เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Let's Get to knowCyborg 03
ทำความรู้จัก : Megan Thee Stallion แรปเปอร์ผู้สร้างปรากฏการณ์ฮอตเกิร์ลฟีเวอร์
  • Hot Girl Meg from the motherfu**in South


       เป็นการกลับมาอีกครั้งของเราสำหรับบล็อกแนะนำศิลปินซึ่งหายไปนานมากกกซึ่งรอบนี้เราจะทำการแนะนำ พูดถึงผลงาน เล่าแต่ละช่วงของแรปเปอร์หญิงที่มีบทบาทสำคัญในวงการฮิปฮอปและถือเป็นอีกหนึ่งดาวเด่นหน้าใหม่ที่น่าจับตามองมาก ๆ เลยด้วย สำหรับใครที่ชอบแนวเพลง Hip-Hop/Rap และชอบแรปเปอร์อย่าง Nicki Minaj อยู่แล้ว เราบอกได้เลยว่าคงจะหลงรักเธอคนนี้ได้ไม่ยากเพราะฝีมือด้านการแรปของเธอนั้นไม่ธรรมดาเลย (ไม่ใช่การรีวิวเพลงเต็ม ๆ แต่อย่างใด)


    Who is Megan Thee Stallion?

       อย่างเป็นที่รู้กันว่าแรปเปอร์ทุกคนจะมี Stage Name กันซึ่ง Megan Thee Stallion ก็เป็นสเตจเนมของเธอนั่นเอง แต่จริง ๆ แล้วเม็กมีชื่อว่า Megan Jovon Ruth Pete ป็นแรปเปอร์และนักเขียนเพลงวัย 25 ปี เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1995 เม็กมาจากเมือง Houston, Texas ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของอเมริกา จะเห็นได้เลยว่าเม็กหยิบและเล่นคำว่า South บ่อยมาก ๆ ในเพลงหลาย ๆ เพลงของนาง

      fun facts : สัมภาษณ์จาก The Source เม็กบอกว่าเธอชอบฝึกการฟรีสไตล์และร้องเพลงเวลาอาบน้ำและเม็กยังชอบการใช้คำพ้องรูปมาก ๆ เม็กยังบอกอีกด้วยภาษาอังกฤษเป็นอีกหนึ่งวิชาโปรดของเธอเลย เม็กชอบที่จะลองจับคำนู้นนี้ รูปประโยคมาต่อ ๆ กันให้มันดูไหลลื่นและมีความหมาย

    What does Thee Stallion mean?

       ในช่วง High School เพื่อน ๆ เริ่มเรียกเม็กว่า Thee Stallion เพราะว่าเรื่องรูปร่างของนางที่สูงถึง 178 cm. ซึ่งในปี 2013 เม็กได้เข้าเรียน Texas Southern University สาขาวิชา health administration และช่วงนั้นเป็นช่วงที่เม็กได้เริ่มแรป สิ่งนั้นเลยทำให้เม็กได้นำชื่อตรงนี้มาใช้เพราะคิดว่ามันเจ๋งดีและพรีเซนต์ความเป็นตัวเม็กได้ดีอีกด้วย จะเห็นได้ตลอดเลยว่าเม็กมีความคิดบวกเกี่ยวกับ self-esteem ตลอดเลย เป็นสิ่งที่น่าชื่มชมและเอาเป็นแบบอย่างมาก ๆ


                           About her career

      เม็กเองเติบโตมาด้วยเพลงของ Pimp C, Three 6 Mafia และแม่ของเม็กเอง Holly Thomas ก็เป็นแรปเปอร์เหมือนกันอีกด้วยทำให้เม็กนั้นได้คลุกคลีกับวงการนี้มาตั้งแต่ยังเด็กเลยโดยที่เม็กเองเริ่มเขียนเนื้อแรปเองตั้งแต่อายุ 14 ย่างเข้าอายุ 18 เม็กก็เริ่มที่จะจริงจังกับการแรปมากขึ้นและเพลงแรกของเม็กเองก็ได้ปล่อยมาในวันช่วงเดือนเมษายน 2016 บน SoundCould ตัวเพลงมีชื่อว่า Like A Stallion และในปีเดียวกันเดือนกรกฎาคม เม็กก็ได้ปล่อยโปรเจคมิกซ์เทปสั้น ๆ ออกมาโดยที่เพิ่มเพลงไป 3 เพลง Big Pimpin, Get it girl 2016 และ Come Get Me และเม็กก็ได้แรปฟรีสไตล์ออกมาบ้างนิดหน่อยแต่ผลงานที่ขึ้นชื่อในปีนั้นของเม็กเลยต้องเป็นที่เม็กแรปฟรีสไตล์ The Houston Cypher ที่ใช้บีทเพลง 4 pm in Calabasas ของ Drake ผลงานฟรีสไตล์ครั้งนี้ทำให้เม็กเริ่มมีชื่อเสียงเฉพาะกลุ่มมากขึ้นซึ่งปี 2016 เปรียบเสมือนเป็นการผลักประตูแล้วเริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการฮิปฮอปใต้ดินของเม็กเลย

