เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พายฟักทองในตอนเช้ากับคุณไอศกรีมในยามบ่ายPeanut Butter Jelly
พายฟักทองในตอนเช้ากับคุณไอศกรีมในยามบ่าย
  • แด่คุณ ผู้ซึ่งกำลังแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางกระแสธารของความเหงา


    กลิ่นไอดินและกลิ่นฝนที่ฟุ้งจางอยู่ในอากาศทำให้ดาวเสาร์รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง มวลอากาศเย็นแบบที่หาไม่ค่อยจะได้จากประเทศบ้านเกิดทำเอารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย ดาวเสาร์ลากกระเป๋าเดินทางก้าวออกจากสนามบินฮาเนะดะ สายตามองหาบุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นไกด์ทัวร์ชั่วคราวให้เธอระหว่างเดินทางอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ดูเหมือนว่าสนามบินฮาเนะดะที่ควรจะจ้อกแจ้กจอแจไปด้วยผู้คน ในวันนี้กลับดูสงบอย่างไม่น่าเชื่อ


    หญิงสาวก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ บอกเวลาบ่ายสี่โมงพอดี อ่า...ไม่สิ เวลาที่ญี่ปุ่นนี่เร็วกว่าที่ไทยสองชั่วโมงสินะ...ตอนนี้ต้องเป็นหกโมงเย็น


    “สวัสดีครับ คุณดาวเสาร์” สำเนียงภาษาไทยกระท่อนกระแท่นที่ดังขึ้นด้านหลังทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโหยงก่อนจะผงะไปเมื่อมองเห็นร่างสูงในชุดยูกาตะดึงดูดสายตาของผู้ชายร่างสูงใบหน้าเปื้อนยิ้ม


    “สวัสดีค่ะ...คุณคือ…”


    “ผมซีครับ” เขาตอบสั้นๆ “เป็นไกด์ทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ของคุณครับ” 


    ดาวเสาร์พยักหน้ารับเงียบๆ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กตามร่างสูงของไกด์คนประหลาดออกไป รถบัสสีขาวสะอาดตาคันเล็กจอดรออยู่ที่หน้าสนามบินแล้ว ซีอาสายกกระเป๋าของเธอไปเก็บใต้ท้องรถ หญิงสาวก้าวเข้าไปหาอากาศอบอุ่นภายในรถบัสคันเล็ก กลิ่นหอมหวานจางๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา ดาวเสาร์มองเห็นลูกทัวร์บนรถราวสามคน สองในสามเหมือนจะเป็นคู่รักเพราะนั่งอิงแอบกันอยู่แถวหน้าสุดของรถเชียว ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น…


    กินไอศกรีม


    ทั้งที่อากาศเย็นขนาดนี้เนี่ยนะ


    หญิงสาวขมวดคิ้ว เธอมองไม่เห็นใบหน้าของเขาเพราะเจ้าตัวใส่เสื้อฮู้ดปิดบังใบหน้า เห็นแค่ไอศกรีมแท่งที่เขากำลังละเลียดอยู่เท่านั้น ดาวเสาร์เดินตรงเข้าไปนั่งแถวหลังสุดของรถบัสเงียบๆ เธอกระชับแจ็กเก็ตยีนส์ให้รู้สึกอบอุ่นมากขึ้น


    ร่างสูงของคุณไกด์ซีเดินขึ้นมาบนรถ เขากวาดสายตามองลูกทัวร์ในรถด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ในมือของเขามือถาดกาน้ำชาและถ้วยชาอยู่ “ก่อนที่เราจะออกเดินทางกัน ในวันที่อากาศเย็นและมีละอองฝนโปรยปรายแบบนี้ ผมขอแนะนำให้ทุกท่านได้ลองดื่มชาขึ้นชื่อของที่นี่กันก่อนนะครับ”


    พูดจบคุณซีก็รินน้ำชาในกาใส่ถ้วยชาแล้วยื่นให้คู่รักที่นั่งอยู่ด้านหน้า ควันร้อนลอยขึ้นมาจากถ้วยชา คุณซีรินชาถ้วยต่อไปก่อนจะส่งให้ผู้ชายที่นั่งกินไอศกรีมอยู่ เขารับถ้วยชาไปถือไว้แต่ก็ไม่ได้ดื่มแต่อย่างใด คุณซียืนมองเขาอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะเดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่แถวหลังสุดแทน


    “ชาครับ” น้ำชาสีส้มอ่อนที่อยู่ในถ้วยชาส่งกลิ่นหอมแบบเมนทัลออกมา ชั่วขณะหนึ่งที่ดาวเสาร์รู้สึกราวกับเห็นสายใยของอะไรบางอย่างที่เชื่อมระหว่างถ้วยชานั้นกับอีกสิ่ง แต่ก็เพียงแค่ชั่วขณะเท่านั้น เมื่อคุณซีเดินจากไปรถบัสคันเล็กก็เคลื่อนตัวในที่สุด


    ดาวเสาร์ไม่ได้ฟังเสียงของคุณไกด์ซีที่พร่ำบอกกำหนดการเดินทางอยู่ข้างหน้าเท่าไหร่นัก เธอแค่เอนหัวพิงกระจก มองหยดฝนที่เกาะพราวอยู่ที่หน้าต่างรถ หัวสมองของเธอโล่งไปหมด ทั้งๆ ที่อยู่ในประเทศที่แสงอาทิตย์อบอุ่นและนุ่มนวลที่สุด แต่ดาวเสาร์ก็ยังคงรู้สึกหนาวยะเยือกอยู่ดี ดาวเสาร์มองวิวข้างทางที่ค่อยๆ มืดลงตามแสงอาทิตย์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรถบัสมาหยุดอยู่หน้าเรียวกังขนาดเล็ก ป้ายที่แขวนอยู่ที่บานประตูเขียนว่า  かぼちゃ (Kabocha)


    ดาวเสาร์ลงจากรถเป็นคนสุดท้าย เธอเดินตามลูกทัวร์อีกสามคนเข้าไปในเรียวกัง หญิงสาวสูดกลิ่นไม้ชื้นๆ เข้าเต็มปอด เธอถอดรองเท้าไว้หน้าประตูแล้วเดินเหยียบเสื่อทาทามิด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชิน ดาวเสาร์ได้ห้องพักสุดทางเดิน ซึ่งเป็นห้องที่ดูจะมืดไปสักหน่อย แถมยังดูวังเวงเพราะคนเข้าพักในเรียวกังนี้ช่างบางตาเหลือเกิน แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็ไม่ได้คิดจะมาเพื่อเฮฮาสักหน่อย


    คุณไกด์ซีบอกว่าหลังจากนี้เป็นเวลาอิสระ จะไปไหนก็ได้ ส่วนอาหารถ้าไม่สั่งจากเรียวกังก็สามารถนั่งบัสของเรียวกังไปที่อีออนมอลล์ใกล้ๆ ได้ ส่วนพรุ่งนี้ก็ล้อหมุน 8 โมงเช้า หลังจากจัดกระเป๋าให้เข้าที่เข้าทางดาวเสาร์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นยูกาตะที่ทางเรียวกังเตรียมไว้ให้ กลิ่นอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา สัมผัสบนเสื่อทาทามิที่ฝ่าเท้าทำให้เธอรู้สึกแปลกไปจากปกติ แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ดี 


    ตอนแรกหญิงสาวตั้งใจว่าจะไปสั่งสั่งราเม็งง่ายๆ กิน แต่พอหันไปเห็นสายฝนที่ตกโปรยปรายอยู่ด้านนอกและสายลมที่หอบพัดเอากลิ่นไอดินเข้ามาเตะจมูกเธอก็เปลี่ยนใจ ดาวเสาร์ตัดสินใจว่าจะลองไปเดินดูอะไรๆ ที่อีออนมอลล์ตามคำแนะนำของคุณไกด์ซีสักหน่อย รถบัสของเรียวกังใกล้จะออกพอดีเธอเลยตัดสินใจกระโดดขึ้นรถบัสซึ่งมีผู้โดยสารเพียงคนเดียวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาก็คือผู้ชายร่วมทัวร์เดียวกับเธอที่ใส่ฮู้ดปิดลงมาจนไม่เห็นหน้า แต่ที่รู้ว่าเป็นเขาก็เพราะในมือที่มีไอศกรีมแท่งใหม่อยู่


    ดาวเสาร์มองเขาอยู่ชั่วขณะก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งข้างหลังตามเคย คนอะไรกินไอศกรีมไม่หยุด ถ้าอยู่ไทยก็พอเข้าใจได้นะ แต่นี่อากาศก็เย็นแท้ๆ พอเห็นคนกินไอศกรีมแล้วมันยิ่งทำให้รู้สึกหนาว รถบัสเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางบนถนน สองข้างทางสว่างไสวไปด้วยแสงไฟสีส้มที่ส่องสว่างตลอดรายทาง เมื่อรถเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่หน้าอีออนมอลล์ดาวเสาร์ก็ลุกขึ้น ก่อนจะพบว่าคุณไอติม (ขอเรียกแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน) ก็ลงที่นี่เช่นเดียวกัน


    ดาวเสาร์ไม่ได้สนใจเขามากนัก เธอเดินตระเวนหาของกินอยู่นานแต่ลงท้ายก็เข้ามาในร้านราเม็งจนได้ น้ำซุปของทงคัตสึราเม็งทำเอาร่างกายรู้สึกอบอุ่น เป็นความรู้สึกอบอุ่นที่ทำเอารู้สึกอยากจะร้องไห้ ราเม็งแค่หนึ่งชามแต่หญิงสาวกลับนั่งดื่มด่ำอยู่กับความรู้สึกที่ติดลึกอยู่ในใจจิตใจ น้ำซุปหยดสุดท้ายในชามหมดลงพร้อมๆ กับประตูร้านที่ใกล้จะปิดลง 


    ดาวเสาร์เดินออกมาจากร้านราเม็งด้วยหัวสมองที่โล่งไปหมด สองเท้าของเธอเดินไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงคนรอบตัวพูดภาษาญี่ปุ่นที่เธอฟังไม่ออกอยู่รอบตัว ทันทีก้าวเท้าออกพ้นอีออนมอลล์ดาวเสาร์ถึงได้สติ สายฝนที่ยังคงตกพรำๆ ทำให้อากาศเย็นชื้นขึ้นกว่าเดิม ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว สรรพสิ่งรอบด้านเงียบสงัด หญิงสาวตวัดสายตาไปที่ป้ายรถบัสก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อไม่เห็นมีรสบัสสักคัน สองเท้ารีบวิ่งไปที่ป้ายบัสก่อนจะพบว่านี่...เลยเวลาเดินรถแล้ว…


    ดาวเสาร์เดินไปนั่งทรุดอยู่บนม้านั่งหน้าประตูอีออนมอลล์ อยากเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอด


