เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fictober 2019] Miracle in Octobernixsummer0531
Day 23 Ancient
  • “อย่าว่างั้นงี้เลยนะโรบิน เราว่ามนุษย์คนนั้นน่าจะเข้าใจผิดมากกว่า ถ้ามีวิญญาณอยู่จริง แฟรี่อย่างพวกเราต้องรับรู้ได้สิ แต่หลายวันที่ผ่านมา ไม่เห็นมีอะไรแบบนั้นเลย” แฟรี่ลมแอเรียลเอ่ยให้ฟัง ขณะบินโฉบไปมารอบๆ ตัวของสเลย์เบก้าหนุ่ม

    “แต่ถ้าเข้าใจผิด ก็ไม่น่าจะมีคนเล่าปากต่อปากเยอะขนาดนี้นี่ ลูกค้าที่มาเมื่อวาน ก็มีคนพูดถึงตั้งสามสี่คน” จองเซอุนย้อนกลับขณะอ่านแผนที่ในมือไปด้วย

    หลังจากที่ชายหนุ่มผมบลอนด์มารับของแทนคุณแองเจล่าจากไป ก็มีลูกค้ามารับของหรือซื้อของอีกหลายสิบคน โดยที่ลูกค้าประจำบางคนที่ค่อนข้างสนิทกับจองเซอุนได้เตือนเอาไว้ว่า อย่าไปแถวโบสถ์ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง เพราะเห็นว่ามี วิญญาณสาวผมแดง ปรากฏกายอยู่ เธอมักจะผลุบๆ โผล่ๆ แถวโบสถ์ตอนกลางคืน และถ้าทักหรือหันไปมอง เธอก็จะส่งยิ้มและโบกมือกลับมาให้

    ความจริง จองเซอุนไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องเหล่านี้เลยก็ได้ เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องนี้ แต่บางที อาจเป็นเพราะเรื่องเล่าตำนานเมืองที่ชวนติดใจ เลยทำให้เขาตัดสินใจเดินทางมายังฝั่งตะวันตกเพื่อตรวจสอบด้วยตัวเองว่าเป็นเรื่องจริงหรือว่าไม่จริง

    “ไม่คิดเลยนะว่าโรบินจะมีมุมดื้อดึงแบบนี้ ถ้าผู้ปกครองรู้เข้าต้องโกรธแน่ๆ” แอเรียลกอดอกส่ายหน้าไปมา

    เด็กหนุ่มผมแดงไม่เถียง กระชับเสื้อคลุมที่อิมยองมินมอบให้แน่นกว่าเดิมอย่างคนรู้สึกผิด 

    อย่างที่แอเรียลว่าไว้ วันนี้เขาโกหกคำโตกับอิมยองมิน โกหกว่าต้องออกไปส่งของให้ลูกค้ากะทันหันทั้งที่ปกติจะต้องออกไปส่งพรุ่งนี้ แน่นอน จอมเวทหนุ่มเหมือนไม่เชื่อ เลยเค้นให้เขาอธิบายอยู่นานสองนาน แต่ด้วยความที่อยากจะออกมาข้างนอกเพื่อตรวจสอบจริงๆ เขาเลยกุเรื่องแบบเป็นเรื่องเป็นราวได้อย่างลื่นไหลจนอีกฝ่ายยอมอนุญาตให้ออกไปส่งของ และหลังจากออกจากบ้านมาไม่นาน เขาก็เจอกับแอเรียลระหว่างทาง พอเล่าให้ฟังว่าจะไปไหน เธอเลยตามมาด้วย 

    “หันหลังกลับตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกนะโรบิน จะได้ไม่โดนดุไง” แอเรียลบอก ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าราวขว้างไม่ให้เดินต่อ

    “ผมนึกว่าแอเรียลจะเข้าข้างผมซะอีก ทีครั้งก่อนยังตั้งใจจะพาผมให้ไปอยู่ที่โลกภูติ”

    “ใครว่าล่ะ พวกเราน่ะแค่หยอกโรบินเล่นเท่านั้นแหละ แล้วก็อยากจะแกล้งจอมเวทอวดดีนั่น” แอเรียลบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อโดนยกความหลังขึ้นมาพูด