       fun fact : สัมภาษณ์จาก The Source เม็กบอกว่าอีกช่วงที่ทำให้คนเริ่มรู้จักเธอมากขึ้นเป็นตอนที่ Missy Elliott เห็น Tay-K “The Race” freestyle และคอมเมนต์ด้วยอิโมจิรูปไฟลงไป เม็กบอกว่าตัวเองตกใจมาก เพื่อนก็ยังมาบอกว่า Missy น่ะรีทวีตฟรีสไตล์ด้วยแล้วเม็กเองก็รู้สึกว่าหลังจากนั้นคนก็เริ่มพูดกันว่า "อีนี่ใครเนี่ย"


    Genres Of Megan Thee Stallion

       แน่นอนว่าเม็กเป็นแรปเปอร์ก็จะต้องเป็น Hiphop/Rap ซึ่งตรงนี้จะมาขอพูดถึงผลงานของเม็กต่อโดยที่เม็กปิดปี 2016 ไปด้วยผลงานเพลงอย่าง No Flocking, Nasty Girl, No Heart Remake และมิกซ์เทป Rich Ratchet ซึ่งเราคิดว่าคนที่เริ่มมาตามเม็กใหม่ ๆ ต้องลองฟังเลย เป็นเพลงที่ห้ามพลาดมาก ๆ และหลังจากที่เข้าปี 2017 มานั่นเอง เม็กก็ได้ปล่อยผลงานอย่าง Pull Up Late , Stalli Freestyle (แนะนำว่าถ้าใครไม่เคยฟัง ต้องฟังมาก ๆ แรปเหมือนหายใจทางผิวหนังยังไงยังงั้นเลยแหละ) และมิกซ์เทป Make it Hot ออกมาในเดือนกันยายน โดย Lead single ของอีพีนั่นคือ Last Week In HTx (HTx ย่อมาจาก Houston, Texas ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนางนั่นเอง)

    released : June 11, 2018

    Tina Snow

       ในปี 2018 ผลงานมิกซ์เทปถัดมาของนางก็คือ Tina Snow โดยมี Lead Single เป็น Cocky AF ในตอนแรกก่อนที่จะตัด Big Ole Freak ตามมาในภายหลังและนั่นทำให้ Big Ole Freak เป็นเพลงแรกของเม็กที่เจาะเข้าชาร์ต Billboard Hot100 ได้เป็นครั้งแรกโดยเพลงนั่นเดบิวต์ด้วยอันดับที่ 99 ของชาร์ตก่อนที่จะพีคไปถึงอันดับที่ 65 แล้วก็ได้ลาหายไปแต่ถึงอย่างงั้นนี่ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวที่ทำให้เม็กเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้กว้างมาก 

       Tina Snow เองถือเป็นอีกหนึ่ง alter ego ของเม็กเองที่นางได้แรงบันดาลใจมาจากแรปเปอร์คนโปรดของเธอ Pimp C ที่มีชื่อว่า Tony Snow โดยอีโก้นี้ของนางเป็นอีกตัวตนหนึ่งที่มีความมั่นใจ ความแปลก ความเท่ความชิวสูงมากกว่าอีโก้อื่น ๆ ของเธอเป็นอย่างมาก สามารถดูได้จากเอ็มวีของเพลง B.I.T.C.H ที่ Tina Snow กำลังเถียงกับ Suga (alter ego อีกร่างหนึ่งของตัวเม็กเองอยู่) ซึ่งนั่นก็ทำให้บีทและธีมของมิกซ์เทปนี้มาในธีมที่ค่อนข้างเรียบ เท่ นิ่ง ๆ ประหนึ่งว่าเม็กรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเธอนั่นคือ Player Of The Year 

