เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Daily storyYingYue_A
กว่าจะกลับมาได้นะ
  • ผ่านมาแล้ว3-4ปีที่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเขียนบันทึกชีวิตตัวเองลง 
    จะว่าเวลาผ่านไปเร็วก็ได้ ฉันก็รู้สึกเช่นนั้น แต่ถ้าจะบอกว่าเวลาผ่านไปช้า ก็เป็นเช่นนั้นได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราผ่านอะไรมา และรออะไรอยู่ 
    สำหรับฉันแล้ว ฉันเหมือนจะรอแต่บางครั้งก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เลยรู้สึกถึงเข็มนาฬิกาที่บางทีก็ช้า บางทีก็เร็ว

    ฉันยังจำได้เมื่อครั้งที่ฉันเขียนบันทึกลงในเว็บไซต์นี้เป็นครั้งแรก ๆ อันที่จริงก็รู้สึกขอบคุณตัวเองอยู่เหมือนกันที่ตัดสินใจเขียนลง เพราะอย่างน้อยนั้นก็เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าชีวิตวัยมหาลัยช่วงนั้นฉันเป็นอย่างไรบ้าง เพราะความทรงจำของฉันมันก็เลือนรางไปบ้างแล้ว 

    ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันชอบการเขียนมาก แต่ซื้อแพลนเนอร์มาทีไรก็เปลืองเปล่า ๆ เพราะจดจ่อเขียนความเป็นไปของชีวิตตัวเองไม่ได้ทุกวันตามที่คิด ซึ่งเป็นนิสัยที่ฉันก็ไม่ชอบในตัวเองเหมือนกัน ดั้งนั้น บล็อกออนไลน์จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างตอบโจทย์

    เอาล่ะ พล่ามมาตั้งนาน 

    ฉันอยากจะบอกว่าช่วงที่ฉันเขียนบันทึกบ่อย ๆ นั้นเป็นช่วงที่ฉันกำลังเรียนอยู่ปีสาม และเป็นช่วงที่ชีวิตฉันก็ค่อนข้างประสบพบเจอกับเหตุการณ์หลายอย่างเช่นกัน ทั้งเข้ามาทุบตี เข้ามาสอน เข้ามาปลอบประโลม ภาพนิสิตปีสามที่หน้าดำคร่ำเครียดกับการทำวิจัยให้ผ่านไปได้ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้งยามที่หวนคิดถึง ภาพนั้นตอนที่ตัวฉันเองประสบอยู่มันไม่น่าพิสมัยเท่าใดนักหรอกนะ แต่เพราะ "เวลา" ที่มันผ่านพ้นมาเรื่อย ๆ ก็ทำให้ความเจ็บปวดมันลบเลือนลงบ้าง ไม่มากก็น้อย หลังจากฉันผ่านพ้นช่วงนั้นมาก็ไม่ได้กลับมาเขียนอะไรแบบนี้อีกเลย เรียกได้ว่าแทบจะลืมมันไปด้วยซ้ำ

    จนเวลาผ่านไป ตอนนี้ฉันเรียนจบมาสองปีแล้ว เข้าสู่โลกอีกใบนึงที่เรียกว่า "โลกของการทำงาน" 

    แปลกแต่จริง คนเราเวลาผ่านช่วงเวลาหนึ่ง ๆ มาแล้วเข้าสู่อีกช่วงหนึ่ง เรามักจะหวนคำนึงถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาในอดีต โหยหาที่จะกลับไปใช้ชีวิตในนั้นมากกว่าชีวิตปัจจุบันที่เป็นอยู่ ตอนเข้ามหาลัยใหม่ ๆ ฉันมักคิดถึงชีวิตมัธยมเสมอ และเช่นกัน ตอนนี้อยู่ในวัยทำงานแล้ว ในบางครั้งฉันมีความคิดแวบมาในหัวว่าชีวิตวัยมหาลัยสนุกกว่า มีอิสระมากกว่านี้ ฉันพยายามปลอบตัวเองเสมอว่าชีวิตที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันเป็นอดีตที่สวยงามไปเถอะ แล้วมาใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน แม้บางครั้งฉันจะทำตามที่ตัวเองคิดไว้ไม่ได้

    เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่เคยจินตนาการตัวเองมาอยู่ในจุดนี้เหมือนกัน แต่ก็นั้นแหละ คนเราอยู่ในช่วงอายุ ๆ นึงได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น  เราก็เพิ่งเคยอายุเท่านี้กันทั้งนั้น 

    หลังเรียนจบฉันเครียดเรื่องหางานมาก กดดันมาก ในการหางานแรก แต่ก็จับพลัดจับผลูได้ไปทำlaw firm ทั้งๆที่ฉันก็ไม่เคยมีสายงานนี้ในหัวเลยตอนเรียน เอาเถอะ ณ ตอนนั้น กับความกดดันที่เจอ งานไหนที่เข้ามาก็รับมาก่อน ฉันทำงานแรกได้เพียงแค่หกเดือน เพราะสภาพแวดล้อมและตัวเนื้องานไม่ค่อยเหมาะกับฉัน ฉันรู้สึกว่าตัวฉันเองไปได้ไกลกว่านั้น จึงตัดสินใจลาออกมาทั้งที่ยังไม่ได้งานใหม่ แต่จะว่าไปงานนี้ก็ทำให้ฉันได้อะไรหลาย ๆ อย่าง และเป็นการเปิดโลกการทำงานของฉันที่เป็นเด็กจบใหม่ ได้ทั้งบทเรียนที่ดี เพื่อนที่ดี ประสบการณ์ที่ทั้งดีและแย่ผสมกัน บางครั้งก็ให้ประสบการณ์ก็เจ็บแสบว่าเรื่องเงินให้ระวังให้ดี อาจจะถือว่าเป็นโชคดีของฉันก็ว่าได้ที่ฉันได้งานใหม่หลังออกจากที่เดิมมาหนึ่งเดือน อันที่จริงวันสุดท้ายที่ฉันทำงานคือวันเดียวกับที่ฉันส่งใบสมัครที่ใหม่ไป ตอนนี้ฉันทำงานที่ใหม่มาได้ปีกว่าแล้วและคิดว่าคงจะทำต่อไปอีกระยะหนึ่งก่อน 

    ฉันยังมีอีกหนึ่งความฝันที่ตั้งในจะทำในปีนี้ นั้นคือ การเรียนปริญญาตรีอีกใบนึง นั่นคือ นิติศาสตร์ ราม ตั้งเป้าไว้ว่าจะเรียนให้จบภายในสองปีโดยใช้การเทียบโอน 

    ฉันค้นพบว่าซักระยะนึงแล้วว่าฉันชอบการเรียน (ยกเว้นว่าหากต้องทำวิจัย ที่ฉันเข็ดขยาดไปอีกนาน) ก็หวังว่าปริญญาใบที่สองนี้จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิตฉันได้ไม่มากก็น้อย แต่อันดับแรกก่อนจะไปถึงวันนั้น ฉันต้องเรียนให้จบก่อน นี่แหละ หลายครั้งฉันชอบคิดข้ามช็อตเยอะไปหน่อย มองอนาคตที่ยาวไกล แต่หลงลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in