เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
BACKYARD STORYSALMON HOUSE
BEHIND: #อกหักฟังอะไรดี

  • 'ฟังใจ' เป็นเว็บ Music Streaming ที่เท่

    โดยมีจุดเด่นอยู่ที่มีเพลงอินดี้หรือเพลงนอกกระแสเยอะ (น่าจะเยอะที่สุดแล้วมั้ง)
    ทีนี้ปัญหาก็คือ ส่วนใหญ่จะเป็นวงที่ไม่รู้จัก
    แล้วพอเป็นเพลงอินดี้ นอกกระแส มันก็มักจะมีภาพจำประมาณว่า...ฟังยาก ฟังไม่รู้เรื่อง
    (ซึ่งก็แปลกนะ ใครๆ ก็ชอบอยากเป็นอินดี้ พอเจออินดี้จริงๆ ก็บอกยาก อืม...)

    ฟังใจ ก็เลยอยากทำคลิป เพื่อชวนให้คนมาฟังฟังใจกันให้มากขึ้น

  • ไอเดีย

    ไอเดียแรกๆ ที่เรานึกถึงคือ 'ความแมส vs อินดี้'
    เพราะเรารู้สึกว่า ไม่ว่าจะผ่านเวลามากี่แสนปี ประเด็นอินดี้ & แมส ก็เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันตลอด ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ใช่แล้วปะวะ...
    ชั่วโมงนี้ Internet มันขุดเพลงใต้ดินทั้งหมดมาไว้ให้เราหาฟังได้ง่ายๆ บนดินหมดแล้ว
    เรื่องอินดี้กับแมส มันยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเถียงกันได้แล้ว
    (อย่าให้เล่าเลยว่ายุคก่อนมี Internet เวลาจะหาเพลงแปลกๆ ฟังแต่ละทีมันยุ่งยากแค่ไหน)

    ประเด็นคือเราควรจะเลิกเหยียดเพลงกันได้แล้วว่า
    'เพลงแมส' เป็นเพลงไม่ดี
    'เพลงอินดี้' คือเพลงดี
    เพราะเอาจริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพลงแมสหรือเพลงอินดี้
    เพลงดีก็คือเพลงดี แค่นั้นแหละ...

    เออ อีกเรื่อง! มาย้ำกันอีกรอบ (เดินไปลากเก้าอี้มาให้นั่ง)
    ย้ำเป็นรอบที่ล้านว่า...คำว่า ‘อินดี้’ มันไม่ใช่แนวเพลงนะฮะ แต่เป็นวิธีการทำงาน
    อินดี้คือการทำงานของศิลปินที่ทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่งเพลงเอง อัดเอง โปรดิวซ์เอง ฯลฯ
    ไม่เกี่ยวกับทำนอง หรือแนวเพลงนะฮะ จบ.

    เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้วนะ?

    ไอเดียแรกๆ คือเราจะทำคลิปโดยการเอานักร้องโคตรอินดี้มาเล่นทำอะไรแมสๆ และเอานักร้องแมสมาทำอะไรอินดี้ๆ

    ระหว่างคิดงาน เราก็เจอปัญหากันเองว่า
    "เฮ้ย กูว่านักร้องคนนี้ มันสายอินดี้ แบบแมสเว้ย" 
    "เอ เราว่าคนนี้แมสนะ แต่เป็นแมสแบบอินดี้"
    ปวดหัวสัดๆ

    ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวนี้มันไม่มีอินดี้หรือแมสแล้วโว้ย!!!

    ตัดภาพมา...
    นักร้องที่พวกเราลงมติเป็นเสียงเดียวกันว่า อินดี้ที่สุดในสยามประเทศ คือ 'พี่เล็ก Greasy Cafe'
    ดังนั้นเราจึงอยากเอาพี่เล็กมาทำอะไรแมสๆ เช่น ให้พี่เล็กใส่เสื้อ Sponge Bob / สะสมซีดี Girl Gen / และร้อง Cover เพลง 'Mirror Mirror' ของ M2M
    ตอนคิดงานเราก็ขำกันคิกๆ กับการที่จะได้ปู้ยี่ปู้ยำพี่เล็กให้สาสมกับความอินดี้ของแก

    ตัดภาพมาที่ห้องประชุมฟังใจ...
    เสียงแว่วมาจากหัวโต๊ะ "พี่เล็กเค้าจะมาทำอะไรแบบนั้นจริงๆ เหรอครับ"
    แอร์ดังเลยมึง...