    “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าคุณยองมินไม่รู้ แล้วแอเรียลไม่บอก ผมก็ไม่โดนดุใช่ไหมล่ะ” สเลย์เบก้าหนุ่มบอกยิ้มๆ เบี่ยงหลบแฟรี่ลมและเดินต่อ เขาได้ยินเธอขมุบขมิบปากบ่นอยู่ครู่ แต่สุดท้ายก็บินตามอยู่ข้างๆ โดยไม่ออกความเห็นอะไรอีก

    ระหว่างที่เดินไปตามเส้นทางของเมืองชนบท เด็กหนุ่มก็จมลงไปในห้วงความคิดของตัวเอง

    เขาเองก็บอกไม่ได้ ว่าทำไมถึงรั้นได้ถึงขนาดนี้ หากเป็นเมื่อก่อน หากอิมยองมินให้อยู่บ้าน เขาก็จะอยู่บ้าน หากอิมยองมินสั่งให้ทำอะไร เขาก็จะทำตาม และหากห้ามไม่ให้ทำ เขาก็จะเชื่อฟังอย่างว่าง่าย แต่ที่เขาเปลี่ยนไป คงเพราะ เอสเธอร์ เขาอยากรู้ว่าเธอมีส่วนสำคัญอะไรกับอิมยองมินมากถึงขนาดนี้ อยากรู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นที่มีผมสีแดงคือใคร แล้วทำไมพวกเขาต้องมาอยู่ที่นี่ อยู่บ้านหลังนั้น 

    แม้ วิญญาณสาวผมแดง อาจไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวพวกนั้น แต่เขาก็อยากจะลองมาตรวจสอบดูก่อน

    “โบสถ์นี้สินะ” จองเซอุนพึมพำ หลังเดินมาพักใหญ่แล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าโบสถ์ร้างเก่าๆ แห่งหนึ่ง ดูจากสภาพแล้ว น่าจะถูกปล่องร้างมาหลายสิบปีหรืออาจมากกว่านั้น

    “ไม่รู้สึกอะไรเลย” แอเรียลออกความเห็น

    “ลองเข้าไปดูข้างในก่อนแล้วกัน” เด็กหนุ่มบอก พลางผลักประตูโบสถ์ที่ไม่ได้ลงกลอนเข้าไปข้างใน

    โบสถ์เก่าแก่แห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ที่นั่งล้วนทำจากไม้ ผุผังเล็กน้อยไปตามกาลเวลาและมีฝุ่นหนาเตอะปกคลุม ทว่าก็มีบางส่วนที่ดูสะอาด รวมถึงมีเศษขยะและถุงขยะหลงเหลืออยู่บ้าง แบบที่คาดว่าน่าจะมีคนเร่ร่อนแอบเข้ามาพักอาศัย เด็กหนุ่มเดินวนสำรวจอยู่ประมาณสิบนาที แต่เขาก็ไม่พบอะไรผิดแผกไปจากปกติที่ควรเป็น

    หรือว่า คนในหมู่บ้านจะเข้าใจผิดอย่างที่แอเรียลบอก —

    “ถ้าไม่มีอะไรก็กลับก่อนไหม เซอุนต้องไปส่งของจริงๆ ด้วยไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็ไปไม่ทันก่อนพระอาทิตย์ตกหรอก” แฟรี่ลมบอก ขณะมองตะกร้าสานที่ด้านในเป็นสมุนไพรที่เขาต้องไปส่ง

    “อีกแป๊บหนึ่ง ลองไปดูด้านหลังโบสถ์ก่อน เห็นว่ามีโบราณสถานที่เคยเป็นมหาวิหาร” จองเซอุนบอก พร้อมกับเดินเลาะไปด้านหลังโบสถ์ ไม่สนใจเสียงท้วงติงของแอเรียล 

    อาจเพราะเคยเดินเข้าป่าตอนที่แอเรียลหลอกล่อให้เข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง พอต้องมาเดินเข้าป่าอีกครั้ง จองเซอุนเลยคุ้นชินกับการเดิน รวมถึงไม่ตกอกตกใจกับประกายแสงเล็กๆ สีเขียวอ่อนที่ลอยอยู่กลางอากาศเป็นเส้นสายยาวๆ อยู่ทั่วผืนป่า และนอกจากแสงที่ว่า เขายังเห็นละอองสีฟ้าอ่อนลอยละล่องไปมาทั่วผืนอากาศราวกับปุยนุ่น

    “แสงสีฟ้านี่คืออะไรเหรอ”