       แกะประโยค "Young Tina Snow Going Hard On A H*e" เม็กเคยสัมภาษณ์กับ The Source ว่าคำแนะนำที่ปังที่สุดที่เธอเคยได้รับมาระหว่างที่เธอเริ่มคลุกคลีกับวงการนี้เลยคือแม่ของเม็กนั่นเอง แม่ของเม็กจะบอกตลอดเลยว่า "Kill these h*es, Go hard on these h*es" และไม่ว่าเม็กจะทำอะไรแม่ของเธอก็จะชอบพูดว่า "Megan, go out here and wreck these h*es" เม็กก็เลยแบบว่าโอเค นั่นกลายเป็นคติประจำใจที่ได้ยินทุกวันไปแล้วหละ นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้เลยว่าเมื่อได้ยิน "Young Tina Snow Going Hard On A H*e" แปลว่าเม็กได้ใช้ร่าง Tina Snow แล้ว

    released May 17, 2019

    Fever

       ในปี 2019 ผลงานมิกซ์เทปถัดมาของนางก็คือ Fever โดยมี Lead single เป็น Sex Talk ก่อนที่โดนเพลงอย่าง Cash sh*t ที่ได้แรปเปอร์อย่าง DaBaby มาร่วมแจมด้วยจะดังกลบไป โดยที่เพลง Cash sh*t พีคใน Billboard Hot100 ไปถึงอันดับที่ 36 ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งเพลงที่สร้างชื่อให้กับเม็กเป็นอย่างมาก อย่างเพลงนี้เองก็ถูกเพิ่มไปอยู่ใน Radio ของเกมดังอย่าง GTA Online อีกด้วย 

       Hot Girl Meg เป็นอีกหนึ่ง alter ego ของเม็กเองโดยที่อีโก้นี้เม็กจะสื่อถึงร่างของสาวที่ชอบไปสังสรรค์ในงานปาร์ตี้ มีความเป็นตัวเองสูง เสพติดการ drive a boat (ดื่มด่ำและมึนเมาไปกับบรั่นดี หรือ Cognac ซึ่งคอนญักที่ดีที่สุดในโลกต้องมาจากประเทศฝรั่งเศส ต้องปลูกและผลิตในแคว้นคอนญักซึ่งแสดงถึงสีน้ำตาลและความหรูหราแต่ปัจจุบันก็ได้เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก) ซึ่งอีโก้นี้ก็จะไปตรงกับคอนเซ็ปของ Fever ที่ว่าด้วย "She's thee hot girl and she's bringing thee heat" สาวฮอตที่นำพาความเร่าร้อนเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์อย่างเม็กก็แน่นอนว่าไม่ธรรมดาเพราะนางเองยังได้ร่วมงานกับแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง Juicy J อีกด้วย พูดเลยว่ามิกซ์เทปนี้จัดเต็มอีกทั้งยังนำเสนอความเป็น the south ได้กลมกล่อมมาก ๆ แต่ก็เป็นความเสียดายที่ Hotties (ฮอตตี้คือชื่อแฟนคลับของเม็กเอง) ยังคงทวงถามเม็กอยู่ในทุกวันนี้ถึง Cash sh*t MV และ Fever Movie ที่คงจะตรงกับประโยคบนรูปปกของ Fever มาก ว่าด้วยว่า "Megan Thee Stallion starring in Fever" ถ้าทำและปล่อยออกมามันคงจะปังอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว 

    released : September 3, 2019

    Hot Girl Summer 

       ถัดจากนั้นมาไม่นานฮอตตี้ถึงกับร้องกรี๊ดเลยเพราะเม็กเองได้บอกว่าอยากจะปล่อยเพลงซัมเมอร์ออกมาและหลังจากนั้นไม่นานเม็กก็ได้ไลฟ์กับ Nicki Minaj โดยที่นิกเริ่มพูดก่อนว่าใครจะฟีทในเพลง Hot Girl Summer บ้าง เม็กก็ตอบไปว่ามีแค่เธอกับ Ty$ พร้อมพูดว่าตารางงานนิกนี่ไม่เคยว่างเลยนะ (แบบขำ ๆ และนิกก็ทำหน้ากวน ๆ กลับ) เพราะเม็กเองอยากจะร่วมงานกับนิกมาก ๆ (เชิญชวนขนาดนี้แล้วถ้านิกไม่ไปฟีทด้วยก็คือจะโกรธมาก) แต่สุดท้ายก็อย่างที่เพลงปล่อยออกมา Hot Girl Summer feat. Nicki Minaj and Ty Dolla $ign ได้ทำการเดบิวต์ในชาร์ต Billboard Hot100 ด้วยอันดับที่ 11 ซึ่งถือว่าเป็นชาร์ตที่สูงที่สุดในขนาดนั้นที่เม็กเคยทำได้เลย 


