
    เขาขอบคุณเรา เขาลบภาพเดิมที่เรามีตอนอยู่คณะ

    จากที่เขามองว่าเราอหังการ์ อวดดี ทะนงตน แรง
    แต่จริง ๆ เขาเห็นว่าเราเป็นคนหนึ่งที่สนุกสนาน ตลกมาก
    และไม่ใช่คนที่มองจากภายนอกเลย

    ทุกคนในออฟฟิศกล่าวความรู้สึกต่อเด็กฝึกงาน
    เรากล่าวแค่ว่า

    ขอบคุณที่เข้าใจ ขอบคุณที่เราได้มาเจอกัน
    ได้มาทำความรู้จักกันจริง ๆ
    เราคุ้นเคยกันมากขึ้น เราสนิทกัน
    ขอบคุณที่ไม่อัตตา ไม่อีโก้ เรียนรู้ไปด้วยกัน
    จากนี้โลกภายนอกเราต้องยอมรับว่าเราไม่ได้ตัวใหญ่
    แต่เราต้องพร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลานะ

    หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น เราติดรถพี่ดีเจคนหนึ่งไปพร้อมกับบัญชีและเด็กฝึกงานอีกสองคน
    และเรายังมีบทสนทนาที่พรั่งพรูออกมาอีกมาก

    กลายเป็นว่าเราสอนวิชาชีวิตให้เด็กฝึกงาน
    การทำงานในช่วงเวลาหนึ่งปี มันไม่ได้มากมาย
    แต่ทำไมเรารู้สึกว่าเราอยากเล่าสิ่งที่เราเจอ ให้เด็กฝึกงานฟัง

    การควบคุมอารมณ์แม่งสำคัญว่ะ

    ทำงานเราขี้เกียจไม่ได้ เราหยุดไม่ได้ เราเลิกไม่ได้
    การทำงานมันผิดพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวนะพี่

    เราอยู่ในคณะ เราอาจจะสุขสันต์กับชื่อเสียง เกียรติยศที่มีในนั้น
    อาจจะดีใจที่มีคนห้อมล้อมเต็มไปหมด เดินไปไหนมาไหนมีแต่คนรู้จัก
    อาจจะทะนงที่มีเด็กในคณะไหว้ อาจจะลำพองที่มีรุ่นน้องนับถือ 
    ชมเพราะเห็นภาพจากเราไม่กี่อย่าง แต่พี่เชื่อมั๊ย 
    ถ้าเราเดินออกมาแม้แต่ก้าวเดียวจากมหาลัย
    เราจะไม่มีอะไรเลย 
    เราจะเป็นแค่เด็กโง่ ๆ คนหนึ่งที่ถือกระดาษใบเดียว 
    มาของานคนอื่นทำเท่านั้นแหละ

    คอนเนคชั่นในคณะ ในมหาลัย หรือกับรุ่นพี่บางคนมันก็ไม่มีประโยชน์นะ

    เชื่อผมเถอะ ทำตัวเป็นแก้วเปล่า ยังไงก็ดี


    มันตลกเล็ก ๆ นะที่ทำไมในเรื่องของวัยวุฒิ เราสามารถสอนรุ่นพี่ที่กำลังจะรับปริญญาได้
    แต่ตลกยิ่งกว่า ที่พี่เขาฟังทุกคำที่พูด ขอบคุณทุกคำที่เราบอก
    และบอกเราอีก ว่าจุดที่ยืน มันดีแล้ว ขอแค่อย่าคิดมากกับสิ่งที่เป็นในคณะตอนนี้

    โลกของคนเรามันต่างกัน
    เราอาจจะเจออะไรไม่เหมือนกัน
    แต่เราไม่ได้มายด์หรอก ถ้าจะมีคนที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ
    มาแบ่งปันอะไรกับเรา

    ขอให้เด็กฝึกงานทุกคน มีความสุขกับสถานที่ทำงานที่คุณจะได้เจอ
    ไม่ได้สวยงามไปหมดหรอก ทำใจไว้เลย
    การเมืองในบริษัท รุ่นพี่ปากหมา ชอบใช้งานส่วนตัว เจ้าอารมณ์
    แต่จำไว้เถอะ อดทนไว้
     ทุก ๆ การกระทำในการฝึกงาน
    และทุก ๆ คำจากทุกคนในบริษัทนั้น
    มันจะมีบทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ ซ่อนอยู่

    และมันเอาไปปรับใช้ได้ เผื่อได้งานแล้วเจออะไรที่แย่กว่านี้ (:
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in