    “มันคือพลังเวทน่ะ แถวนี้เคยเป็นมหาวิหารใช่ไหมล่ะ สถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ จะมีอะไรพวกนี้อยู่ มันจะซึบซับพลังเวทบริสุทธิ์เอาไว้ เป็นสถานที่สำหรับการชำระ แม้จะผ่านไปหลายร้อยหรือหลายพันปี พลังเวทพวกนี้ก็จะหลงเหลืออยู่ เพราะความศรัทธาของยุคก่อนๆ มันมหาศาลแบบที่สมัยนี้เทียบไม่ติด แต่เพราะบริสุทธิ์เนี่ยแหละ ไม่มีทางที่จะมีพวกวิญญาณมาอาศัยอยู่ได้หรอก แค่หลงเข้ามา ก็ถูกชำระล้างเรียบร้อยแล้ว”

    “แล้วแอเรียลเข้ามาแบบนี้ จะไม่เป็นอะไรเหรอ” เด็กหนุ่มผมแดงถามอย่างเป็นห่วง

    “แฟรี่แบบพวกเราไม่มีผลหรอก กับพวกภูติบางประเภทก็เหมือนกัน สังเกตดีๆ สิ เจ้าพวกนั้นที่หลบอยู่จ้องจะออกมาหาโรบินจะตาย ที่เข้ามาไม่ได้ก็มีแค่พวกปีศาจ วิญญาณ อะไรพวกนั้นมากกว่า” แฟรี่สาวอธิบาย 

    จองเซอุนพยักหน้ารับรู้ ขณะมองภูติตัวน้อยที่แอบหลบตามพุ่มไม้อย่างที่เธอบอก

    เดินเพียงไม่นาน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่เป็นโบราณสถาน

    อดีตมหาวิหารแห่งนี้เหลือเพียงซากปรักหักพัง มีลานหินกว้างขนาดใหญ่ที่บางจุดแตกหักและเป็นรอยตามกาลเวลา เสาหินแกะสลักบางต้นยังคงตั้งเด่นเป็นสง่าดั่งอดีต ทว่าบางต้นก็ล้มเอนและแตกออก ตามเสาหินและพื้นล้วนมีกิ่งก้านของต้นไม้หรือเถาวัลย์เลื้อยพัน มีมอสสีเขียวชอุ่มปกคลุมบางๆ รวมถึงมีเห็ดต้นเล็กๆ ขึ้นอยู่บางจุด

    “บริเวณนี้อากาศดีนะครับ” จองเซอุนบอก รับรู้ได้ว่าอากาศบริเวณโบราณสถาน สะอาด บริสุทธิ์ และเย็นสบาย

    “ในเมื่อมาถึงแล้วไม่มีอะไร พวกเราก็กลับเถอะ” แอเรียลที่ทำตัวเป็นผู้ปกครองจำเป็นบอก

    “อืม” 

    เด็กหนุ่มผมแดงงึมงำด้วยความเสียดาย เขาอยากจะอยู่เดินเล่นที่นี่ต่ออีกหน่อย แต่เท่าที่เห็น สถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรผิดแปลก ไม่ได้ให้ความรู้สึกอึดอัดหรือเป็นอันตราย มันสะอาดและสูงส่งแบบที่ไม่มีสิ่งใดชวนให้เกิดความกลัว

    “อ้าวๆ สเลย์เบก้าน้อยไม่ใช่เหรอ มาทำอะไรที่นี่เนี่ย” 

    เสียงใสที่ดังทักขึ้น ทำให้จองเซอุนกับแอเรียลหันไปมอง

    “คุณโซยู?” สเลย์เบก้าหนุ่มร้องเสียงสูง แบบไม่มั่นใจว่าใช่หญิงสาวคนเดียวกับที่เคยเจอเมื่อสามวันก่อนหรือเปล่า เพราะผมสีน้ำตาลดัดลอนของเธอ ได้กลายเป็นสีแดงเพลิงแบบเดียวกับเขา พลันเขาต้องเบิกตากว้าง ร้องโอ๊ะออกมาเบาๆ “คุณคือวิญญาณสาวผมแดงเหรอ”

    “อ๊า เรื่องนี้อีกแล้ว ถ้าเป็นเรื่องเล่าแปลกๆ ทำนองว่ามีผู้หญิงผมแดงเดินไปเดินมาแถวโบสถ์ ส่งยิ้ม หรือไม่ก็โบกมือให้คนที่ผ่านไปมาละก็ ใช่จ้ะ นั่นฉันเอง” แม่สดสาวบอกเสียงใสด้วยรอยยิ้มกว้าง พลางเดินเข้ามาใกล้ ซึ่งจองเซอุนสังเกต ว่าแขนขวาของเธอตอนนี้กลับมาเป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องใส่เฝือกแล้ว

