มีคนกล่าวไว้ (ใคร?) หากเราทำงานบางอย่างเพื่อเงิน
เราจะสูญเสียตัวตน และผลงานนั้นไม่อาจนับได้ว่าเป็นศิลปะ
ผมไม่ได้มีปัญหากับผู้กล่าว ค่อนข้างที่จะเห็นด้วย ด้วยซ้ำว่างานศิลปะที่ดีไม่ได้มาจากแรงกระตุ้นทางด้านการเงิน อาจารย์ เฉลิมชัยเคยเล่าไว้ในรายการ
Perspective ตอนหนึ่ง ประมาณว่า ในวันที่ท่านไม่มีเงินกินข้าวเลย เลือดศิลปินบอกกับท่านว่าต้องทำงานที่ตนรักต่อไป มีเพื่อนคนหนึ่งมาบอกท่านว่า
"มึงก็ออกไป เขียนรูปสักรูป ขายได้สามพันบาท แล้วมึงก็เอาเงินมาซื้อกินต่อชีวิต"
อาจารย์ก็บอกกลับไปว่า
"กูไม่ทำ หากกูขายงานกูด้วยเงินสามพันบาท มันไม่ได้หมายความว่ากูขายแค่งาน แต่มันเป็นการขายวิญญาณศิลปินในตัวกู มันเป็นการหักหลังสิ่งที่ทำมา เพราะมันง่ายไงที่จะไปหาเงิน จากนั้นกูก็จะไม่ทำงานที่กูอยากทำ กูต้องไปรับใช้เงิน กูไม่เอา กูไม่ขาย"
แม้บทสรุปที่ท่านเล่าจะหักมุมเฮฮา (ไปดูกันนะตอนนี้สนุกมาก ๆ) แต่นั้นก็สามารถบอกได้ว่า ท่านเป็นคนอย่างไร และอะไรที่ทำให้ท่านมาอยู่ในจุดนี้
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/15/15882/pagegallery/1491484598/c6ff2af6.jpg)
กลับมาที่ตัวผมเองหรืออาจจะเป็นเรา ๆ ท่าน ๆ ที่กำลังอ่านอยู่ก็ได้ ในจุด ๆ หนึ่งที่ต้องเลือกระหว่างความรัก ความฝัน และการดำรงค์ชีวิตอยู่ เรามีหลักอะไรในการตัดสินใจทำเรื่อง ๆ หนึ่ง หากความฝันที่ต้องการไขว่คว้า และความจริงที่สวนทาง มันต้องเลือกสักอย่าง ดำรงค์ชีวิตอยู่เพื่อมีโอกาสไปทำความฝัน หรือทำตามความฝันเพื่อให้มีการดำรงค์อยู่ของชีวิต ่
ไม่ง่ายเลยนะครับในการตัดสินใจที่จะทำอะไร ยิ่งเมื่อเราโตขึ้น สิ่งผูกมัดมากมายหลายอย่างที่มีผลกระทบต่อเรา เพราะเราก็เป็นสิ่งแวดล้อมของคนอื่น ไม่ว่าเราจะทำหรือไม่ทำอะไร ก็มักจะส่งผลต่อคนรอบข้างเราเสมอ
ผมก็มีสิ่งที่อยากทำ คือการเขียนหนังสือสักเล่ม ถ่ายทอดบางอย่าง เล่าเรื่องบางสิ่งออกมาให้ผู้อื่นได้ทราบ รับรู้ แต่ก็มีสิ่งที่ต้องทำ คือเป็นเสาหลักให้ครอบครัว ดูแลคนที่เรารักแบบที่ผู้ชายควรจะเป็น และนั่นเป็นสิ่งที่เกือบจะอยู่ตรงกันข้ามกัน การยื้อแย่งเวลาอันน้อยนิดของชีวิตเกิดขึ้น ยิ่งตอนนี้ผมรับงานเสริมเป็นการเขียนบทความให้เว็บไซต์ ก็ยิ่งเป็นการถอยห่างจากความฝันของผมไปทุกที หลายคนอาจมองว่าก็เป็นงานเขียนเช่นกัน แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นงานเขียนแต่ไม่ใช่ความฝัน เป็นสิ่งที่ต้องจัดว่าเป็นงานที่ทำเงินมากกว่าจะหล่อเลี้ยงความฝัน
ตอนนี้แม้ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าการทำความฝันกับการหาเงิน อันไหนสำคัญกว่ากัน แต่เมื่อมองดูแบบไม่โลกสวย ไม่ขวาจัด ซ้ายสุดแล้ว โลกแม่งประกอบด้วยหลายอย่าง ซึ่งทั้งเงินและความฝันมันก็มันจะอยู่คู่กันแบบปรปักษ์เสมอ
เราอาจไม่จำเป็นต้องชี้ชัดว่าอะไรสำคัญกว่ากัน แต่จงอยู่ตรงกลางเพื่อขับเคลื่อนให้มันก้าวต่อไป ประคับประคองทั้งสองอย่างให้อยู่คู่กัน ผลักดันซึ่งกันและกัน อยู่แบบนี้ จนกว่าวันหนึ่งเราจะได้ทำความฝันให้เป็นจริงบนพื้นฐานที่ว่าเราดูแลคนรอบข้างได้ดีแล้ว
เพราะเงินทำให้เรามีชีวิต และความฝันก็ทำให้เรามีแรง ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in