    รถบัสรอบต่อไปเริ่มที่ตี 5 ส่วนตอนนี้ 5 ทุ่มครึ่ง พระเจ้า...เธอไม่อยากนอนตากน้ำค้างอยู่ที่นี่ทั้งคืนหรอกนะ


    ขณะที่กำลังยืนใจสั่นด้วยความพะว้าพะวังอยู่นั้นเสียงฝีเท้าของใครบางคนก็มาหยุดยืนข้างหลังเธอ จังหวะที่เธอหันหลังไปเป็นจังหวะเดียวกับที่สายฝนที่ตกปรอยๆ กลายเป็นเทกระหน่ำลงมา สายลมแรงพัดเอาเสื้อฮู้ดสีแดงสดที่ปกปิดหน้าตาของเขาออก


    ร่างสูงของเขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ในมือของเขาถือไอศกรีมโคนที่กินไปครึ่งนึง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไสวไปตามแรงลม นัยน์ตาสีดำสนิทสบมองมาที่เธอ เขาคือคุณไอติมนั่นเอง


    ชั่วขณะเหมือนเวลาหยุดนิ่งไป ดาวเสาร์รู้สึกถึงแรงดึงที่มองไม่เห็นที่นิ้วมือ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงหยดน้ำอุ่นชื้นที่ไหลออกมาจากดวงตาโดยที่เธอควบคุมไม่ได้ คุณไอติมที่ยืนอยู่เบื้องหน้ายื่นร่มสีใสในมือออกมากางให้เธอ 


    “ตกรถเหมือนกันเลยนะ”



    เสียงนั้น…


    ทำให้ดาวเสาร์รู้สึกราวกับตัวเองกำลังจมลงสู่ถ้วยชา ราวกับว่าเธอได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาที่คุณไกด์ยื่นให้เลยทีเดียว 


    “กินไอติมมั้ย ผมซื้อมาเยอะ” เขาหยิบไอศกรีมที่ใส่ไว้กระเป๋าเสื้อให้เธอ 


    ดาวเสาร์ไม่รู้หรอกว่าการตกหลุมรักคืออะไร 


    แต่ความรู้สึกนี้ทำให้เธอเข้าใจว่าทำไมถึงเรียกการตกหลุมรักว่า “ตกหลุม” 


    เพราะเธอรู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุมอากาศอันเวิ้งว้างไร้จุดจบ และคนตรงหน้าคือสิ่งเดียวที่เป็นหลักยึดให้เธอยังมีตัวตนอยู่ได้ในตอนนี้


    “คุณ?”


    เสียงเรียกจากคนตรงหน้าทำให้ดาวเสาร์ได้สติ เธอสะบัดหัวแรงๆ ก่อนจะถอยห่างจากคุณไอติมเล็กน้อย ละอองฝนที่กระเด็นมาโดนทำเอาร่างกายของเธอเย็นเฉียบ ความรู้สึกของเธอสับสนปนเปจนพูดไม่ถูก


    “เอาไอติมมั้ย” คุณไอติมถามซ้ำ 


    ดาวเสาร์กะพริบตาก่อนจะส่ายหน้า “มะ...ไม่เป็นไรค่ะ”


    คุณไอติมยักไหล่ ก่อนจะเก็บไอติมซองนั้นลงไปในกระเป๋าเสื้อตามเดิม “แค่ฝนตกเอง ทำไมต้องร้องไห้ด้วย"


    คำพูดของเขาทำเอาเธอสะดุ้ง เพิ่งรู้สีกตัวว่าหางตาชื้นๆ นั้นมีที่มาจากหยาดน้ำตาอันไร้ที่มา “ฉัน...ไม่ได้ร้องไห้เพราะฝนตกสักหน่อยค่ะ"


    คุณไอติมเลิกคิ้วด้วยท่าทางแปลกใจ ดาวเสาร์ชะงักไปชั่วขณะ อันที่จริงแล้ว เธอเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าร้องไห้ทำไม


    รู้แค่ว่าตอนที่ได้สบตากับเขาในตอนนั้น...เหมือนมีแรงกระชากของอะไรบางอย่างที่ทำเอาหัวใจสั่นสะเทือนไปหมด เหมือนถูกดูดเข้าไปในห้วงเวลาแห่งชั่วนิรันด์ 


    “อ้อ” คุณไอติมร้องในลำคอ “ตกรถ”


    ดาวเสาร์ถึงเพิ่งนึกออกว่าเธอกำลังประสบปัญหาใหญ่อยู่ก็ตอนนี้เอง เธอหันมองไปรอบๆ ลานอีออนมอลล์ ทุกอย่างเงียบสนิท มีเพียงเสียงสายฝนและดวงไฟเล็กๆ หน้าประตูห้างเท่านั้น


    “เรียกแท็กซี่เอาก็ได้นี่”


    “แถวนี้ไม่เห็นมีแท็กซี่สักคันนี่คะ” เธอแย้ง


    คุณไอติมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนจะยักคิ้วให้เธอ “โทรไปที่เรียวกังให้เค้าช่วยเรียกแท็กซี่มารับเราก็ได้นี่ครับ”


    ข้อเสนอแนะที่ดูชาญฉลาดนั่นทำเอาดาวเสาร์ถึงกับอ้าปากค้างไปเลย เธอพยักหน้าอย่างล่องลอยขณะที่มองร่างสูงของคุณไอติมโทรหาเรียวกังแล้วพูดภาษาญี่ปุ่นอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานนักเขาก็หันมาหาเธอก่อนพยักเพยิดหน้าไปทางม้านั่งด้านใน ดาวเสาร์เดินตามร่างสูงของเขาเข้าไปด้านในก่อนจะนั่งลงบนม้านั่งข้างๆ เขา


    “ไอติมมั้ย ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย” เขายื่นไอศกรีมซองเดิมให้เธออีกครั้ง ขณะที่ตัวเองก็กัดโคนไอศกรีมในมือ 


    ดาวเสาร์ไม่ได้นึกอยากกินไอศกรีมในเวลาที่อากาศเย็นแถมเธอตัวเธอยังเปียกชื้นเพราะละอองฝน แต่เขาก็อุตส่าห์ถามมาตั้งสามครั้งแล้ว…


    “ค่ะ…” เธอรับไอศกรีมมาจากเขาก่อนจะแกะซองช้าๆ ไอศกรีมแท่งละลายไปบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร รสชาติหวานละมุนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก เป็นรสชาติที่ทำให้จิตใจอันแสนอ้างว้างเหมือนได้รับการปลอบประโลม ถึงแม้จะยิ่งกินยิ่งหนาวก็เถอะ


    “อร่อยใช่มั้ยล่ะ” คุณไอติมว่าโดยที่ไม่ได้มองหน้าเธอ “บางครั้งสิ่งที่ช่วยคลายความหนาวเย็นได้ดีที่สุดก็คือความหนาวเย็นด้วยกันเอง"


    ดาวเสาร์ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอนั่งละเลียดไอศกรีมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นแสงไฟสว่างวาบเคลื่อนเข้ามาใกล้ แท็กซี่ที่ทางเรียวกังเรียกมาให้นั่นเอง คุณไอติมที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกขึ้นยืนก่อน เขากางร่มคันเดิมให้เธอก่อนจะเอียงศีรษะให้เดินไปที่รถพร้อมกัน เขาพูดอะไรกับคนขับบ้างเธอฟังไม่ออกหรอก เธอแค่นั่งเฉยๆ มองเหม่อไปยังสายฝนนอกหน้าต่างรถ และดื่มด่ำกับความเงียบเหงาอันลึกซึ้ง


    แต่ความเงียบเหงานั้นไม่ได้อยู่กับเธอนานนัก คุณไอติมที่นั่งอยู่ข้างๆ ยื่นหูฟังมาให้เธอข้างหนึ่ง “ฟังเพลงมั้ย”


    เช่นเดียวกับการกินไอศกรีม เธอไม่ได้อยากฟังเพลงเหมือนที่ไม่ได้อยากกินไอศกรีม แต่เธอก็รับหูฟังมาจากเขา ดาวเสาร์ได้ยินเสียงท่วงทำนองเพลงญี่ปุ่นยุคเก่า ทำนองฟังดูคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก แต่ไม่สำคัญหรอก


    ตราบใดที่เธอชอบท่วงทำนองเพลงนี้ นั่นก็เพียงพอแล้ว ต่อให้ไม่รู้ชื่อเพลง ไม่รู้ความหมายก็ไม่เป็นไร


    เพลย์ลิสต์ของคุณไอติมดูเหมือนจะมีแค่เพลงนี้เพลงเดียว เพราะเขาเล่นวนเพลงนี้ไปเรื่อยๆ จนแท็กซี่มาจอดอยู่หน้าเรียวกัง คุณไอติมอาสาจะจ่ายค่าแท็กซี่ที่ราคาแพงหูฉี่ให้ ดาวเสาร์ไม่ได้อยากจะขัดศรัทธา แต่เห็นราคาแล้วก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมา 


    “ฉัน...พกเงินติดตัวมาไม่พอน่ะค่ะ...ถ้ายังไง...ให้ฉันโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารคุณแทนได้ไหมคะ”


    คุณไอติมยักไหล่ หลังจากจ่ายเงินเสร็จเขาก็เดินลงจากรถและพุ่งตัวไปยังตู้ขายไอศกรีมในเรียวกัง แล้วหยิบไอศกรีมออกมาสามสี่แท่งก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเองไปเสียเฉยๆ โดยไม่ได้ตอบรับเธอแต่อย่างใด


    ดาวเสาร์ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี หญิงสาวจึงจำใจเดินกลับเข้าห้องตัวเองบ้าง แม้จะไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศแต่ก็ยังรู้สึกหนาวยะเยือกอยู่ดี ดาวเสาร์นั่งลงบนเสื่อทาทามิ แสงไฟจากโคมไฟให้แสงสลัวๆ เรียวกังเล็กๆ แห่งนี้ไม่มีลูกค้ามากนัก ดังนั้นจึงไม่มีเสียงรบกวนใดๆ จากใคร มีเพียงแสงไฟสีส้มสลัว เสียงกบร้องดังมาไกลๆ เสียงสายลมหวีดหวิว และไอเย็นที่หอบเอากลิ่นฝนเข้ามาเท่านั้น 


    หนาว


    ดาวเสาร์ห่อตัว รู้สึกอ้างว้างเกินกว่าจะทนนั่งอยู่ในห้องเงียบๆ ต่อไปคนเดียวได้ หญิงสาวหันไปเห็นโบรชัวร์วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตรงกลางห้อง ถึงจะอ่านไม่ออกแต่ก็พอเดาจากรูปภาพได้ อ่า...ที่นี่มีออนเซ็นสินะ...ดึกป่านนี้คงไม่มีใครไปใช้หรอกมั้ง