       อีกทั้งเพลงนี้ยัง sample ท่อนแรป "real, real ass bi*ch give a fuck bout a n word" ของ JT of City Girls ในเพลง Act Up มาใช้ทั้งนิกยังบอกอีกว่าทึ่งและประทับใจตอนที่เม็กพูดประโยค Don't run from me friend มาก ๆ คงจะไม่ลืมมันเลย เพราะงี้จะเห็นได้จากที่นิกเอาประโยคนั้นมาใช้ใน Intro บวกกับ Hot Barbie Summer (จาก Harajuku Barbie) และ Real hot girl sh*t ที่ถือเป็นประโยคจากความปังของทั้งคู่บอกได้เลยว่าเปิดการเปิดแทร็กที่ปังมาก ยังไม่พอเท่านี้เพราะ Music Video เองยังมีศิลปินมากหน้าหลายตามาร่วมแจมด้วยอย่าง Jay Cole, DaniLeigh, AGNEZ MO, Dreezy, Rico Nasty, Lala Anthony, Ari Lennox, French Montana และ Summer Walker


    Ride Or Die

       อีกความสำเร็จในวงการเพลงของเม็กคือการที่ได้ร่วมทำ Soundtrack ของหนัง อย่างเพลง Ride Or Die (with VickeeLo) ก็ได้เป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Queen & Slim เป็นหนังแนว Road Movie หนึ่งในผลงานของผู้กำกับหญิง Melina Matsoukas และนักเขียนบทหญิง Lena Waithe ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและการเมืองเกี่ยวกับคนผิวดำที่ได้นักแสดงนำเป็น Jodie turner smith และ Daniel Kaluuya ที่มีผลงานดัง ๆ อย่างเรื่อง Get Out (2017) 


    Diamonds 

       อีกหนึ่งผลงาน Soundtrack ของหนังดังอย่าง Birds Of Prey ที่เนื้อหาเกี่ยวกับ feminism ที่แสดงความเป็นเพื่อนหญิงพลังหญิงออกมาได้สนุกและมันสุดเหวี่ยงมากซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นภาคแยกของ Harley Quinn ตัวเพลงเองมีชื่อว่า Diamonds ที่ได้ Normani อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังอย่าง Fifth Harmony (Normani ยังเป็นศิลปินอีกหนึ่งคนที่มาจาก Houston, Texas อีกด้วย) มาร้องท่อน chorus ให้ซึ่งเพลงนี้ได้ Interpolates มาจากเพลง Diamonds Are a Girl's Best Friend ของ Marilyn Monroe จะเห็นได้จากซีนที่ทั้งใน Music Video และตัวหนังเองมีเรฟมาจาก Marilyn Monroe อยู่หลายช่วงเลย พูดได้ว่าชอบ Soundtrack ของวายร้าย DC ตั้งแต่ Suicide Squad เลย ยิ่งยาวมาถึงเรื่องนี้แรงไม่มีตก 

      ทั้งยังได้ร่วมงานกับศิลปินมากมายอย่างเพลง No Pressure ของ Drebae, Drippin and Drillin ของ Bravo, Big Booty ของ Gucci Mane, Fkn Around ของ Phony Ppl, She Live ของ Maxo Kream, Three Point Stance ของ Juicy J, Pose ของ Yo Gotti, RNB ของ Young Dolph, Poledancer ของ Wale, Handsome ของ Chance The Rapper, Y U Mad ของ Wiz Khalifa, Pastor ของ Quality Control Music, Nasty ของ Dababy และอีกมากมาย

    released : March 6, 2020

    Suga 

       เข้าสู่ช่วงปี 2020 ถือเป็นการเริ่มต้นของเม็กที่ค่อนข้างจะทุลักทุเลใช่เล่นเลยเนื่องจากเกือบจะไม่ได้ปล่อยอีพี Suga ออกมาให้ฮอตตี้ได้ฟังแล้วเพราะมีปัญหาเรื่องสัญญากับทางค่ายเพลง 1501 Certified Ent LLC & 300 Ent เองจนถึงขั้นต้องไปขึ้นศาลและคดีก็จบลงด้วยการที่เม็กได้รับอนุญาตให้ปล่อยเพลงตามความชอบธรรมซึ่งเม็กก็เล่นปล่อยให้ 2-3 วันหลังจากที่คดีจบเรียกได้ว่าไม่ได้ตั้งตัวอะไรกันเลย 

