รูปปั้นเซรามิกสูงเพียงฟุตกว่าๆ ตัวนี้ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของคตินิยมเรื่อง ‘ความงาม’
ในสังคมจีน ตลอดพันปีก่อนหน้า ‘สาวงาม’ ในความหมายของสังคมจีนตามภาษิตโบราณหมายถึงผู้หญิงร่างผอม ‘บอบบางประหนึ่งแพรไหม’
มีแค่ในจินตนาการ จึงไม่น่าแปลกใจที่ ‘ศีลธรรม’ ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีก่อนราชวงศ์ถังถูกให้ค่าสูงกว่ารูปลักษณ์ภายนอก สตรีสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ใช้ชีวิตอย่างเจียมตน
จนมาถึงยุคของราชวงศ์ถัง บ้านเมืองรุ่งเรืองและสงบสุข จักรพรรดิแผ่ขยายอิทธิพล ชนชั้นกษัตริย์ ขุนนาง และพ่อค้าเริ่มมีอันจะกิน ระบบสอบขุนนางเปิดโอกาสให้บัณฑิตทั่วดินแดนแข่งขันประชันกันนวัตกรรมในสาขาต่างๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และศาสนาพุทธก็ถูกเผยแผ่ในจีนเป็นครั้งแรกเมื่อสันติภาพเป็นรูปธรรมเศรษฐกิจก็เติบโต
ผู้หญิงร่างท้วม หน้าผากกว้าง หน้ากลม ใช้เครื่องสำอาง ประทินโฉม สวมเสื้อผ้าอาภรณ์งดงาม ท่วงท่าผ่อนคลายเพราะไม่ต้องตรากตรำทำงานหนัก—รูปลักษณ์อันสะท้อนความมั่งมีศรีสุข มีอันจะกินของครอบครัว ค่อยๆ แทนที่ภาพของสาวน้อยร่างอรชร จนกลายเป็นคตินิยม ‘สาวงาม’ ใหม่ของสังคมจีนค่านิยมสาวงามในช่วงราชวงศ์ถังมิใช่สาวร่างบางผู้ประหยัดมัธยัสถ์ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมศีลธรรมอีกต่อไป
หากเป็นสาวสังคมสุขภาพดีเจอหน้าก็บอกได้ทันทีว่าบ้านของเธอมีอันจะกิน ในบรรดาสี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน หยางกุ้ยเฟย (เดิมชื่อ หยางอี้หวน) สนมเอก หรือกุ้ยเฟยของฮ่องเต้ถังเสวียนจง ผู้มีชีวิตสมัยราชวงศ์ถัง จึงน่าจะเป็นสาวหน้าแป้นแล้นคิ้วโก่งร่างท้วม ไม่ต่างจากรูปปั้นเซรามิกในภาพ
ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ หาใช่สาวน้อยบอบบางอย่าง ไซซี หวังเจาจวิน และเตียวเสี้ยน สามหญิงงามในยุคก่อนหน้าเธอหยางกุ้ยเฟยได้ฉายาว่า ‘มวลผกาละอายนาง’ (สำนวนจีน 羞花) เนื่องจากชอบนำกลีบดอกไม้นานาชนิดมาบดให้ละเอียดเป็นแป้งฝุ่น ร่ำลือกันว่าทำให้เธอส่งกลิ่นหอมอบอวลยามเหงื่อไหลในฤดูร้อน ส่งผล ให้สาวจีนจำนวนมากทำตาม
นับเป็นต้นกำเนิดของแป้งฝุ่นจีนตราบเท่าทุกวันนี้ค่านิยมความงามของสตรีจีนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ในราชวงศ์ซ่ง (ราวสองร้อยปีนับจากราชวงศ์ถัง)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in