    ไอเดียต่อมา
    เราลองมาดูที่ Insight ของเพลงอินดี้ว่ามันคืออะไร...ก็พบปัญหาที่มันวนๆ อยู่ ทำนองว่า
    คนไม่รู้จักชื่อวง ก็ไม่อยากลองฟัง เพราะคิดว่าฟังยาก หรือบางเพลงก็มีทำนองที่แปลกไปจากที่คุ้นเคยก็ตีความแล้วว่า มันไม่เพราะ ฟังยากต่างๆ
    พวกเราเลยรู้สึกว่า สิ่งที่เพลงนอกกระแสต้องการที่สุด คือ โอกาสให้คนฟัง
    ประมาณว่า ฟังกูก่อนสิโว้ย มึงอาจจะชอบก็ได้นะ...
    Insight ด้านเพลงทางนี้ถือว่าน่าจะทำงานได้
    อันนี้ตั้งไว้ก่อน

    ไอเดียอีกฝั่งของหนัง ก็คือ Insight คนดู
    คือ เรามักจะเห็นในโฆษณาหรือกระแสแรงบันดาลใจ ให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง ให้ลุกขึ้นมาลองอะไรใหม่ๆ ให้ชีวิต 

    (เสียงโฆษกหล่อๆ ) เปิดประตูให้ชีวิต, ออกจาก comfort zone ลองทำอะไรใหม่ๆ นั่นนี่โน่น 

    คำถามคือ ทำไมเวลามีโฆษณาอะไรสักอย่างกับแนวคิดทำนองที่ว่า ลองทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้างทีไร
    ทำไมต้องทำอะไรยากๆ เช่น ไปเนปาล ไอซ์แลนด์ เลี้ยงวาฬ โดดผา กู้โลก ฯลฯ

    ...

    ทำไมต้องยากขนาดนั้นนะ?
    ทำอะไรง่ายๆ แค่ลองน้ำเอ็มร้อยปีโป้ปั่น หรือลองนั่งวินแต่ขอพี่วินขับเอง
    มันก็ใหม่ได้เหมือนกันนะ...

    โอเค เอาไอเดียแรก กับไอเดียที่สองมาขยำรวมกัน เลยได้ไอเดียทำนองว่า
    'เราลองมาทำอะไรใหม่ๆ เราอาจจะชอบก็ได้นะ'

    เออ! อันนี้เข้าเค้าอยู่นะ ก็เลยกลายเป็น Logline Idea ที่ว่า
    'ลองฟังอะไรที่ไม่คุ้นเคย (หรือเพลงอินดี้ในเว็บฟังใจ) คุณอาจจะชอบก็ได้'

    ตัดภาพมา...แล้วเวลาไหนที่คนเราต้องการอารมณ์ลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ บ้างนะ?

    เอาแบบที่ทุกคนต้องเคยเผชิญมากันบ้าง...
    ปีใหม่เหรอ? – ไม่น่าใช่
    นอนฝัน? – ไม่อะ
    วันเกิดเหรอ – ก็เห็นเมากันเละ

    คุยกันไปคุยกันมา พวกเราอยากเห็นหนังที่ตัวละครนำเป็นผู้หญิง ที่เปิดหนังมาอยู่ในภาวะที่ต่ำที่สุดของอารมณ์ และค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น
    อยากได้ตัวละครที่คนดูเอาใจช่วย ดังนั้น...อารมณ์อกหักนี้แหละคืออารมณ์ที่เราต้องการ

    และยิ่งตอนอกหัก เรามักจะปล่อยตัวเองให้จมดิ่งไปในหลุมดำของอารมณ์
    แต่พอมันผ่านช่วงเวลาต่ำตมแล้ว
    มนุษย์มักจะหาทำอะไรใหม่ๆ แบบเร่งด่วนเพราะเราต้องการ Recover ให้เร็วที่สุด

    จึงกลายเป็นหนัง '4 วิธีแก้อกหัก ทำง่าย หายชัวร์'
    ที่นางเอกของเรื่องอกหัก แล้วอยากเปลี่ยนตัวเอง เพื่อที่จะ overcome อาการอกหักที่เกิดขึ้น

  • บท

    หลังจากที่เคาะไอเดียเรื่องนี้ จนเดดไลน์มาสะกิด
    วิชัยและธนชาติปั้นบทกันอยู่ไม่นานนัก ก็ได้โครงสร้างที่ว่า 'เลิกอะไรเก่าๆ เพื่อลองอะไรใหม่ๆ'
    ด้วยการรวมเรื่องหลายเรื่องที่ควรจะเลิกทำกันได้แล้ว เช่น
    การคิดว่ากินชาบูคนเดียวเป็นเรื่องประหลาด
    หรือ การลวกช้อนในฟู้ดคอร์ต
    หรือ การแปรงฟันด้วยท่าจับปากกาที่เขาว่าดีต่อเหงือก
    (ที่นายธนช. ภูมิใจนำเสนอ และพี่ๆ ฟังใจไปใช้จริง และคอนเฟิร์มว่าดีจริง!)