      Suga เป็นอีกหนึ่ง alter ego หนึ่งของเม็กที่นางจะพยายามสื่อว่าตัวนางเองก็ไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟคไปเสียทุกอย่าง บางครั้งก็มีอะไรที่มันเกินจะควบคุมไหว นางก็อยากจะใช้ตรงนี้สื่อว่ามันโอเคที่เราจะไม่ได้เพอร์เฟคไปทุกด้าน มันโอเคที่บางครั้งเราอาจจะทำผิดกันไปได้ ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ ไม่ได้มีใครมาคอยบอกว่าต้องให้เราเป็นคนที่เพอร์เฟคนี้ อย่าไปฟังมัน

      Suga ก็มีเพลง B.I.T.C.H มาเป็น Lead Single ซึ่งตัวเพลงได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง Never Ignorant Getting Goals Accomplished (ซึ่งถ้าย่อแล้วจะกลายเป็น N word) ของ Tupac Shakur ซึ่งเขาเป็นอีกหนึ่งศิลปินคนโปรดของเม็กเอง เม็กยังบอกอีกว่า Tupac Shakur ทั้งเซ็กซี่และ Gangster ไปด้วยในเวลาเดียวกันซึ่งนั่นคือตัวเธอมาก ๆ อีกทั้งเขายังให้พลังงานที่แบบโอ้ย ตัวเธอเองยังคิดเลยว่าถ้าเพลงนี้ลองเอามาทำเป็นเวอร์ชั่นผู้หญิงมันคงจะออกมาปังมากแน่ ๆ เม็กเลยลงมือทำเลยเพราะนางบอกว่านางไม่ใช่ประเภทที่จะบ่น ๆ บนอินเตอร์เน็ตแต่เธอเป็นประเภทที่สื่อสารมันออกมาผ่านงานเพลงแทน นั่นแหละเลยเกิดเป็นเพลงนี้ขึ้นมาซึ่งเพลง B.I.T.C.H เดบิวต์ที่อันดับที่ 31 บนชาร์ต Billboard Hot100 เลย 


      ต่อด้วยหลังจากที่ Suga ได้ปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ Captain Hook ก็ได้กลายมาเป็นเพลงที่มีกระแสเนื่องจากโฟลวการแรปของเม็กเองที่พาเพลงพีคไปถึงอันดับที่ 74 บนชาร์ต Billboard Hot100 และหลังจากนั้นไม่นานก่อนที่ Savage จะได้ Tiktoker ที่มีนามว่า Keara Wilson คิดท่าและสร้างเป็น #SavageChallenge ขึ้นมา ทำให้เพลงค่อย ๆ ไต่ชาร์ตขึ้นไปและวนเวียนที่ Top15 อยู่แสนนาน