    “คือ...เรื่องราวเป็นไงมาไงเหรอครับ แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่แถวนี้ตอนกลางคืน”

    “ฉันมารักษาแขนข้างขวาที่โดนสาปน่ะ ปกติแม่มดอย่างพวกเราจะเก่งเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่กับคำสาปบางประเภทจำเป็นต้องมีเครื่องทุ่นแรง ฉันก็เลยขอให้อิมช่วยหาสมุนไพรที่จำเป็นให้ แล้วมหาวิหารเก่านี่ก็เหมาะสำหรับการทำพิธีชำระล้าง สองสามวันมานี่ฉันก็เลยมาป้วนเปี้ยนแถวนี้น่ะ และยิ่งเงียบสงบเท่าไรมันก็ยิ่งดี ฉันก็เลยมาตอนกลางคืน ส่วนที่วันนี้มาตอนกลางวัน แค่กะมาเดินเล่นเฉยๆ ไม่คิดว่าจะมาเจอเธอ ว่าแต่เธอเถอะ มาทำอะไรที่นี่จ๊ะ” โซยูถามกลับ หลังเล่าเรื่องทางฝั่งตัวเองจบ

    “ผมได้ยินคนในหมู่บ้านบอกว่ามีวิญญาณสาวผมแดงมาเดินแถวโบสถ์ ก็เลย...มาดู”

    “หืม? มาคนเดียวเนี่ยนะ แล้วอิมล่ะ หมอนั่นห่วงเธออย่างกับอะไรดี ไม่น่าให้เธอมาที่นี่คนเดียว”

    “คือว่า...” จองเซอุนอึกอัก ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง

    “ใครบอกว่ามาคนเดียว! เรานี่ไงผู้พิทักษ์ของโรบิน!” แอเรียลออกตัวปกป้อง

    “เธอเนี่ยนะ อิมระแวงเธอจะตายแอเรียล หมอนั่นไม่ขอให้เธอมาปกป้องหรอก” โซยูมองด้วยสายไม่เชื่อ

    “ผมแอบออกมาเองน่ะ ผมแค่อยากรู้ว่ามีวิญญาณอยู่จริงๆ หรือเปล่าก็แค่นั้น คุณโซยูอย่าไปบอกคุณยองมินเลยนะครับ” จองเซอุนสารภาพเสียงหงอยๆ ทั้งกระซิบขอบคุณแฟรี่สาวเบาๆ ที่ออกตัวช่วย

    “การอยากรู้อยากเห็นไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะสเลย์เบก้าน้อย ยิ่งกับโลกฝั่งนี้แล้ว และเธอเองที่เป็นสเลย์เบก้า มันยิ่งอันตรายเป็นเท่าทวี และหากเธอเป็นอะไรขึ้นมา ฉันไม่อยากคิดเลยว่าอิมจะเสียสติขนาดไหน เพราะเท่าที่ได้ยิน หมอนั่นเกือบจะฆ่าดงฮยอนด้วยซ้ำตอนที่เธอบาดเจ็บจนสลบ” 

    เมื่อแม่มดสาวพูดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต หัวใจของจองเซอุนก็เจ็บแปลบและปวดหนึบ รวมถึงรู้สึกผิดที่ตัวเองทำตัวแบบนี้ แม้จะไม่รู้ว่าในสายตาของอิมยองมินมองมาที่เขาแบบไหน มองเขาที่เป็นเขา หรือมองเขาเป็นตัวแทนของใครอีกคน แต่ความห่วงใยที่อิมยองมินมอบให้นั้น มันคือเรื่องจริงทั้งหมด และแน่นอน ความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้อีกฝ่าย มันก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเหมือนกัน

    จองเซอุนหลุบสายตาลงต่ำ ใช้ปลายนิ้วไล้แก้มของตัวเองเบาๆ นึกถึงสัมผัสของฝ่ามืออีกฝ่าย ที่แตะแนบแก้มเขาในวันนี้ พร้อมกับบอกว่า เดินทางดีๆ อย่าฝืนทำเรื่องที่เป็นอันตราย และอย่าไปไหนกับคนแปลกหน้า