    พอบทเสร็จ ก็มานั่งปวดกบาลกันว่า จะถ่ายกันยังไงวะเนี่ย เปลี่ยนที่บ่อยชิบหาย

    ตัดภาพมา...ใช้ผู้กำกับคนอื่นมาแก้ปัญหานี้ละกัน

    จบ.

  • ไก่

    โปรเจกต์นี้ แซลมอนเฮ้าส์อยากลองร่วมงานกับผู้กำกับคนอื่นดูบ้าง
    (แต่แกนไอเดีย เขียนบท ก็ยังมาจาก วช. และธนช. เหมือนเดิม)

    พอคิดถึงผู้กำกับ
    'ไก่' เป็นคนแรกๆ ที่เราคิดถึง
    เพราะไก่ทำมาเยอะ...ตั้งแต่เป็นคนซ่อมฮาร์ดดิสก์ (ในหนัง 36)
    เป็นพนักงานเซเว่น (ใน ฟรีแลนซ์ฯ)
    ผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับ MV
    และคลิปหลายต่อหลายชิ้นที่ผ่านตาพวกเรา...ยกตัวอย่าง MV ฝากไว้ในกายเธอ ที่ลงไปถ่ายใต้น้ำ
    และ MV เพลง Vacation Time 'ดิสอิสเดอะเว๊' ของหนังฟรีแลนซ์ฯ

    อีกเรื่องคือ ไก่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ นายธนชาติ ซึ่งเราก็คิดว่าไก่น่าจะมีความเวรๆ ที่ดีอยู่ในตัว

    แล้วเราก็ไม่ผิดหวังทั้งในแง่การทำงาน และความเวร (ฮา)

  • แอน

    ตัวแสดงนำ ของหนังเรื่องนี้เราอยากได้ผู้หญิงที่มีความเป็น loser อยู่ในตัว
    มีความน่าเอาใจช่วย และต้องไม่ดูดี จนเด่นมากเกินไป 

    มีอารมณ์ nothing to lose ที่ดี เล่นซีนอารมณ์ได้
    และที่สำคัญ...เล่นทั้งหมดที่ว่าสลับไปมาได้ เพราะการออกกองเรื่องนี้จะเป็นอะไรที่มั่วไปมั่วมาแน่นอน

    บังเอิญที่นายธนช. ได้ไปดูละครเวทีเรื่อง 'คนก้างปลา' ที่แอนไปปล่อยพลังไว้ ก็ติดใจจนชวนมาแคสงาน 

    ตัดภาพมาอีกที น้องแอนก็มาฟังเพลง 'เส้นทางสู่ขุนเขาพระศิวะ' พร้อมบิดมอเตอร์ไซค์หมดปลอกอยู่ในหนังเรียบร้อย
    ซึ่งก่อนถ่ายแอนออกตัวว่า ขับมอเตอร์ไซค์ไม่ค่อยเก่งนะคะ แล้วดูในคลิปสิ ว่าไอ้หนุ่มที่เล่นเป็นวินมอเตอร์ไซค์เกร็งขนาดไหน

    ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่า กองนี้รันได้อย่างราบรื่น
    ส่วนหนึ่งก็มาจากการแสดงที่โคตรโปรฯ ของแอน ที่ปรับสวิทช์ไปมาได้เหมือนคนบ้าไบโพลาร์แท้ๆ

  • Announcer

    ตัวละครเด่นอีกตัวของหนังเรื่องนี้ คือ 'คนพากย์'

    โดยเราอยากได้เสียงพากย์เป็นเสียงผู้หญิง
    ถ้าเสียงนี้เป็นคนจริงๆ ก็ต้องเป็นผู้หญิงที่มีอายุไม่มากนัก แต่ผ่านประสบการณ์อกหักมาหมดละ
    ปากร้าย แต่หวังดี การตักเตือนของเธอ อาจจะไม่นิ่มนวล แต่การันตีผลลัพธ์

    ธนช. แนะนำ 'สิวสิว'
    ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนของ ธนช. และเป็นเพื่อนไก่ด้วย (นี่มันงานรวมรุ่นชัดๆ)
    สิวสิว มีงานลงเสียงมาแล้วหลายตัว
    ตัวที่ดังมาก และทุกคนน่าจะเคยได้ยินคือ โฆษณาไทยประกันชีวิต 'พ่อใบ้
    ดุดัน ได้อารมณ์!