    released : April 30, 2020

    Savage Remix

       หลังจากการพบกันเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ที่ New Year’s Eve party ในเดือนธันวาคมปี 2019 และการที่เม็กได้เซ็นสัญญากับ Roc Nation ก็ทำให้เธอนั่นมีคอนเนคชั่นกับควีนบีมากอยู่พอสมควรแล้วนอกจากนั้นทั้งคู่ยังมาจาก Houston, Texas เหมือนกันอีกด้วย พูดเลยว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญและทั้งหมดนี้ก็ทำให้ควีนบีได้มาร่วมทำการรีมิกซ์เพลง Savage แบบยกเครื่องกันใหม่หมดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม okay หรือท่อนของควีนบีหลาย ๆ ท่อนนั่นเป็นอะไรที่เข้ากับเพลงมาก ๆ จนได้คะแนนรีวิวดี ๆ จากหลายสำนักไม่เว้นแต่ Best New Track จาก Pitchfork ที่ขึ้นชื่อเรื่องการกดคะแนนของการรีวิวเพลงนอกจากนี้ด้วยกระแสเก่าของตัว Savage เองและพลังของควีนบีนั่นก็ทำให้เพลงเดบิวต์กระโดดขึ้นไปถึงอันดับที่ 4 ของชาร์ต Billboard Hot100 ในไม่ช้า เรียกได้ว่าเป็นทั้ง Top 10 และ Top 5 ครั้งแรกของเม็กกันเลยทีเดียวแต่ความตื่นเต้นของฮอตตี้ในช่วงนั้นก็ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านี้เพราะ Doja Cat ได้ปล่อย Say So Remix ที่ได้ Nicki Minaj ไปร่วมฟีทด้วยออกมาจนกลายเป็นสัปดาห์แห่งความเครียดของคนที่เป็นทั้งฮอตตี้และบาร์บหรืือคนที่ชอบหมดทั้ง 4 คนแต่ในที่สุดผลก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจและยินดีกับทุกคนจริง ๆ เพราะ Say So Remix ได้ที่ 1 ไปครองและที่ 2 ต่อด้วย Savage Remix เรียกได้ว่าเป็นอีกสัปดาห์ประวัติศาสตร์ของชาร์ตเลยที่มี Black Women ถึง 4 คนอยู่บน Top 2 และหลังจากนั้นไม่นานในที่สุด Savage Remix ก็ได้ที่ 1 มาครองจนได้โดยที่ควีนบีไม่ได้ช่วยโปรโมทแม้แต่นิดเดียว 

      
    หลังจากที่เพลง Savage Remix ได้อันดับที่ 1 ไปแล้ว ควีนบีก็ได้ส่งช่อดอกไม้ไปยินดีกับเม็กของเราพร้อมข้อความที่ว่ายินดีกับอันดับ 1 ครั้งแรกของเธอด้วยนะ บางทีก็นึกนะว่านางพูดเพราะหวังดีอยากให้ Spotlight จ่อลงไปที่เม็กคนเดียวและให้ตรงนี้เป็นช่วงเวลาของเม็กหรือนางลืมว่าตัวเองก็ฟีทอยู่ในเพลงนี้ด้วยและรายได้ทั้งหมดจาก Savage Remix จะส่งตรงให้ The Bread Of Life ที่เป็นองค์กรการกุศลใน Houston, Texas เพื่อให้การช่วยเหลือกับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจาก Corona virus Pandemic อีกด้วย


       ในฐานะฮอตตี้คนหนึ่งเราพูดได้เลยว่าเม็กแค่พึ่งเริ่มเท่านั้นเพราะระยะเวลาในการเข้าวงการมาแค่ 4 ปีและช่วง 2019-2020 ถือว่าเม็กได้ร่วมงานกับศิลปินมากมายเยอะมากอย่าง Nicki Minaj, Beyonce, Juicy J และอีกมากมายทั้งอัลบั้มเดบิวต์ของเม็กเองก็ยังไม่ออก เธอยังบอกกับฮอตตี้อีกว่ากำลังทำอยู่เลย เล่นเอาเราแอบคาดหวังมาก ๆ Career ของเม็กยังไปได้อีกยาวแน่นอนเพราะนางพร้อมขยับมาเป็นแรปเปอร์แถวหน้า ๆ แล้ว

       สำหรับใครที่อ่านบล็อกนี้จนจบเราก็ขอขอบคุณมาก ๆ และฝากติดตาม Megan Thee Stallion กันด้วยเยอะ ๆ เลย แอบอยากให้เม็กมาที่ไทยมากแต่ก็ดูเป็นไปได้ยากสุด ๆ เพราะเจ้าตัวเองก็เหมือนจะยังไม่รู้ว่าตัวเองก็มีอินเตอร์แฟนถึงฐานอาจจะยังไม่แน่นพอเท่าที่ควรแต่สังคมฮอตตี้ก็อบอุ่นและน่ารักมาก ๆ เพราะมีกันอยู่ 5 คน 

    Them other girls look good, but can they work it like a stallion?


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
jellym (@jellym)
แงตอนนี้มีhottieเพิ่มอีกคนแล้วนะคะ?❤️
MAGAZYN (@zynlyn)
สงสารฮ๊อตนี้ทั้ง 5 คน เหงาเกินไปมึ้ย ?
Cyborg 03 (@Cyborg_03)
@zynlyn เหงา ไม่จริง ชั้นเป็นติ่ง frenchie 4oe
MAGAZYN (@zynlyn)
@Cyborg_03 ภารกิจขโมยหมาเสร็จเรียบร้อยดียัง เร็ว ๆ รีบกลับมา