    คิดได้แบบนั้นดาวเสาร์ก็เลยตัดสินใจเดินย่องไปยังบ่อออนเซ็นกลางแจ้งของเรียวกังอย่างเงียบเชียบ หญิงสาวพยักหน้าให้คุณยายชาวญี่ปุ่นที่นั่งเฝ้าเคาน์เตอร์อยู่อย่างสุภาพก่อนจะเดินเข้าไปในออนเซ็น จัดแจงเกล้าผมเป็นมวยสูง หญิงสาวยืนกระมิดกระเมี้ยนอยู่นานสองนานก่อนจะตัดใจเดินลงไปออนเซ็น โชคดีที่ไม่มีใครมาใช้จริงๆ เธอถึงได้ไม่ต้องเขินอายจนเกินไปนัก


    ออนเซ็นของเรียวกังนี้ดูจะพิเศษกว่าปกติ เพราะนอกจากจะเป็นออนเซ็นกลางแจ้ง ที่นี่ยังมีส้มยูซุลูกโตๆ หลายสิบลูกลอยอยู่ในบ่อ กลิ่นส้มที่อยู่ในบ่อทำให้รอบตัวของดาวเสาร์มีกลิ่นหอมอมเปรี้ยวที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ไออุ่นจากบ่อออนเซ็นทำให้ใบหน้าของเธอมีเลือดฝาด แต่กระนั้นความเงียบที่โรยราอยู่รอบตัวก็ยังทำให้เธอรู้สึกจิตใจล่องลอยอยู่ดี


    เสียงน้ำกระเพื่อมจากอีกฟากฝั่งทำให้หญิงสาวสะดุ้ง บ่อออนเซ็นที่นี่แยกชายหญิง เสียงน้ำนั่นคงมาจากฝั่งบ่อชายล่ะมั้ง ขณะที่คิดเรื่อยเปื่อยเธอก็ได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ ดังมาจากอีกฝั่ง


    เสียงนั้นคุ้นเคย ได้ยินแค่แวบเดียวก็จำได้แล้วว่าเป็นเสียงของใคร


    เป็นคุณไอติมกำลังฮัมเพลงญี่ปุ่นที่เขาเปิดฟังบนรถนั่นเอง


    แต่มันช่างเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเหงาจับใจ 


    แสงดาวบนท้องฟ้าที่มองจากบ่อกลางแจ้งสวยเหมือนความฝัน แต่ก็ช่างเป็นฝันที่เดียวดายเหลือเกิน คุณไอติมที่บ่อข้างๆ ก็คงมองเห็นดวงดาวเหล่านี้เหมือนกัน


    ไม่มีใครที่อยู่ใต้แสงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัดแล้วจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวได้หรอก


    ไม่มีใครโกหกท้องฟ้าได้



    ดาวเสาร์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ไก่โห่จากเสียงเคาประตูดังปึงปังที่คุณไกด์ซีมาเคาะปลุกเรียกให้ลูกทัวร์ตื่น หญิงสาวอยากจะนอนแผ่อยู่บนฟูกนุ่มๆ นี่อีกสักพัก ถ้าไม่ใช่เพราะกลิ่นหอมอะไรบางอย่างที่ลอยมาเตะจมูก กลิ่นอะไรบางอย่างที่เหมือน…ฟักทอง


    ดาวเสาร์โผล่หัวออกมาจากห้องพัก วันนี้เธอสวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อนยาวถึงข้อเท้า และคลุมทับด้วยเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์ตามเคย ห้องอาหารที่เรียวกังเป็นห้องที่มีลักษณะเหมือนญี่ปุ่นย้อนยุค โต๊ะเป็นโต๊ะญี่ปุ่นและมีเบาะรองนั่งสีเขียวอ่อนวางอยู่ ในห้องอาหารมีโต๊ะเพียงสี่โต๊ะเท่านั้น หนึ่งในนั้นมีคู่รักลูกทัวร์นั่งอยู่ก่อนแล้ว อีกโต๊ะมีคุณไกด์ซีนั่งจิบชาอยู่เงียบๆ และอีกโต๊ะถูกจับจองโดยคุณไอติม ซึ่งตามเคย เขายังคงกินไอศกรีมเหมือนเดิม เพียงแต่เช้านี้เป็นไอศกรีมถ้วยเท่านั้น


    ดาวเสาร์มองไปที่โต๊ะญี่ปุ่นที่อยู่ติดระเบียง เป็นมุมดีทีเดียว แสงแดดอุ่นยามเช้าตกกระทบที่ขอบโต๊ะ และยังมีสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน คุณยายเจ้าของเรียวกังมายืนอยู่ด้านหลังเธอเมื่อไหร่ไม่รู้ ในมือของคุณยายถือถาดใส่แกงกะหรี่และพายฟักทองส่งกลิ่นหอมเตะจมูกเอาไว้ 


    ดาวเสาร์ก้มหัวให้เป็นการแสดงความขอบคุณ เธอตั้งใจจะเดินไปนั่งที่โต๊ะริมระเบียง ทว่าคุณยายกลับวางถาดอาหารของเธอลงบนโต๊ะของคุณไอติมเสียอย่างนั้น


    คุณไอติมเสมองมาทางเธอแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะได้แล้ว ดาวเสาร์ตัดสินใจเดินอ้อมไปนั่งลงตรงข้ามเขา คุณไอติมกำลังแกะฝาถ้วยไอศกรีมถ้วยต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย


    ดาวเสาร์กินแกงกะหรี่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไร แกงกะหรี่ที่นี่รสชาติค่อนข้างอ่อนต่างไปจากปกติที่เธอเคยกิน แต่เพราะแบบนั้นเมื่อทานจนหมด และบรรจงตักพายฟักทองที่ส่งกลิ่นหอมอยู่บนโต๊ะกิน ความอุ่นซ่านก็แผ่ไปทั่วร่างกายของเธอ ดาวเสาร์ได้กลิ่นเนยที่ละเลยอยู่ในปาก ความหวานจากฟักทองที่ไม่มากเกินไปทำให้รู้สึกหัวใจพองฟู รู้สึกความอบอุ่นจนอยากจะร้องไห้…


    “เป็น…อะไรหรือเปล่าครับ”


    คุณไอติมที่นั่งอยู่ตรงข้ามขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเขาชี้นิ้วไปที่ตาของตัวเองเธอจึงเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ใช่แค่อยากร้องไห้ แต่เธอกำลังร้องไห้อยู่ต่างหาก ดาวเสาร์ปาดน้ำตาออกแล้วส่ายหน้าเป็นพัลวัน


    “เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร” เธอว่า “ฉันแค่…รู้สึกประทับใจมากไปหน่อย”


    คุณไอติมพยักหน้าหงึกหงัก “พายฟักทองอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอครับ”


    “ค่ะ ยังไม่ได้ลองทานเหรอคะ” เธอถาม คุณไอติมส่ายหน้าแล้วตักไอศกรีมเข้าปากต่อไป “งั้น...ลองชิมของฉันไหมคะ” พูดจบเธอเลื่อนจานใส่พายฟักทองไปตรงหน้าเขา พายฟักทองอบร้อนๆ เพิ่งออกจากเตายังมีควันจางๆ โชยออกมา กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วเรียวกัง แต่คุณไอติมกลับส่ายหน้าเป็นพัลวันแล้วรีบถอยห่างออกจากโต๊ะทันที


    “ไม่เอาครับ” เขาพูดรัว “ผมไม่ชอบกินอะไรแบบนี้หรอก” พูดจบเจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืนแล้วหอบเอาถ้วยไอศกรีมของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะอีกสองสามถ้วยเดินหนีออกจากห้องไปท่ามกลางความงุนงงของดาวเสาร์


    “ชาสักแก้วก่อนออกเดินทางไหมครับ” เสียงทุ้มของคุณไกด์ซีดังขึ้น วันนี้เขาไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดยากาตะแบบเมื่อวาน เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำ แต่กระนั้นก็ไม่วายคลุมทับด้วยฮาโอริ เสื้อคลุมแบบญี่ปุ่นสีแดงเลือดหมู ซึ่งก็ดูลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ


    ดาวเสาร์ไม่ได้ให้คำตอบแต่คุณไกด์ซีก็ทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามเธออย่างถือวิสาสะ ในมือของเขามีถาดใส่กาและถ้วยชาอยู่เหมือนเมื่อวาน ใบหน้ายิ้มแย้มเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “รับชาอะไรดีครับ”


    “เอ่อ...อะไรก็ได้ค่ะ”


    “ไม่ได้สิครับ” คุณไกด์ซีว่า “ที่นี่ ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับชามากนะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว จะตอบอะไรสุ่มๆ ไม่ได้หรอกนะครับ”


    ดาวเสาร์มองสีหน้ายิ้มแย้มของคุณไกด์ซีด้วยความรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ คุณไกด์ที่เห็นแบบนั้นหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ลองบอกรสชาติที่อยากดื่มให้ผมฟังก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะหาชาที่เหมาะกับคุณให้เอง”


    “เอ่อ...จริงๆ แล้วฉันไม่ชอบดื่มชาน่ะค่ะ” ดาวเสาร์ว่า อันที่จริงชาเมื่อวานที่คุณไกด์ให้ตอนอยู่บนบัสเธอก็ไม่ได้แตะเหมือนกัน


    “แย่จังเลยนะครับ” คุณไกด์ทำเสียงอ่อน “ทำไมถึงไม่ชอบดื่มชาเหรอครับ อากาศเย็นๆ แบบนี้ ได้จิบชาอุ่นๆ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเช้า ไม่คิดว่ามันวิเศษน่าดูเหรอครับ”


    “ก็คงวิเศษนะคะ” ดาวเสาร์ว่า “แต่ว่า...การที่ได้เพลิดเพลินกับความอบอุ่นแค่ชั่วชาร้อนหนึ่งแก้ว สำหรับฉันแล้วคิดว่าไม่เพียงพอหรอกค่ะ เพราะหลังจากจิบชาอุ่นๆ นั้นจนหมดแก้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือความหนาวเหน็บนี่คะ ถึงตอนนั้นก็จะทำได้แค่เพียงโหยหาชาร้อนถ้วยนั้น ทั้งๆ ที่มันไม่มีเหลือสักหยดแล้ว”


    “...”


