เราเป็นนักศึกษาจบใหม่ จากภาพเหนือสู่ใจกลางเมืองกรุง
ยังไม่ได้ได้พัก ก็ร่อนไปสมัครงานไปทั่ว ตามฉบับคนใจร้อน
กลัวจะว่างจนฟุ้งซ่าน
ที่บ้านก็เตือนแล้วนะ ว่าใจเย็น ๆ เพิ่งอยู่บ้านไม่ถึง 2 อาทิตย์ ร่มไว้
ตอนที่ได้งาน เป็นโมเม้นท์นึงที่งงมาก เออ บทจะได้งาน มันก็ได้แบบนี้สินะ
เกรดก็ไม่ได้ว้าวขนาดนั้น แต่เอาเถอะ เค้ารับ เค้าคงมองข้ามอะไรในตัวเราไป 555555
หาที่อยู่เสร็จสรรพ ก็เริ่มทำงานด้วยเวลาจากการสัมภาษณ์ไม่ถึง 2 อาทิตย์
รีบจนสงสัยว่าบริษัทมีปัญหาไรป่าวนะ ถึงรีบรับคนขนาดนี้
จนแล้วจนรอดก็ทำมา 3 เดือน
ท่ามกลางเพื่อนที่หางานไมไ่ด้ เพื่อนที่ย้ายงานตั้งแต่เดือนแรก
เพื่อนที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือเพื่อนที่ทำไปก่อนเรา
เราแม่ง ทำงานจนผ่านโปรแล้วว่ะ
จากเด็กสายสังคมสู่สายการตลาดเต็มตัว
มันโคตรยากเลยเว้ย อะไรที่เคยคิดว่าทำได้
เล่นเอาความมั่นใจหดหายไปช่วง ขายงานอะไรก็ไม่ผ่านสักที
เราก็ไม่ใช่สายครีเอทีฟขนาดนั้น
ต้องกลับไปคิดตลอดเวลา
เวลางานที่ Flexible มันทำให้งานติดตัว ติดหัวเราไปตลอดเวลา
ตอบไลน์ลูกค้า ตอบไลน์เจ้านาย คิดงานไม่ออกก็ต้องส่งทุกอย่างที่มีไปให้ สรุปโดนตีกลับ
โคตรเยอะสิ่ง
ไหนจะการเมืองในบริษัท คนนู้นลาออก คนนี้ย้ายเข้า
คนใหม่ถูกชะตา คนเก่าไม่ชอบหน้ากัน
โว้ยยยยยยยยยยย
ประสาทจะแดกก่อนมั้ยอ่ะ
ถ้าตอนนี้เราเป็น หนังเรื่องนึง นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปจบที่ตรงไหน
ที่สำคัญ เราเป็นคนมีงานอดิเรกเยอะมาก อ่านหนังสือ ดูหนัง เสพคอนเท้นท์ ดูซีรีส์ ตามเกาหลี ฟัง Podcast เดินหอศิลป์ เสพงานศิลปะ ตามข่าวการเมือง ฯลฯ
ชีวิตแม่ง Productive มาก ๆ
หายไปไหนหมดวะ
นึกได้อีกที งานเข้ามาหาเราเรื่อย ๆ จนชีวิตเราโดนกลืน
ถึงบอกไง ทุนนิยมมันน่ากลัว ทำงานงก ๆๆๆๆ เพื่อเอาเงินไปปรนเปรอนายทุน
เอ้า มาเวย์นี้ได้ไง แหม ก็ปกเป็น Fight club แล้วอ่ะเนาะ
แต่มันเรื่องจริงเว้ย เศรษฐกิจแบบนี้ ได้งานทำก็บุญเท่าไหร่แล้ว
เด็กจบใหม่ตกงานกันเป็นแถว เตะฝุ่นกันหมด เราได้ทำในสิ่งที่ชอบ (หรือเปล่า) ก็ดีแล้ว.... มั้ง
แต่จริง ๆ งานนี้เหนื่อยตรงไหนรู้ป่ะ
คุณวิชัยเคยบอกใน Podcast ว่า งานที่เราทำเป็นงานที่เราทำเพื่อเจาะกลุ่ม Target แต่คนที่ตรวจงานเรา ไม่ใช่กลุ่มนั้น ซึ่งแบบ ... เป็นอะไรที่ Fuck up มาก ๆ
บางเรื่องคิดซะมีสตอรี่ สุดท้ายอยากจะ Back to basic
ไอ้เราก็ตัวเล็กตัวน้อยไง ได้ค่าา ได้ครับบบ จัดให้หมด
จนแบบ ... อ้าว นี่งานกูหรืองานลูกค้า 55555555555 น้ามตาไหล
อันนี้มีเหตุการณ์นึงที่ชอบมาก ๆ จากการที่เราไปสัมภาษณ์คน ๆ นึง
สมมติว่าเป็นนางสาว A ซึ่งคนเนี้ยจะปั่นจักรยานทุกวัน
ปั่นไปเถอะ วันละ 50 Km
หัวหน้าเราก็บอกว่าเออ เนี่ย ต้องไปหามาให้ได้ ว่าทำไมเค้าปั่นได้ (ซึ่งตรงนี้นางสาว A ก็บอกว่าปั่นเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย)
หน.ก็เริ่มยกตัวอย่าง จนถึงเชื่อกล้าบ้าก้าวที่ถ่ายพี่ตูน ตอนวิ่ง
"มันต้องแบบนั้นเลยเว้ย เราต้องสร้างสตอรี่มาแบบนั้น นางสาว A ต้องมีอะไรในหัวแน่ ๆ ถึงทำได้"
เรา : แล้วถ้านางสาว A เค้าปั่น เหมือนที่ Forest gump วิ่งอ่ะพี่
หน : ......
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in