    ทีนี้ สิ่งที่เราอยากสิวสิวทำคือ ลดความดุดันลงมานิดนึง แต่เพิ่มความเย้ยหยันเข้าไปหน่อยนึง
    ประมาณว่า "หึ! อกหักเหรอ เรื่องขี้ผง...มึงฟังกูนี่"
    น้ำเสียงโดยรวมจึงมีความจิกกัดสั่งสอนนิดหน่อย แต่ตอนท้ายๆ จะเริ่มอิน เหมือนเอาใจช่วยแอนมากขึ้น 

    ตอนลงเสียงก็เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะไอตรงกลางที่พวกเราอยากได้ มันช่างนามธรรมซะเหลือเกิน
    ดีนะที่คนพากย์เป็นเพื่อนกัน ไม่งั้นมีฟาดด้วยไมค์แน่นอน...

    ตรงที่ยากของการพากย์ คือ ตอนท้ายคลิป "แล้วปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลายเป็นอดีต"
    ที่จะพูดไม่จบประโยค (เพราะนางเอกหันไปเห็นพระเอกซะก่อน)
    ไอ้ตรงนี้แหละ ที่อัดกันจนเหนื่อย

    แต่จุดที่ยากกว่านั้นคือคำว่า "สวัสดี คุณคนใหม่"
    เพราะมันต้องได้อารมณ์ 'ยินดีด้วยนะ' โดยไม่ทิ้งอารมณ์เท่ๆ ก่อนหน้านี้
    ฟังแล้วต้องเห็นรอยยิ้มของคนพูด (เห็นมั้ย บอกแล้วนามธรรมสัดๆ)
    ตอนอัดแม่งก็อัดกันเข้าไปสิ...อันนี้ดุไป อันนี้หวานไป อันนี้ไม่ใช่ อันนั้นไม่ดี
    งั้น...อันแรกนั่นแหละ ดีสุดละ
    สิวสิวบอก...ไอ้สัด!

    กลายเป็นว่าคลิปนี้มีความน่ากลัวหลายอย่างที่เราไม่เห็น จนกระทั่งวันตัดต่อ
    นั่นก็คือจังหวะตัดต่อ...เพราะมันต้องเร็ว และต้องฟังรู้เรื่อง
    และต้องหาจังหวะผ่อนอารมณ์ให้คนดูจับใจความ และกลับมาเร่งคนดูอีกครั้ง

    เวอร์ชั่นที่ออนแอร์ตอนนี้จึงเป็นเวอร์ชั่นที่คำสร้อยท้ายประโยคโดนตัดออกไปจนเกลี้ยง

    ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นพวกเราทีมงานเอง ที่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ
    ดีนะ :-)

  • Trivia

    - บ้านที่ถ่ายหลังนี้เป็นบ้านหลังเดียวกับที่ถ่าย Love ไม่ตรง Song ซึ่งคิดว่า ก็น่าจะมีอีกหลายงานและที่จะลงเอยกับบ้านหลังนี้ (ฮา) เพราะเจ้าของบ้านเป็นเพื่อนสมัยเรียนกับนาย ธนช. และนายไก่

    - นอกจากจะใช้บ้านหลังเดิมแล้ว เพลงบรรเลงตอนต้นยังบังเอิญไปเหมือนกับ 'Love ไม่ตรง Song' อีกต่างหาก!

    - เพลง 'เส้นทางสู่ขุนเขาพระศิวะ' เข้ารอบมาเพราะชื่อเพลงล้วนๆ โดยที่ยังไม่ได้ฟังเพลง
    แต่พอใส่เพลงเข้าไปแล้ว ดันไปซิงค์กับจังหวะแหกปาก และโยกมือของแอนในคลิปตอนขับมอเตอร์ไซค์เฉยเลย –อภินิหารแท้ๆ

    - เพลงเกือบทั้งหมด ถูกคัดเลือกมาโดยน้องไกเซอร์และน้องแรมโบ้ –เก่งมาก

    - แพะ...เป็นสิ่งที่เติมเข้ามาหลังจากไก่มาดูสถานที่ถ่ายทำ
    ใช่ครับ...บ้านหลังนี้เลี้ยงแพะจริงๆ

    - ดาราที่เข้าฉากซีนคาราโอเกะตอนต้นคลิปทั้งหมดไม่ใช่ใครอื่น ก็คนในกองทั้งนั้น
    ตากล้อง, โปรดิวเซอร์, เด็กฝึกงาน ฯลฯ

    - หนังเรื่องนี้ไก่โชว์เหนือด้วยการ กำกับแมว ด้วยการเดินไปอุ้มแมวหลับมาวางไว้ในกระเป๋า (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้) แต่ก็มีหลายฉากที่มีแมวอยู่ในนั้น

    - แต่แค่แมวยังเทพไม่พอ ตอนท้ายคลิปที่มีลงเรียนสีน้ำ นายไก่ยังโชว์เหนือด้วยการกำกับแพะอีก!

    - แต่ไม่อยากให้เห็นตอนกำกับอะนะ เหมือนลัทธิบูชาซาตานชอบกล

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in