    “พอคิดแบบนั้น...การจิบชาก็ดูจะไม่ค่อยวิเศษแล้วละค่ะ”


    คุณไกด์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอเงียบไป แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เขาเพียงแค่มองเธอแบบนั้นโดยที่ไม่พูดอะไร ทำเอาหญิงสาวชักรู้สึกประดักประเดิกขึ้นมา 


    “ฉันว่า...ฉันไปเตรียมของขึ้นรถก่อนดีกว่าค่ะ จะแปดโมงแล้ว...” ว่าจบดาวเสาร์ก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินหนีออกจากห้องอาหาร ทว่ายังไม่ทันจะก้าวพ้นขอบประตู คุณไกด์ซีก็เอ่ยขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามองเธอ


    “งั้นผมก็หวังว่าทริปนี้ คงจะทำให้คุณได้พบเจอกับความอบอุ่นที่มีมากกว่าแค่ช่วงเวลาชาร้อนหนึ่งแก้วนะครับ” คุณไกด์ซีลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นจานที่ใส่พายฟักทองให้เธอ “แล้วก็...เผื่อว่าคุณอยากจะเอาไปทานต่อน่ะครับ”


    ดาวเสาร์รับจานมาถือด้วยสีหน้างุนงง แต่กลิ่นพายฟักทองก็ยั่วยวนใจเกินกว่าจะปล่อยมันทิ้งไว้ทั้งๆ ที่เพิ่งตักกินไปได้แค่คำเดียวเท่านั้น คิดได้แบบนั้นหญิงสาวจึงผงกหัวให้คุณไกด์ซีก่อนจะเดินถือพายฟักทองกลับไปยังห้องพักของตัวเอง จัดแจงถ่ายมันลงในกล่องทัพเพอร์แวร์ที่พกมาด้วยก่อนจะเดินถือมันไปขึ้นรถบัสที่สตาร์ทเครื่องรออยู่หน้าเรียวกังแล้ว


    คู่รักยังนั่งอยู่ด้านหน้าเหมือนเคย คุณไอติมก็นั่งอยู่เบาะกลางเหมือนเคย ดาวเสาร์กำลังจะเดินไปนั่งแถวหลังสุดเหมือนเมื่อวาน แต่แล้วหญิงสาวก็เปลี่ยนใจ โยกย้ายมานั่งแถวหลังของคุณไอติมแทน


    โปรแกรมทัวร์ในวันนี้ไม่วุ่นวายมากนัก ดาวเสาร์ฟังผ่านๆ ได้ความว่าวันนี้คุณไกด์ซีจะพาเราไปที่ภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 ต่อด้วยโออิชิปาร์คและหลังจากนั้นปิดท้ายที่หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะ ฮัคไค


    วันนี้ฝนยังคงตกปรอยๆ แบบเมื่อวาน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะเธอเลือกจองทัวร์มาช่วงโลว์ซีซั่นที่เป็นหน้าฝนเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนักหรอก ดาวเสาร์เอาหัวพิงกระจกเหมือนเคยก่อนผละออกมาเมื่อพบว่าเงาบนกระจกก็สะท้อนให้เห็นภาพคนที่อยู่แถวหลังของเธอด้วยเช่นกัน


    คุณไอติมกลับมาใส่เสื้อฮู้ดปิดหน้าเหมือนเดิม เขายังคงกินไอศกรีมแท่งเหมือนเคย แต่เพราะกระจกหน้าต่างรถที่สะท้อนภาพของเขาโดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัว ดาวเสาร์ถึงได้เห็นว่าสีหน้าที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร


    ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ สายตาของคนเราก็เป็นดั่งเงาสะท้อนจิตใจของตัวเอง

    คุณไอติมไม่ได้ดูมีความสุขในการกินไอศกรีมเลยสักนิด ริมฝีปากของเขาติดจะซีดเซียว สีหน้าของเขาดูเย็นชาเหมือนประติมากรรมปูนปั้น แต่ทว่านัยน์ตากลับเต็มไปด้วยหยดน้ำที่พร่างพราว 


    คุณไอติมในเงาสะท้อนนี้ ช่างดูเศร้าสร้อยเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้


    รถบัสไต่ขึ้นภูเขาไฟฟูจิมาเรื่อยๆ เล่นเอาหูอื้อไปชั่วขณะทำให้ดาวเสาร์ละสายตาจากเงาสะท้อนของคุณไอติม สองข้างทางเต็มไปด้วยสีเขียวชอุ่มจากต้นไม้ที่ขึ้นเรียงราง หยดฝนเกาะพรายอยู่ที่หน้าต่างทำให้เห็นไม่ถนัดนัก แต่ที่แน่ๆ หญิงสาวเริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมาเพราะสภาพอากาศที่ยิ่งสูงยิ่งหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ มีรสสองสามคนวิ่งสวนบัสไป ถนนเปียกชื้นไปด้วยละอองฝน เมื่อรถบัสขึ้นมาจอดที่ภูเขาฟูจิชั้น 5 คุณไกด์ซีก็ยืนอธิบายประวัติความเป็นมาต่างๆ ของภูเขาฟูจิให้ฟัง ตามด้วยการแนะนำจุดชมวิวต่างๆ ก่อนที่จะปล่อยลูกทัวร์ทั้งสี่ให้ไปเดินสัมผัสความงดงามของภูเขาฟูจิกันตามใจชอบ


    ดาวเสาร์เดินลงจากรถโดยไม่ลืมหยิบกล่องพายฟักทองลงมาด้วย เธอหยุดยืนอยู่หน้ากำแพงหิน หลังกำแพงนั้นมองสามารถมองเห็นยอดของภูเขาไฟฟูจิที่อยู่เหนือขึ้นไปได้ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าหม่นเพราะฝนที่กำลังโปรยปรายลงมา ยอดภูเขาไฟฟูจิยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่เล็กน้อย มองเห็นเป็นภูเขาสีเขียวแกมน้ำตาลที่มีหิมะเป็นเหมือนสารธารสีขาวบริสุทธิ์ อากาศบนนี้หนาวเย็นยิ่งกว่าปกติ ยิ่งละอองที่พัดมาโดนผิวกายยิ่งทำให้รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก็พอดีกับที่เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับกางร่มสีใสคันเดิมไว้เหนือหัวเธอ


    เป็นคุณไอติมอีกแล้ว


    “ไม่ได้พกร่มมาเหรอ” เขาถามทั้งๆ ที่ยังสวมฮู้ดเอาไว้ มือข้างหนึ่งมีซอฟท์ครีมที่ดูจะเพิ่งไปซื้อมา คนคนนี้นี่...จะกินไอศกรีมวันละเท่าไหร่กันนะ…


    “...ค่ะ”


    “ทั้งๆ ที่รู้ว่าที่นี่ตอนนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวงั้นเหรอ”


    “เรียกว่า...ฉันไม่เคยนึกถึงเรื่องสภาพอากาศมาก่อนเลยจะดีกว่าค่ะ”


    คุณไอติมพยักหน้า “งั้นเหรอ” เขานิ่งไปชั่วขณะก่อนจะเอียงศีรษะเล็กน้อย “งั้นก็...ไปด้วยกันกับผมมั้ย”


    ดาวเสาร์เดินอยู่ใต้ร่มเคียงข้างไปกับคุณไอติมอย่างมีระยะห่าง ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก สองขาก้าวไปตามเส้นทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย หัวใจของดาวเสาร์เต้นแรงจนเธอกลัวว่าคุณไอติมที่เดินอยู่ข้างๆ จะได้ยิน เธอเดินลอดผ่านใต้โทริอิ ซุ้มประตูสีแดง ก่อนจะเห็นทางเดินที่มุ่งตรงไปสู่ศาลเจ้าโคมิตาเคะที่อยู่ปลายทาง คุณไอติมเดินพาดาวเสาร์ไปที่บ่อน้ำที่ตั้งอยู่หน้าศาลเจ้า เมื่อเห็นเธอทำสีหน้างุนงงเขาก็ช่วยอธิบายให้อย่างใจเย็น


    “บ่อนี่เรียกว่าโชสุยะ เป็นบ่อที่เอาไว้ชำระล้างจิตใจก่อนจะเข้าไปในเขตของเทพเจ้า” คุณไอติมว่า เขากลืนโคนซอฟท์ครีมคำสุดท้ายลงคอก่อนจะเอ่ยต่อ “เอากระบวยนี่ตักน้ำในบ่อแล้วราดมือซ้ายแบบนี้…”


    คุณไอติมส่งร่มให้ดาวเสาร์ถือ เขาหยิบกระบวยขึ้นตักน้ำก่อนจะราดลงบนมือขวา แล้วจากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้มือขวาตักกระบวยราดมือซ้ายแทน คุณไอติมหันมามองหน้าเธอเหมือนจะเช็กให้แน่ใจว่าเธอตามทัน ก่อนที่จะตักกระบวยน้ำขึ้นกลั้วปากและล้างหน้าอย่างแผ่วเบา


    เมื่อคุณไอติมวางกระบวยไม้ไผ่ไว้บนขอบบ่อ ดาวเสาร์จึงหันไปหยิบกระบวยที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วทำอย่างเขาบ้าง น้ำในบ่อเย็นเฉียบจนเธอมือชา แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังชอบเวลาได้มองสายน้ำไหลผ่านมือลงสู่พื้นดิน คุณไอติมเป็นฝ่ายถือร่มใสในมือเหมือนเดิม ละอองฝนโปรายปรายลงมาแบบนี้ต่อเนื่องกันสองวันแล้ว  แม้จะน่าหงุดหงิดไปบ้างแต่ดาวเสาร์ก็เริ่มชินเสียแล้ว ไม่สิ...จะเรียกว่าชินคงไม่ได้ เรียกว่าเธอเองก็รู้สึกดีที่ฝนตกเหมือนกัน


    เพราะอย่างน้อยๆ ก็ได้อยู่ในใต้ร่มคันเดียวกัน


    คุณไอติมที่เดินอยู่ข้างๆ พาเธอไปสักการะศาลเจ้าโคมิตาเคะ ผู้คนในบริเวณนี้ค่อนข้างบางตาด้วยเพราะสภาพอากาศที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ ดาวเสาร์เห็นคู่รักหวานแหววที่มาจากทัวร์เดียวกันยืนสักการะอยู่ก่อนแล้ว เมื่อทั้งสองคนหันมาเห็นเธอฝ่ายผู้หญิงที่ท่าทางจะอายุพอๆ กันกับเธอก็ส่งยิ้มและก้มหัวทักทายหญิงสาวและคุณไอติมเล็กน้อยก่อนจะเดินควงแขนกับคู่รักของเธอจากไป


    “เค้าว่ากันว่าที่นี่เป็นสวนของเทนกุล่ะ” คุณไอติมพูดขึ้นทำลายความเงียบหลังจากที่สักการะเสร็จ


    “ภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 นี่ก็ว่าเป็นสวนของเทนกุ”


    “ดีจังนะที่มีสวนสวยแบบนี้” ดาวเสาร์พึมพำ


    คุณไอติมที่ยืนอยู่ข้างๆ ยักไหล่ “ชั้นนี้มีจุดชมวิวที่มองเห็นทะเลสาบคาวากุจิด้านล่างด้วย…”