    “ในเมื่อเธอเข้าใจแล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะ เดี๋ยวฉันเดินไปส่งที่บ้านอิมเป็นเพื่อนแล้วกัน” โซยูบอก

    “ครับ” จองเซอุนพยักหน้าเข้าใจอย่างว่าง่าย “ว่าแต่ ทำไมคุณโซยูถึงย้อมผมสีแดงล่ะ”

    “อ๋อ นี่น่ะเหรอ” เธอกลั้วหัวเราะ ใช้ปลายนิ้วม้วนผมตัวเองเล่น “ตอนฉันไปเจอเธอแล้วเห็นสีผมฉันรู้สึกว่าสวยดีก็เลยย้อมตาม ไม่ได้คิดเลยว่าพอย้อมจะเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ แต่เอาเถอะ พวกเรื่องเล่าเนี่ย ผ่านไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์เดียวมันก็เงียบเอง และฉันเองก็ไม่มีธุระแถวนี้แล้วด้วย”

    “งั้นแสดงว่าตำนานเมืองก็เป็นเพียงเรื่องแต่งสินะครับ เพราะแอเรียลก็บอก วิญญาณไม่มีทางมาอยู่ในเขตมหาวิหารได้ เพราะจะถูกชำระล้างซะก่อน”

    “อืม มันก็ไม่แน่ เพราะตำนานส่วนใหญ่เกิดจากเรื่องจริง แต่แน่นอน ตำนานหลายเรื่องก็เป็นเรื่องแต่ง แต่ที่แน่ๆ มหาวิหารแห่งนี้ไม่มีวิญญาณแน่นอน แต่ถ้าภาพมายาที่มหาวิหารสร้างขึ้นเอง อาจเป็นไปได้ บางทีเรื่องเล่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนคงเกิดจากการเล่นตลกของมหาวิหาร”

    “เป็นไปได้ด้วยเหรอครับ”

    “ได้สิ เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอ ที่นี่น่ะมีพลังเวทล้นเหลือ และบางครั้งพลังเวทที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์แปลกๆ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์บางแห่งจะซึบซับช่วงเวลาและความทรงจำ ณ เวลาหนึ่งๆ เอาไว้ และสร้างมายาที่ซึบซับนั้นให้เกิดขึ้นในอีกช่วงเวลา บางทีวิญญาณสาวผมแดง คงเป็นเพียงความทรงจำของมหาวิหาร มันคงจะเคยมีหญิงสาวผมแดงสักคนมาเดินเล่นแล้วก็ร้องเพลงก็ได้ หรือไม่บางที ก็เป็นแค่เรื่องเล่นตลกของพวกภูติไม่ก็แฟรี่ เจ้าพวกนี้น่ะชอบสร้างเรื่องจะตาย ใช่ไหมแอเรียล” โซยูหันไปแกล้งแขวะแฟรี่สาว ซึ่งแอเรียลเองก็แยกเขี้ยวและแล่บลิ้นใส่

    “แบบนี้นี่เอง” จองเซอุนพยักหน้าเข้าใจ ทั้งหายติดใจกับความสงสัยของตัวเอง

    บางที ตำนานเมืองที่เล่าขานกันมา คงไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเอสเธอร์ —

    “บอกไว้ก่อน โรบินยังกลับบ้านไม่ได้ โรบินต้องไปส่งของก่อน” แอเรียลบอกกับโซยู

    “จริงด้วย ผมต้องไปส่งของก่อน” เด็กหนุ่มร้องเบาๆ เกือบลืมจริงๆ ว่าต้องไปส่งของให้เสร็จ

    “งั้นฉันไปเป็นเพื่อนแล้วกัน วันนี้ไม่มีธุระต้องไปไหน ฉันเองก็อยากรู้จักเธอมากกว่านี้ด้วย ขอไปเป็นเพื่อนนะ” แม่มดสาวบอกด้วยรอยยิ้มหวาน

    “ครับ” จองเซอุนพยักหน้ารับ

    แม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานก็เถอะ แต่บรรยากาศรอบตัวของโซยู ทำให้เขานึกถึงซิสเตอร์ที่เคยดูแลเขาเมื่อยังเด็ก

    จนดูราวกับว่า เขาได้มีพี่สาวเพิ่มเข้ามาอีกคนอย่างไรอย่างนั้น

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in