RUN ME TO THE MOON
โตมร ศุขปรีชา (Tomorn Sookprecha)
สนพ. SALMON
----------
“คำพูดสำคัญของฮารูกิ มูราคามิในหนังสือ What I Talk About When I Talk About Running ที่ผมมักจะนึกถึงบ่อยๆ ก็คือ
Pain is inevitable, Suffering is optional.
ผมเห็นด้วยกับเขา, ใช่ครับ ความเจ็บปวดนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าจะบาดเจ็บหรือแม้กระทั่งปวดร้าว มันก็ต้องเป็นไป เช่นนั้น แต่เรา ‘เลือก’ ได้เสมอ ว่าเราจะเป็นทุกข์กับสิ่งนั้นหรือไม่
การค่อยๆ วิ่ง สอนผมแบบเดียวกัน”
----------
ไม่รู้เมื่อไรที่หน้านิวฟีดในเช้าวันอาทิตย์ของผม เริ่มอุดมไปด้วยภาพจากงานแข่งมาราธอนหลายๆที่ กระแสการวิ่งในไทยเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นตั้งแต่เมื่อไร? บทความ,หนังสือเกี่ยวกับการวิ่ง หรือแอพพลิเคชั่นสารพัดประโยชน์ซึ่งช่วยเปลี่ยนให้ความน่าเบื่อของการวิ่งกลายสิ่งที่ใครหลายคนหลงไหล
ผมเริ่มวิ่งตามกระแสกับพวกเขาอยู่พักหนึ่ง แต่ได้ไม่นานความขี้เกียจก็ขยันสร้างข้ออ้างฟังขึ้นให้ตัวเองผลัดวันอยู่เสียบ่อย จากเป้าหมายมาราธอนที่เคยตั้งไว้ กลายเป็นว่าอยากวิ่งเมื่อไรก็วิ่ง และไอ้อาการอยากนั้น นานๆจะโผล่มาเขี่ยให้หยิบรองเท้าซักที
จนมาวันหนึ่งที่ผมรู้ว่าพี่หนุ่มโตมรกำลังเขียนบล้อกเกี่ยวกับการวิ่งลงใน Minimore เท่าที่รู้มา พี่หนุ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการวิ่งได้จริง ระยะทางหนึ่งพันแปดร้อยกว่ากิโลเมตรในแอพ Nike+ คงพอจะเป็นหลักฐานได้ว่าเขาจริงจังกับการวิ่งขนาดไหน
และนอกจากนั้น วันที่นักเขียนนักคิดคนนี้มาเขียนเรื่องเกี่ยวกับการวิ่ง มันต้องมีอะไรเหนือธรรมดา เพียงแต่รู้ว่าสุดท้ายเรื่องราวในนั้นมันคงต้องถูกรวบรวมมาเป็นหนังสือเล่มอยู่ดี เลยพยายามอั้นใจไม่อ่านในเว็บ กลัวจะเหมือนคนติดซีรีย์ที่ต้องรอตอนใหม่ๆในแต่ละสัปดาห์ และเมื่อได้ข่าวว่าหนังสือเล่มนี้ออกในงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา ผมจึงรีบคว้ามาครอบครองและพลิกอ่านเป็นเล่มแรกๆ
อ่านหนังสือเล่มนี้ไปได้หน่อยคงรู้สึกเหมือนแฟนหนังสือพี่หนุ่มหลายคนที่รู้สึกว่าเฮ้ย นี่พี่หนุ่มโตมรเขียนจริงๆหรอ พลิกดูหน้าปกให้แน่ใจว่าไม่ได้เขียนคู่กับใครใช่มั้ย ภาษาสนุกสนานเป็นกันเองเหมือนมีเพื่อนมาเล่าเรื่องราวชีวิตตัวเองให้ฟังทำให้หลายครั้งเราหลุดขำไปกับความตลกที่ฮุกใส่เป็นระยะๆ และเพิ่งจะรู้ว่าตอนเป็นเด็กๆพี่หนุ่มเกลียดการวิ่งขนาดไหน
คนอะไรจะเขียนได้หลากหลายแนวขนาดนี้ เริ่มช่วงแรกๆเลยเหมือนยารสหวานสำหรับผู้เริ่มต้นปรับทัศนติเกี่ยวกับการวิ่ง แทรกสอดเกร็ดความรู้ตามแบบฉบับคนที่อินกับเรื่องอะไรแล้วมักจะหาเรื่องรอบขอบจักรวาลเกี่ยวกับเรืองนั้นมาเล่าให้ฟัง(พออ่านถึงช่วงๆนี้ถึงมั่นใจว่าเออเล่มนี้พี่หนุ่มเขียนจริงๆด้วย) ทั้งเรื่องอุปกรณ์ช่วยเหลือการวิ่ง เกล็ดจิปาฐะและประสบการณ์ต่างๆที่ได้เจอมากว่าจะพาตัวเองไปสู่ฮาลฟ์มาราธอนได้ ทำให้เรารู้สึกว่าไอ้ปัญหาที่เจอมาแม่งกระจอกสิ้นดี
หากมูราคามิเขียนเอาไว้ในบทเปิดของหนังสือ What I Talk About When I Talk About Running ว่าฑัณต์ทรมาณเป็นทางเลือก วันนี้คงมีใครคนหนึ่งที่ได้เลือกแล้วว่าจะยอมรับเอาฑัณต์ทรมาณนั้นเป็นเครื่องมือพลักตัวเองสู่ชีวิตใหม่
คงไม่ใช่ความบางหรอกที่ทำให้ผมอ่านจบภายในวันเดียว มันคงเป็นความอินส่วนตัวของผมผสมอยู่ด้วย อ่านหนังสือเล่มนี้จบคงเหมือนที่หลายๆคนรู้สึก อยากคว้ารองเท้าคู่ใจและออกไปวิ่งซักสิบยี่สิบกิโล
ดวงจันทร์ยังกระพริบลิบๆอยู่ตรงนั้น มันยังรอให้เราวิ่งเข้าไปหา
แต่กว่าจะแหวกผ่านชั้นบรรยากาศและความทรมาณในช่วงต้นกลางของการเดินทางเพื่อไปเหยียบยังเป้าหมายบนดวงจันทร์นั้นได้มันคงต้องใช้เวลาและลูกอึดที่มากกว่าคนทั่วไป และไม่ว่าสุดท้ายปลายทางจะมีดวงจันทร์นั้นจะนั้นอยู่จริงหรือไม่ ในระหว่างทางคงสร้างเราคนใหม่ที่มีร่างกายแข็งแรงขึ้นมากโข
หากในวันหน้ามีคนถามว่าคนเราจะวิ่งกันไปทำไม
ผมคงแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้เขาไปลองอ่านดู
ป.ล.รอ special feature อยู่นะครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in