    และเพราะแบบนั้นดาวเสาร์กับคุณไอติมก็เลยเดินเรียบเรื่อยมาจนถึงจุดชมวิวที่ว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกำลังยืนถ่ายรูปอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ดาวเสาร์สูดอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด กลิ่นบนภูเขาไฟฟูจิแตกต่างไปจากด้านล่าง เธอได้กลิ่นฝน ไอดิน และกลิ่นความเย็นชื้นที่ทำให้รู้สึกเหมือนปอดได้รับการชำระล้าง เมื่อหันไปมองคนร่างสูงที่ยืนกางร่มอยู่ก็พบว่าคุณไอติมกำลังทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล ไม่ได้กำลังมองดูวิวทะเลสาบอย่างที่เจ้าตัวโฆษณาไว้สักนิด


    หมอกลงค่อนข้างหนาประจวบกับสภาพอากาศที่เย็นชื้นทำให้ดาวเสาร์รู้สึกร่างกายเย็นเฉียบยิ่งกว่าเก่า ทะเลสาบคาวากุจิเบื้องล่างส่องแสงวิบวับล้อกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาจางๆ เรือถีบสองสามลำลอยเท้งเต้งอย่างไร้จุดหมาย สายลมที่พัดวนอยู่รอบกายทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมาจนต้องกระชับเสื้อแจ๊คเก็ตให้กระชับขึ้น มือของดาวเสาร์สัมผัสเข้ากับกล่องทัพเพอร์แวร์ที่ซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านใน 


    ดาวเสาร์หยิบกล่องออกมาก่อนจะเปิดฝาออก กลิ่นหอมหวานของพายฟักทองลอยมาเตะจมูกเล่นเอาน้ำลายสอ หันไปมองข้างๆ ก็พบว่าคุณไอติมกำลังมองพายฟักทองชิ้นเล็กนั่นอยู่เช่นกัน “เอามั้ยคะ” 


    คุณไอติมหันมามองหน้าเธอก่อนจะส่ายหัวแรงๆ “ไม่เอาครับ”


    ดาวเสาร์ไม่เซ้าซี้ต่อ เธอหยิบพายฟักทองขึ้นมากัดเข้าปาก ถึงจะทิ้งไว้ในกล่องมาสักพักแต่ความอุ่นร้อนในเนื้อคัสตาร์ดฟักทองก็ยังไม่หายไป พายฟักทองแค่คำเดียวทำให้เธอรู้สึกอุ่นขึ้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ไม่ใช่แค่ในทางกายภาคแต่รวมไปถึงจิตใจด้วย


    “รออยู่ที่นี่ก่อนได้ไหมครับ” คุณไอติมว่า “ผมขอลงไปซื้อซอฟท์ครีมอีกสักโคนก่อน”


    ไม่ทันที่ดาวเสาร์จะได้เอ่ยขัดอะไร คุณไอติมก็ยัดร่มใส่มือเธอก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไป แต่ไม่นานนักก็กลับพร้อมกับสีหน้าเศร้าสร้อยโดยที่ไม่มีซอฟท์ครีมในมือ


    “หมดแล้วล่ะครับ อากาศเย็นๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีใครกินซอฟท์ครีมกันนักหรอก ของก็เลยมีน้อย”


    คุณไอติมยืนเอามือล้วงกระเป๋า ทอดสายตามองไปไกลแสนไกล 


    “ถ้าหิวขนาดนั้น ทานพายฟักทองนี่ก็ได้นะคะ” ดาวเสาร์ว่า แต่เช่นเคย คุณไอติมยังคงส่ายหน้า


    “ผมไม่ได้หิวหรอกครับ”


    “คุณคงชอบไอศกรีมมากเลยสินะคะ” ดาวเสาร์พูดลอยๆ “ตั้งแต่มาที่นี่เห็นคุณกินไอศกรีมไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ทั้งที่อากาศเย็นแบบนี้”


    คุณไอติมเงียบไปหลายอึดใจ เขาละสายตาจากเส้นขอบฟ้าก่อนจะหันมามองหน้าเธอแทน “ผมไม่ได้กินไอศกรีมแค่เพราะว่าอยากกินหรอกครับ”


    “...”


    “ผมก็แค่...ไม่อยากให้ร่างกายอบอุ่น”


    “คะ” ดาวเสาร์เลิกคิ้ว ละอองฝนเริ่มตกกลายเป็นฝนเม็ดเป้ง แต่ถึงกระนั้นนัยน์ตาโศกของคนตรงหน้าก็ตรึงร่างกายเธอเอาไว้จนไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่นได้


    “ถ้าต้องรู้สึกอบอุ่นแค่ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วต้องเผชิญกับความหนาวเย็นตลอดไป สู้ให้หนาวจนชาไปตั้งแต่แรกเลยยังดีเสียกว่า”


    คำพูดนั้นของคุณไอติมทำให้ดาวเสาร์มองหน้าเขาอยู่เนิ่นนาน คุณไอติมละเลียดซอฟท์ครีมอย่างไม่ใส่ใจนักแต่สุดท้ายก็เอ่ยเสียงแผ่ว “พูดแบบนี้คงฟังดูแปลกสินะครับ”


    “เปล่าค่ะ” หญิงสาวว่า เธอกัดพายฟักทองเข้าปากอีกคำ “แค่เงียบไปเพราะไม่คิดว่าจะมีคนคิดอะไรคล้ายๆ กันแค่นั้นเอง”


    คุณไอติมมองหน้าเธอด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองคนยืนอยู่ณ จุดชมวิวอยู่เนิ่นนานตามลำพัง ฝนที่ตกหนักขึ้นทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาอีกแล้ว เสียงฝนที่กระทบกับร่มสีใสดังเป็นจังหวะ ดาวเสาร์สูดเอาไอเย็นเข้าไปเต็มปอด เรือเป็ดในทะเลสาบคาวากุจิหายไปแล้ว แต่นัยน์ตาของคุณไอติมยังคงมองไปยังความเวิ้งว้างเบื้องหน้าอย่างล่องลอย


    “ถ้าครั้งหน้ามาแล้วฝนไม่ตกก็คงดีนะคะ” ดาวเสาร์พึมพำ


    “นั่นสิครับ…” คุณไอติมพูดเสียงแผ่ว 


    เงียบไปหลายนาที หลายนาทีที่ไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงสายฝนและเสียงลมพัด ดาวเสาร์เหม่อมองไปตามสายตาของคุณไอติม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร บรรยากาศหรือความหนาวเย็นถึงทำให้เธอพึมพำออกมาอย่างล่องลอย


    “ไว้ครั้งหน้ามาด้วยกันอีกดีมั้ยคะ”


    “...”


    “ในตอนที่ไม่มีฝนตกแบบนี้แล้ว”


    คุณไอติมหันมามองหน้าเธอ สีหน้าของเขาเรียบเฉยจนน่าตกใจ เขาหุบร่มที่กางไว้ สายฝนตกกระทบลงบนกายของทั้งสองคนจนเสื้อผ้าเปียกชุ่ม 


    “รู้อะไรไหมครับ” คุณไอติมเอ่ยเสียงแผ่ว “คำว่าไว้มาด้วยกัน ไม่มีอยู่จริง”


    “...”


    “หลังจากนี้...วินาทีที่ผ่านมาก็จะเป็นแค่อดีต ทุกสิ่งทุกอย่างไหลไปตามกระแสเวลา ตัวผมที่คุยกับคุณเมื่อหนึ่งวินาทีก่อนก็ไม่ใช่ตัวผมในปัจจุบันแล้ว ไม่มีอะไรถาวรมั่นคงเลยสักอย่าง”


    “...”


    “ไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าในอนาคตผมในตอนนี้หรือคุณในตอนนี้จะยังเป็นคนเดิมอยู่ไหม”


    “...”


    “เพราะฉะนั้นแล้ว...ไว้มาด้วยกันอีก มันไม่มีอยู่จริงหรอกครับ”


    คุณไอติมเดินจากไปทั้งๆ ที่ฝนตก เหลือเพียงดาวเสาร์ที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม พายฟักทองในกล่องเปียกน้ำฝนไปหมดจนกินไม่ได้เสียแล้ว ดาวเสาร์มองตามแผ่นหลังของคุณไอติมที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ แผ่นหลังของคุณไอติมช่างดูอ้างว้างเหลือเกิน


    ดาวเสาร์เดินตามคุณไอติมไปหลังจากนั้นไม่นาน ฝนตกหนักขึ้นจนเธอเปียกปอนไปหมด รถบัสของทัวร์สตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว ดูเหมือนเธอจะมาสายกว่าเวลานัดเสียแล้ว คุณไกด์ซียืนกางร่มรออยู่ที่หน้าประตูรถ เขาผายมือให้เธอขึ้นรถด้วยสีหน้าอ่อนโยน คู่รักนั่งอยู่ก่อนแล้ว ฝ่ายชายเอนหัวซบหลับไปบนไหล่ของผู้หญิงที่เป็นคนรัก เธอคนนั้นมองดาวเสาร์ด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ดาวเสาร์หันไปมองร่างสูงของคุณไอติมที่นั่งเอนหัวพิงกระจกโดยไม่มองมาที่เธอสักนิด คุณไอติมตัวเปียกปอนไม่ต่างจากเธอ ในมือมีถ้วยชาร้อนที่เขาไม่ยอมแตะต้อง


    ดาวเสาร์เดินไปนั่งที่เบาะหลังสุดเหมือนเดิม รู้สึกชาหนึบที่หัวใจอย่างไรชอบกล ซึ่งก็แปลกพิลึก นี่เธอกำลังรู้สึกเจ็บปวดเพราะคุณไอติมอยู่หรือเปล่านะ ช่างแปลกประหลาด เธอไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะรู้สึกอะไรกับเขามากขนาดนี้


    ความรักนี่พิลึก


    รถบัสเคลื่อนตัวออกจากภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 ช้าๆ ทิ้งไว้เพียงหมอกจางๆ และสายฝนเบื้องหลัง


    คุณไกด์ซีเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเธอพร้อมกับผ้าขนหนูและถ้วยชาร้อนๆ “ผมรู้ครับว่าคุณไม่ชอบดื่มชา” คุณไกด์ซีว่าก่อนจะเอ่ยประโยคหลังด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย “แต่ในบางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องอดทนกับความหนาวเหน็บขนาดนั้นหรอกนะครับ ถ้าชาร้อนๆ หนึ่งแก้วไม่เพียงพอต่อการคลายความหนาวจะขอเพิ่มอีกถ้วยก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”


