ก่อนจะลงไปนราธิวาส ก็ไปเดินตลาดเช้าที่ปัตตานีก่อน คนที่นี่ส่วนใหญ่เขาจะนิยมกินข้าวยำหรือไม่ก็โรตีในตอนเช้า อาหารที่นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บอกถึงวัฒนธรรมที่ผสมผสานมันจะมีความเครื่องเทศแบบอินเดียนิดหน่อยไม่แรงมากผสมกับกลิ่นของความเป็นสมุนไพรไทย
ไปถึงก็ไปดูขนมก่อนเลย อันนี้ชิ้นละ 5 บาท แต่จำชื่อไม่ได้เพราะชื่อแอบเรียกยากอยู่ ขนมอันนี้ทำจากแป้งข้าวสารข้างในเป็นไส้มะพร้าวผสมกับสมุนไพรในครัวเรือนทุกสิ่งอย่าง มีกลิ่นเครื่องเทศแบบอินเดียเล็กๆแต่ไม่แรงมาก สำหรับคนที่ไม่ชอบเครื่องเทศอย่างเราก็กินได้ คนปัตตานีเขาจะเน้นหวานทุกสิ่งอย่างจะออกรสหวานๆหน่อย คือเราก็เข้าใจมาตลอดว่าคนใต้กินเผ็ดแต่พอได้มาที่นี่เลยรู้ว่า คนใต้กินเผ็ดแหละแต่ยกเว้นคนที่นี่
อันนี้เป็นข้าวเหนียวหอ กินกับพริกปลาป่นเพื่อนเล่าให้ฟังว่าที่นี่เขาจะชอบกินอันนี้กันช่วงเทศการ
ตอนสายๆก็ขึ้นรถเมล์จากปัตตานีไปสถานีรถไฟยะลา
พอไปถึงที่สถานีรถไฟยะลาก็เจอผู้คนเยอะว่าที่คิดไว้ เราซื้อตั๋วรถไฟจากยะลาไปลงที่ตันหยงมัสในราคา 13 บาท
บรรยากาศตอนเช้าที่หมู่บ้านกาหนั๊วะ
วิถีชีวิตของที่นี่ก็เรียบง่ายตอนเช้าตื่นไปกรีดยาง ตอนสายๆผู้ชายก็จะชอบไปนั่งคุยกันที่ร้านชา ส่วนผู้หญิงก็จะอยู่บ้านทำงานบ้านไป ก่อนจะมาเที่ยวที่นี่เพื่อนเคยบอกแล้วว่าวัฒนธรรมที่นี่ผู้หญิงจะไม่ไปนั่งร้านชา ไอ่เราก็สงสัยว่าทำไมแต่เพื่อนก็บอกว่ามันเป็นสิ่งที่เขาทำกันมานานแล้ว ก่อนมาที่นาราธิวาสเราเลยลองไปนั่งร้านชาที่ปัตตานีดูปรากฎว่าเขาก็มองเราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยแหละ เพื่อนเราบอกว่ามันไม่ได้ผิดอะไรนะ แต่คิดว่าเขาคงไม่ชินเพราะปกติจะมีแต่ผู้ชายที่มานั่งร้านชา
อาหารเช้าที่หมู่บ้านกาหนั๊วะ ก็จะเป็นแบบบ้านๆมีมะตะบะ ไก่สะเต๊ะ (ไก่ 2 ไม้ ก่อนเหลี่ยมๆนั่นเป็นข้าวเหนี่ยว)เน้นอิ่ม กินแล้วจะได้มีแรงไปกรีดยาง ที่นี่จะมีขนมสอดไส้ด้วยที่ข้างในเป็นไส้มะพร้าวแล้วก็ข้าวเหนียวปิ้งด้วยซึ่งคนเหนืออย่างเราก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บอกถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมการกินของคนที่นี่ หลังจากกินข้าวแล้วก็ต้องไปลองกรีดยางดู เพราะไหนๆก็ไหนๆมาถึงที่แล้วถ้าไม่ไปลองกรีดก็คงถือว่ามาไม่ถึง ตอนแรกก็ไม่กล้ากรีดเพราะกลัวทำของเขาพัง คือมันจะมี 3 เลเวล เปลือกไม้ น้ำยาง เนื้อไม้ ความยากของมันอยู่ที่ ถ้าเรากรีดตื้นไปคือกรีดเข้าไปแค่เปลือกไม้ มันก็จะไม่มีน้ำยางออกมา แต่ถ้าเรากรีดลึกไปโดนเนื้อไม้ ก็จะไม่มียางออกมาอีกเช่นกัน
อันนี้คือต้นยางที่มืออาชีพกรีด ส่วนของที่เราลองกรีดนั้นคือเละเทะมาก (แต่ก็ได้น้ำยางอยู่นะ)
หลังจากกรีดยางเสร็จตอนเย็นเราก็ไปเที่ยวกันในตัวเมืองนราธิวาส บรรยากาศไม่ได้วุ่นวายเท่าไรนักแต่ก็ไม่ได้เงียบจนเกินไป จุดหมายของเราอยู่ที่หาดนราทัศน์ ตั้งใจว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ พอไปถึงตัวหาดก็เจอคนในพื้นที่มานั่งเล่นกันหลายกลุ่ม บางกลุ่มมาปิคนิคกับเพื่อนๆ บางกลุ่มก็มากันเป็นครอบครัวย่างอาหารทะเลกัน ก็คือนั่งชมวิวฟังเสียงคลื่นกันไป พอใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกคนก็เริ่มมากันเยอะขึ้น เหมือนทุกคนพร้อมใจกันมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่แล้วพอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปผู้คนก็แยกย้ายกันกลับ มุมมองของเราในตอนนั้นคิดว่าสำหรับคนที่นี่ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ที่เขาเจอหรืออะไรก็ตามมันทำให้เรารู้สึกว่าคนที่นี่เขามีความสุขกับอะไรที่เรียบง่าย อะไรที่อยู่ใกล้ตัวเขา ความสุขมันไม่จำเป็นต้องซับซ้อน อาจจะพูดแบบนี้ก็ได้มั้ง..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in