    เสียงนุ่มทุ้มของคุณไกด์ซีเหมือนมีมนตร์สะกด ดาวเสาร์รับผ้าขนหนูมาห่มตัวและรับถ้วยชามาถืออย่างเหม่อลอย ไอร้อนจากถ้วยชาที่พุ่งมาปะทะหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวอุ่นขึ้นมา เธอมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำชาสีส้มอ่อน เงาของเธอวูบไหวเพราะแรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนตัวของรถ ดาวเสาร์ประคองถ้วยชาขึ้นจิบอย่างแผ่วเบา


    น้ำชาอุ่นๆ ไหลผ่านลำคอของเธอ กลิ่นหอมของดอกบ๊วยแทรกซึมไปทุกอณู ดาวเสาร์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ ลอยห่างจากทุกสิ่งไปเรื่อยๆ ก่อนรู้สึกถึงแรงกระชากอันรุนแรง เธอลืมตาด้วยความตกใจก่อนจะพบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยของใครบางคนที่จ้องมองมา


    “ถึงโออิชิปาร์คแล้วครับ” เสียงทุ้มของเขาเอ่ยแผ่วเบา “คุณไกด์ซีให้ผมมาปลุก”


    ดาวเสาร์มองหน้าคุณไอติมที่อยู่ตรงหน้า ถ้วยชาที่คุณไกด์ซีให้มายังอยู่ในมือ น่าแปลกที่มันยังคงอุ่นร้อนอยู่ เธอสบตาคุณไอติมเนิ่นนาน รู้สึกถึงคลื่นความหนาวเย็นของคนตรงหน้าที่เป็นเหมือนปราการขนาดใหญ่ คุณไอติมหลบตาเธอก่อนจะเดินลงจากรถบัสไปโดยไม่รั้งรอ


    ดาวเสาร์วางถ้วยชาลงบนเบาะข้างๆ หญิงสาวลุกขึ้นยืนโงนเงนก่อนจะเดินลงบัสไปเป็นคนสุดท้าย ฝนไม่ตกแล้วแต่พื้นยังคงชื้นจากสายฝน มีแสงแดดรำไรพอให้รู้สึกตัวอุ่นแต่สายลมก็ยังคงเย็นเฉียบอยู่ดี สมาชิกทัวร์ยืนรอกันอยู่แล้ว คุณไกด์ซีกำลังพูดอธิบายแนะนำสถานที่คร่าวๆ ให้ฟังอยู่ ได้ความว่าโออิชิปาร์คแห่งนี้ก็คือสวนดอกไม้นั่นเอง และในช่วงนี้ดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งก็คือดอกลาเวนเดอร์ คุณไกด์ซีให้เวลาอิสระในการชื่นชมดอกไม้ราวหนึ่งชั่วโมงก่อนจะเดินทางไปทานอาหารต่อที่ร้านใกล้ๆ 


    คุณไอติมไม่ได้กินไอศกรีมอีกแล้ว เขาเดินเลาะไปตามทางเดินเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ดาวเสาร์ไม่ได้ตั้งใจจะเดินไปทางเดียวกับคุณไอติมแต่ถึงอย่างนั้นพอเดินไปเรื่อยๆ ทางเดินก็เวียนมาเจอกันจนได้ คุณไอติมทอดสายตามองทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ไกลๆ เบื้องหน้าโดยไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอ ดาวเสาร์ยืนมองเขาอยู่ห่างๆ สายลมโชยพัดเอากลิ่นหอมจางของลาเวนเดอร์มาเตะจมูก กลีบดอกไม้บางส่วนพัดผ่านร่างสูงของคุณไอติมที่ยืนอยู่แบบนั้น แสงแดดที่ตกกระทบมาที่ร่างของคุณไอติมพอดีทำให้เห็นหยดน้ำที่หางตาของเขา ดาวเสาร์มองภาพนั้นเหมือนถูกสะกด 


    คุณไอติมยืนอยู่แบบนั้นนานแค่ไหนไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าดาวเสาร์ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย


    ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริงที่มีแค่เธอที่อยากจะเฝ้ามองเขาฝ่ายเดียว




    กลายเป็นว่าทริปชมทะเลสาบของดาวเสาร์จบลงเพียงเท่านั้น อาหารกลางวันที่คุณไกด์ซีพามาทานเป็นร้านราเม็ง แน่นอนว่าคุณไอติมไม่แตะต้องราเม็งร้อนๆ สักนิด เขาสั่งเพียงโซบะเย็นชามเล็กๆ และแน่นอนว่าปิดท้ายด้วยไอศกรีมอีกหนึ่งถ้วยเต็มๆ 


    พอขึ้นรถบัสเดินทางไปยังจุดหมายสุดท้ายของวันอย่างโอชิโนะ ฮัคไค หมู่บ้านน้ำใส สายฝนก็เริ่มเทลงมาอีกครั้ง แต่โชคดีที่เป็นเพียงแค่ละอองเท่านั้น โอชิโนะ ฮัคไคคือหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบคาวากุจิ ถ้ามองจากที่นี่ก็ยังเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย คุณไกด์ซีบอกว่าที่นี่มีบ่อน้ำสะอาดที่บริสุทธิ์มากเพราะไหลมาจากภูเขาไฟฟูจิถึง 8 บ่อ คราวนี้คุณไกด์ซีพาลูกทัวร์ทั้งสี่เดินชมเสียรอบหมู่บ้าน ที่นี่มีบ้านทรงญี่ปุ่นโบราณตั้งเรียงรายเต็มไปหมด มีสะพานที่พาดผ่านทางน้ำใสสะอาด 


    บ่อน้ำแรกที่เจอเป็นบ่อลึกถึง 8 เมตรที่มีปลามากมายแหวกว่ายอยู่ น้ำในบ่อใสเสียจนเห็นถึงก้นบ่อ หยดน้ำในบ่อที่กระเซ็นมาโดนเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง อากาศบริสุทธิ์จนดาวเสาร์อยากจะสูดหายใจเข้าไปให้เต็มปอด คุณไอติมที่ยืนอยู่ไม่ไกลไม่ได้กางร่ม เขาลดฮู้ดลงจากศีรษะและจ้องมองหมู่ปลาด้วยสีหน้าที่ดูอ่อนลงเล็กน้อย


    ดาวเสาร์ได้กลิ่นปลาเผาลอยมาเตะจมูก คุณไกด์ซีบอกว่าปลาเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่เพราะเป็นปลาที่จับได้ในบ่อ ไม่มีกลิ่นคาวและเนื้อหวานมาก พอได้ยินแบบนั้นคู่รักที่ยืนตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งก็รีบปรี่เข้าไปที่โซนขายอาหารทันที คุณไกด์ซีหันมาถามดาวเสาร์และคุณไอติมที่ยืนอยู่ว่าอยากจะให้เขานำทัวร์ต่อหรือว่าอยากจะไปเดินอิสระกันเอง คุณไอติมขอแยกตัวไปเดินคนเดียวก่อนที่จะฟังคุณไกด์ซีจบด้วยซ้ำ 


    “ตรงนั้นมีหัวมังกรพ่นน้ำออกมาได้ เอาขวดน้ำไปรองได้นะครับ น้ำสะอาดดื่มได้” คุณไกด์ชี้นิ้วไปทางขวา “ส่วนทางนั้นมีของกินอร่อยๆ ขึ้นชื่อครับ มีโมจิย่างไส้ถั่วแดง ร้อนๆ อร่อยเชียวครับ”


    “ค่ะ...งั้นฉันขอตัวไปเดินเล่นเองก็แล้วกันนะคะ” ดาวเสาร์พูดเสียงอ่อย


    ดาวเสาร์กำลังจะเดินแยกตัวไป ทว่าเสียงของคุณไกด์ซีทำให้เธอต้องยืนนิ่งอยู่กับที่อยู่พักใหญ่ “เดินในสถานที่ที่สวยงามแบบนี้คนเดียวมันเหงาสินะครับ”


    “...”


    “ไม่ใช่แค่คุณที่รู้สึกแบบนั้นหรอกนะครับ”


    “ฉัน…”


    “คนที่น่าสงสารยิ่งกว่าคนเหงาก็คือคนที่เหงาแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเหงานะครับ” คุณไกด์ซียิ้มอ่อนๆ ก่อนจะเดินจากไป คุณไกด์ซีเดินหายไปเหมือนเล่นกล 


    ดาวเสาร์รู้สึกเหมือนโดนเข็มทิ่มปลายนิ้ว เป็นแรงสะกิดที่ทำให้เธอรู้สึกตัวตื่นจากความรู้สึกหนักอึ้งที่แบกไว้มานาน ดาวเสาร์ยืนอยู่หน้าบ่อน้ำใสอยู่อย่างนั้น น้ำตาของเธอพรั่งพรูลงมาเหมือนเขื่อนแตก ผู้คนที่เดินผ่านไปหันมองเธอด้วยความประหลาดใจแต่ก็ไม่มีใครเดินเข้ามาหา ทุกคนแค่มอง และเดินผ่านเลยไปด้วยสีหน้าแปลกใจเท่านั้น


    อากาศช่างเหน็บหนาว


    และเธอก็รู้สึกเหงาเหลือเกิน 


    เหงาและโดดเดี่ยวจนทนไม่ได้อีกแล้ว


    ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองอดทนได้ดีมากๆ แล้วเชียวนะ แต่คงไม่ไหวจริงๆ นั่นแหละ


    ทั้งที่อุตส่าห์ได้พบกับคนที่ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะตามหาจนพบได้อีกหรือไม่แท้


    ดาวเสาร์ยืนร้องไห้แบบนั้นอยู่เนิ่นนาน ผู้คนเดินผ่านเลยไป ไม่มีใครสนใจเธอ สายลมและละอองฝนยิ่งชวนให้รู้สึกเหน็บหนาวจนชาไปทั้งตัว 


    เสียงฝีเท้าที่เดินมาหยุดตรงหน้าทำให้ดาวเสาร์เงยหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของคุณไอติมกำลังสบมองเธออยู่ มือข้างขวาของเขาถือซอฟท์ครีมสีม่วงอ่อน และมือข้างซ้ายถือ…โมจิย่างสีเขียวอ่อนที่ส่งกลิ่นหอมเตะจมูก


    “โมจิย่างมั้ย”


    ดาวเสาร์ยื่นมืออันสั่นเทาไปรับโมจิย่างมาจากเขา โมจิย่างยังคงอุ่นๆ อยู่ หญิงสาวกัดก้อนโมจินุ่มหนึบที่ส่งกลิ่นหอมของสมุนไพรจางๆ และเตาถ่านในปาก 


    “เป็นโมจิที่…อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยค่ะ” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว


    คุณไอติมพยักหน้า “บางครั้ง...ถ้ารู้สึกหนาวเย็นเกินไปก็ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละนะ”


    ดาวเสาร์รู้สึกหัวใจวูบไหวเหมือนเปลวเทียนที่ถูกสายลมพัดผ่าน สายตาที่คุณไอติมมองมาที่เธอทำให้รู้สึกเหมือนถูกกระชากลงไปท่ามกลางดวงตาพายุซ้ำแล้วซ้ำแล้ว เพิ่งรู้ก็ตอนนี้...ว่าคนเราตกหลุมรักใครสักคนได้ซ้ำๆ ไม่มีจุดจบ


    “ฉัน…” ดาวเสาร์ขยับริมฝีปากแห้งผาก คุณไอติมละเลียดกินไอศกรีมสีม่วงอ่อนนั้นขณะที่มองหน้าเธออย่างใจเย็น 


    “ฉันคิดว่าฉัน...กำลังหลงรักคุณน่ะค่ะ”


    ปฏิกิริยาโต้ตอบของคุณไอติมไม่รุนแรงเหมือนอย่างที่เธอคาด ชายหนุ่มเพียงแค่กินไอศกรีมต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้โต้ตอบอะไร ซึ่งดาวเสาร์เองก็ไม่ได้คิดจะไปคาดคั้นให้เขาตอบอะไรหรอก


    เธอชอบเขาเอง มันเป็นความรับผิดชอบของเธอ


    คุณไอติมไม่มีความจำเป็นต้องรับผิดชอบความรู้สึกที่ไม่มีที่มาที่ไปนี้เลยสักนิด 


    “ผมน่ะ...” คุณไอติมเอ่ยเสียงแผ่ว “ยังไม่รู้เลยว่าชั่วชีวิตนี้จะหยุดกินไอศกรีมได้ไหม”


    “...”


    “ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเหน็บหนาวไปกับผม ทั้งๆ ที่มีความอบอุ่นรออยู่ตรงหน้าหรอกนะครับ” คุณไอติมยิ้มเศร้าๆ ใบหน้าของเขาถูกแสงสีส้มจากพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าพาดทับ ดูแสนเศร้าแต่ก็งดงามเหมือนภาพวาด “โมจิอันนั้นเหมาะกับคุณแล้วล่ะครับ”


    คุณไอติมเดินจากไปโดยไม่มีคำบอกลา ทริปในการมาเยือนหมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะ ฮัคไคของดาวเสาร์จบลงที่การเฝ้ามองดูแผ่นหลังอันเปล่าเปลี่ยวของคุณไอติมที่เดินจากไปเงียบๆ ฝนหยุดไปนานแล้ว แต่น้ำใสๆ บนใบหน้ากลับยังอยู่ 


    ดาวเสาร์และคุณไอติมไม่ได้พูดจากันอีก ทุกคนในทัวร์แยกย้ายเมื่อกลับมาถึงเรียวกัง อาหารเย็นเป็นบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ ซึ่งก็ดีถ้าไม่ติดว่าเธอแพ้อาหารทะเล ดาวเสาร์จึงใช้เวลามื้อเย็นไปกับการต้มบะหมี่กินในห้องพักและรอเวลาจนดึกถึงจะยอมยันตัวเองขึ้นจากฟูกนอนเพื่อไปแช่ออนเซ็นส้มยูซุ 


    เสียงกระเพื่อมของน้ำที่ดังมาจากฝั่งบ่อชายทำให้หัวใจของดาวเสาร์เต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เสียงนุ่มทุ้มที่เต็มไปด้วยความเหงาจับใจของคุณไอติมดังขึ้นเบาๆ เป็นท่วงทำนองที่คุ้นเคย


    ดาวเสาร์รู้แล้วว่าเพลงที่เขาร้องคือเพลงอะไร เพราะสมองของเธอจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขาได้แม่นยำเกินกว่าที่หัวใจคาดการณ์ มันเป็นเพลงแนว City Pop ที่ฟังเพียงครั้งเดียวก็ติดอยู่ในความทรงจำยากลืมเลือน


    Stay with me...

    真夜中のドアをたたき

    帰らないでと泣いた

    あの季節が 今 目の前


    เพลง Stay with me ของคุณ Miki Matsubara ดาวเสาร์จำได้ดี เธอชอบเพลงนี้ตั้งแต่ฟังครั้งแรก


    คุณไอติมเองก็คงชอบเพลงนี้มาก หรือไม่งั้นก็คงชอบเรื่องราวในเพลงมาก


    คุณไอติมเองก็คงมีล่ะมั้ง...คนที่อยากให้อยู่ด้วยกันไปตลอด แต่ว่าเขาจากไปแล้ว เหมือนกับในเพลงนี้….


    ...


    เช้าวันต่อมาเป็นวันที่ 3 ในการเดินทางครั้งนี้และเป็นวันสุดท้ายของทริปแล้ว เครื่องบินจะออกจากสนามบินเวลาสามทุ่ม สมาชิกทัวร์ต้องไปถึงสนามบินก่อนหกโมงเย็นเพื่อเข้าเช็คอิน กำหนดการในวันนี้ไม่วุ่นวายยุ่งยาก ช่วงครึ่งแรกของวันคุณไกด์ซีนำทุกคนออกจากเรียวกังตอน 9 โมงเพื่อไปวัดอาซากุสะ ส่วนช่วงบ่ายไปที่ย่านชินจูกุและให้เวลาอิสระจนกว่าจะถึงเวลาไปสนามบิน


    ดาวเสาร์ลงมาที่ห้องอาหารในตอนเช้าก็พบว่ามีเพียงคู่รักทั้งสอง คุณยายเจ้าของและคุณไกด์ซีเท่านั้น ไม่มีวี่แววของคุณไอติมแต่อย่างใด คุณไกด์ซีบอกว่าคุณไอติมออกจากเรียวกังไปก่อนแล้ว เขาจะไปเจอพวกเราที่วัดอาซากุสะ ซึ่งคุณไกด์ซีก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร เขาเชื้อเชิญให้หญิงสาวนั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน


    มื้อเช้าวันนี้เป็นอาหารญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิม คุณยายเจ้าของเรียวกังเดินมาเสริฟ์ข้าวสวยร้อนๆ ปลาย่าง นัตโตะและซุปมิโซะร้อนๆ ถึงที่ คุณไกด์ซีกำลังดื่มด่ำกับชาร้อนๆ อยู่เช่นเคย ราวกับว่าชาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น


    “วันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วนะครับ”


    “นั่นสินะคะ” ดาวเสาร์พยักหน้าขณะซดซุปมิโสะร้อนๆ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งตัว หญิงสาวเหม่อมองผ่านบานประตูไม้ วันนี้ท้องฟ้าก็ยังคงหม่นมัว มีละอองน้อยๆ เช่นเคย อากาศยังคงหนาวเย็น แต่กระนั้นดาวเสาร์ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะดื่มดำกับความอบอุ่นอีกแล้ว


    “ชาสาหร่ายทะเลคอมบุผสมบ๊วยครับ” คุณไกด์ซีเลื่อนถ้วยชามาให้เธอ “อากาศเย็นๆ แบบนี้ความอุ่นร้อนจากรสชาติเค็มอ่อนๆ น่าจะเหมาะ”


    ดาวเสาร์รับถ้วยชานั้นก่อนจะยกมันขึ้นจิบช้าๆ ร่างกายของเธอรู้สึกอุ่นขึ้นมากกว่าเดิม คุณไกด์ซีมองเธอจิบชาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะยื่นกล่องอะไรบางอย่างให้เธอ กลิ่นหอมหวานที่คุ้นเคยลอยมาเตะจมูก มันคือพายฟักทองนั่นเอง


    “คุณยายเจ้าของเรียวกังทำให้น่ะครับ”


    “ให้ฉัน...เหรอคะ” ดาวเสาร์ทวนคำด้วยความงุนงง


    “มีสองชิ้นแน่ะครับ” คุณไกด์ซีเปิดกล่องออก “คุณยายเจ้าของเรียวกัง....เค้าว่าให้คุณเอาไปทานกับคนที่อยากทานด้วยกัน”


    “คนที่...อยากทานด้วยกันเหรอคะ”


    คุณไกด์ซียิ้ม “เวลาที่เส้นด้ายแห่งโชคชะตาผูกพันกันแล้ว มันก็กระชากออกจากกันได้ยากนะครับ”


    คำพูดที่ดูเหมือนบทละครและไม่เกี่ยวข้องอะไรพายฟักทองเลยสักนิดทำให้ดาวเสาร์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง คุณไกด์ซียิ้มอ่อนๆ ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจรดริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีก


    “คุณไกด์ซีเนี่ย ชื่อจริงว่าอะไรเหรอคะ” ดาวเสาร์ถาม


    “เอ๊ะ” คุณไกด์ซีเลิกคิ้ว “ทำไมเหรอครับ”


    “แค่สงสัยว่าซี...เป็นตัวอักษรที่ย่อมาจากชื่ออะไรสักชื่อหรือเปล่าน่ะค่ะ”


    “อ้อ” คุณไกด์ซีพยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มลึกลับ ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าถึงได้รู้สึกราวกับว่าดวงตาของเขาดูเป็นประกายหลากสี ยิ่งจ้องมองนานๆ ดาวเสาร์ก็รู้สึกราวกับกำลังเห็นภาพเคลื่อนไหวในดวงตานั้น หญิงสาวจดจ้องดวงตาของคุณไกด์ซีอยู่นานก่อนจะสะดุ้งเมื่อเขาเอ่ยปาก “ผมว่า...เก็บไว้เป็นความสงสัยต่อไปก็ดีนะครับ”


    “...”


    “บางเรื่องถ้าไม่รู้มันก็ดูน่าจดจำมากกว่าน่ะครับ”


    ดาวเสาร์นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนก้มหัวให้คุณไกด์ซีเป็นมารยาทแล้วคว้ากล่องพายฟักทองและเดินออกจากห้องทานอาหารไปโดยไม่พูดอะไรอีก ดาวเสาร์เดินไปเก็บสัมภาระ กวาดสายตาดูจนมั่นใจว่าไม่มีอะไรตกหล่น กลิ่นไม้และกลิ่นดินที่ลอยเข้ามาทำให้หญิงสาวรู้สึกอาลัยอาวรณ์เรียวกังที่พักเพียงแค่สองคืนขึ้นมา 


    รถบัสประจำทริปในวันนี้เงียบเหงากว่าทุกที คู่รักที่นั่งข้างกันหลับไปตั้งแต่ขึ้นรถ คุณไกด์ซียังคงร่ายยาวประวัติของสถานที่ที่กำลังจะไปอย่างวัดเซ็นโซจิ อาซากุสะด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ดาวเสาร์รู้เพียงว่าที่นั่นคือวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และเป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมทองคำ แต่ข้อมูลหลังจากนั้นเลือนรางเพราะดาวเสาร์นั่งสัปหงกไปเสียแล้ว


    พอไม่มีคุณไอติมบนรถแล้วทุกอย่างก็ดูโหวงๆ ยังไงชอบกล


    วันนี้ฝนยังคงตกโปรยปรายเช่นเคย และเพราะแบบนั้นจึงทำให้การเดินทางมาถึงวัดอาซากุสะล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ คู่รักเดินกางร่มเคียงคู่กันไปท่ามกลางสายฝนเมื่อถึงจุดหมาย คุณไกด์ซีเสนอว่าจะให้ยืมเสื้อกันฝน แต่ดาวเสาร์ปฏิเสธ หญิงสาวแค่หยิบกล่องพายฟักทองซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านใน และเดินตากสายฝนที่โปรยปรายเข้าไปในวัด เพราะฝนที่ตกลงมาทำให้นักท่องเที่ยวพากันเดินไปหลบฝนใต้หลังคากัน ดาวเสาร์จึงไม่จำเป็นต้องเดินเบียดกับใคร กลิ่นควันธูปฉุนลอยมาเตะจมูกจนทำให้รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา 


    ดาวเสาร์ถูจมูกก่อนจะเดินตรงไปที่ศาลเจ้าเพื่อเข้าไปสักการะ สองข้างทางเป็นร้านขายเครื่องรางที่มีผู้คนมุงดูมากมาย ตรงกลางคือกระถางธูปขนาดใหญ่ต้นตอของกลิ่นควันที่ลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ มีนักท่องเที่ยวมากมายยืนอาบควันธูปเพื่อความเป็นมงคลแม้ว่าฝนจะตกลงมาก็ตาม บริเวณที่สักการะของวัดเซ็นโซจิมีโคมไฟสีแดงอันใหญ่เบ้อเริ่มเหมือนกับโคมแดงยักษ์ที่อยู่ใต้ประตูคามินาริมง ซึ่งเป็นประตูที่คุณไกด์ซีบอกว่าเป็นทางผ่านไปถนนนากามิเซะซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อของที่นี่


    ดาวเสาร์แหวกฝูงชนที่กำลังนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าไป ด้านหน้ามีกล่องไม้ไซเซ็นบาโกะ เป็นกล่องไม้ที่มีรางไม้ซี่ๆ ให้ผู้คนที่มาทำบุญสามารถโยนเหรียญใส่กล่องขอพรได้ ดาวเสาร์หยิบเหรียญห้าเยนขึ้นมาก่อนจะโค้งคำนับแล้วประกบมือแรงๆ ปรบมือสองครั้งตามคำแนะนำที่ได้ยินคุณไกด์ซีบอกมาแว่วๆ ตอนอยู่บนบัสก่อนจะอธิษฐานในใจ


    ขอให้ฝนหยุดตก…


    เพื่อที่จะได้พบกับคุณท่ามกลางสายรุ้งในไอแดดเสียที


    ดาวเสาร์โค้งคำนับอีกรอบก่อนจะหันหลังเดินลงบันไดที่สักการะ ฝนยังคงตกอยู่และไม่มีทีท่าว่าฟ้าจะเปิดเลยสักนิด หญิงสาวเดินผ่านเจดีย์ห้าชั้นสีแดงชาด หยิบกล้องฟิล์มที่อุตส่าห์แบกมาจากไทยแต่กลับไม่ได้แตะต้องเลยออกมาใช้ถ่ายดูสักหน่อย ดาวเสาร์เดินไปหยุดยืนอยู่ตรงกลางประตูคามินาริมง อีกฟากฝั่งคือถนนนากามิเซะที่แม้จะมีฝนตกแต่ก็ยังคึกคักไม่เปลี่ยน 


    หญิงสาวได้กลิ่นอาหารหอมๆ และกลิ่นหวานๆ ของขนมลอยมาเตะจมูก แสงไฟจากหน้าร้านที่อีกฝั่งดูงดงามจนเธออยากจะเก็บภาพนี้เอาไว้ หญิงสาวยกกล้องฟิล์มขึ้นก่อนจะค่อยๆ กดถ่ายอย่างใจเย็นท่ามกลางละอองฝนเย็นเยียบที่แตะผิวกาย


    เสียงชัตเตอร์ดังเบาๆ เป็นสัญญาณบอกว่าภาพเบื้องหน้าได้ประทับอยู่ในม้วนฟิล์มเรียบร้อยแล้ว ดาวเสาร์ลดกล้องลง เงยหน้ามองไปยังทางเดินสุดลูกหูลูกตาข้างหน้าก่อนจะหยุดนิ่งไปเหมือนต้องมนตร์ ร่างสูงที่คุ้นเคยยืนกางร่มสีใสอยู่เบื้องหน้าที่อีกฟากของประตูคามินาริมง คุณไอติมยืนอยู่ตรงนั้น มองเธอนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร


    ดาวเสาร์ขยับตัวไม่ออก ได้แต่ยืนมองใบหน้าเรียบเฉยของคุณไอติมอยู่แบบนั้นจนเขาขยับเข้ามาหาเธอทีละก้าว ทีละก้าว…และกางร่มให้เธอ


    เหมือนครั้งแรกที่ได้พบกัน


    “ว่าจะถามนานแล้ว…” ดาวเสาร์พึมพำ เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “คุณชื่ออะไรเหรอคะ...ฉันเพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยถามคุณ…”


    คุณไอติมนิ่งไปอึดใจก่อนจะตอบเธอช้าๆ “ขอบฟ้าครับ...ผมชื่อขอบฟ้า”


    ดาวเสาร์รู้สึกวูบไหวในอกข้างซ้าย คล้ายกับว่าได้รับไออุ่นบางอย่างจากคนตัวสูงตรงหน้า “ขอบฟ้า...ฉันจะจำไว้นะคะ”


    ดาวเสาร์ยิ้มให้เขาก่อนจะเดินออกมาจากร่มที่คุณไอติม...ไม่สิ คุณขอบฟ้ากางให้ “วันนี้วันสุดท้ายแล้ว เที่ยวให้สนุกนะคะ” เธอว่าก่อนจะเดินสวนเขาก้าวผ่านประตูคามินาริมง ทว่าเสียงของคุณขอบฟ้าที่ดังขึ้นทำให้ดาวเสาร์หยุดนิ่ง เธอไม่ได้หันหลังกลับไป แต่ก็ไม่ได้เดินจากไป


    “เดี๋ยวครับ”


    “...”


    “ผมบอกชื่อของผมแล้ว…”


    “...”


     “แต่ผม...ยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยนะครับ”


    ดาวเสาร์รู้สึกราวกับมีสายลมพัดผ่านหน้าไปเบาๆ เป็นสายลมที่พัดเอาเสียงกระซิบบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอหันหน้าไปหาคุณขอบฟ้าที่ตอนนี้หุบร่มและปล่อยให้สายฝนพร่างพรายลงมา “ดาวเสาร์ค่ะ ชื่อของฉัน”


    คุณขอบฟ้าพยักหน้าเบาๆ “ผม...จะจำไว้เหมือนกันนะครับ”


    ดาวเสาร์ระบายยิ้มออกมา เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเขา หยุดยืนอยู่ใต้โคมไฟสีแดงพอดิบพอดี “ที่ฉันเคยบอกว่าไว้มาด้วยกันอีก...จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคิดแบบนั้นนะคะ”


    “...”


    “ฉันอยากมาที่นี่ ภูเขาไฟฟูจิ โอชิโนะ ฮัคไคด้วยกันกับคุณอีกนะคะ”


    “ผม…”


    “คุณอาจจะพูดว่าคำว่าไว้มาด้วยกันไม่มีอยู่จริง ฉันก็ไม่ได้เถียงหรอกนะคะ”


    “...”


    “เพราะมันก็จริงอยู่ ในอนาคตทั้งคุณและฉันอาจจะกลายเป็นอีกคนไปก็ได้ ฉันพยากรณ์อนาคตไม่ได้ เพราะอนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนแบบที่คุณว่า”


    “...”


    “แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแน่นอนเสมอ เพราะว่ามันผ่านพ้นไปแล้วเราถึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เหรอคะ”


    “...”


    “ตอนนี้ฉันยืนอยู่ที่นี่กับคุณ”


    “...”


    “ฉันตกหลุมรักคุณ”


    “...”


    “นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง”


    “...”


    “ในอีกหนึ่งปี สองปีหรือสิบปีข้างหน้าฉันกลับมาที่นี่  ต่อให้ตอนนั้นจะไม่มีคุณอยู่ข้างๆ มันก็ลบล้างความจริงที่ว่าที่นี่มีรอยเท้าของคุณกับฉันประทับอยู่ไม่ได้”


    “...”


    “เพราะความทรงจำคืออดีต มันถึงเป็นสิ่งที่แน่นอนถาวรยังไงล่ะคะ”


    “...”


    “คำว่าไว้มาด้วยกันอีกของฉัน อาจจะไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะมีคุณอยู่ข้างๆ ก็ได้”


    “...”


    “คำว่าไว้มาด้วยกันอีก อาจจะหมายถึงฉันจะมาที่นี่อีกครั้งกับความทรงจำที่มีคุณอยู่ในวันนี้ก็ได้ค่ะ”


    “...”


    “เพราะฉะนั้นแล้ว...คำว่าไว้มาด้วยกันอีก...มันก็คงจะมีจริงในความรู้สึกของฉันค่ะ”


    นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของคุณขอบฟ้าวูบไหวอย่างรุนแรง ดาวเสาร์เลื่อนมือไปหยิบกล่องพายฟักทองที่พกมาด้วยก่อนจะเปิดออก น่าแปลกที่แม้ว่าจะทิ้งไว้ในนี้นานมากแล้วก็ยังคงมีควันร้อนจางๆ ลอยออกมา ดาวเสาร์หยิบพากฟักทองขึ้นมากินหนึ่งชิ้นก่อนจะยื่นอีกชิ้นให้คุณขอบฟ้าที่ยืนมองเธออยู่แบบนั้น


    “พายฟักทองไหมคะ”


    รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเขา เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นรอยยิ้มของคุณขอบฟ้า เขาเอื้อมมืออันสั่นเทามาหยิบพายฟักทองในกล่องก่อนจะกัดคำเล็กๆ 


    “เป็นพายฟักทอง...ที่อร่อยและอบอุ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาครับ”


    ดาวเสาร์ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน สายฝนหยุดตกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กลิ่นควันธูปที่รู้สึกฉุนตอนนี้กลับเป็นกลิ่นอ่อนจางที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เสียงกระดิ่งที่ดังแว่วมาเป็นดั่งท่วงทำนองในห้วงฝัน 


    “ปีหน้า…” คุณขอบฟ้าเอ่ยเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสบลึกเข้าไปในนัยน์ตาของดาวเสาร์


    “...”


    “ไว้มาด้วยกันอีกนะครับ”



    :)



     


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in