เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มากมายก่ายกองที่อยากจะเล่าsennsay
ปี 3 เทอมแรกเล่นแรงมาก
  • รู้สึกเหมือนพึ่งจะเขียนblog "หลังจากใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยมา 2 ปี" ไปเมื่อเดือนสองเดือนที่ผ่านมาเอง แต่ว่าพอมานั่งนับดี ๆ ตอนที่โพสต์บล็อคนั้นไป ตอนนั้นอยู่ในช่วงปิดเทอมเตรียมจะขึ้นปี 3 อยู่เลย แล้วดูตอนนี้สิ เข้าปี 3 เทอม 2 แล้ว เวลาเดินเร็วจริง ๆ 

    การที่กลับมาแสดงว่าอะไร แสดงว่าช่วงปี 3 เทอม 1 มันมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นยังไงล่ะ พูดเลยว่าปี 3 เล่นเราแรงมาก ๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้

    ช่วงเวลาก่อนจะขึ้นปี 3 ยังชิล ๆ อยู่ ช่วงปิดเทอมก็คือนั่งเล่นเกมจนจบเกม นอนกอดแมว เก็บเกีี่ยวเวลาที่อยู่กับแม่ให้เยอะที่สุด เพราะช่วงปิดเทอมหลังจากนี้คงจะไม่ได้กลับบ้าน แล้วเรายังกลับมาที่กทม.ก่อนจะเปิดเทอมตั้ง 1 เดือน เพื่อมาดูคอนเสิร์ตอีก คอนเสิร์ตแรกของปี

    สนุกสนานจนเปิดเทอม เรียกได้ว่าประสบพบเจออะไรใหม่ ๆ มาก เทอมหนึ่งมีวิชาที่ต้องทำงานวิดีโอทั้งหมด 4 ตัว แล้วเรากับเพื่อนสนิทได้ไปรวมกลุ่มทำงานกับอีกกลุ่ม ซึ่งปกติก็รู้จักกันอยู่แล้ว แต่ไม่เคยทำงานกลุ่มด้วยกันมาก่อน ยิ่งงานโปรดักชั่น ประสบการณ์ร่วมงานเป็น 0

    จากนั้นก็ทำงานมาเรื่อย ๆ ถึงงานวิดีโอตัวที่ 2 จุดนี่แหละที่เกิดคำถามกับตัวเองขึ้นมา คือ "ฉันมาทำอะไรที่คณะนี้นะ" ไม่รู้สึกเอนจอยกับงานเลย จริง ๆ รู้ตัวมาตลอดว่าไม่ชอบงานออกกอง ไม่ชอบงานโปรดักชั่น แล้วจะมาคณะนี้ทำไมนะ 5555555 
    ความรู้สึกมันอยู่จนถึงงานสุดท้าย ระหว่างทางนั้นไม่มีความสุขกับงานเลย เหนื่ือยมาก ๆ รู้สึกแรงที่ลงทุนไปไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่กลับมา สิ่งที่เจอกลายเป็นเพิ่มทรอม่าเข้ามาในชีวิตหนึ่งอย่าง เสียสุขภาพจิต สุขภาพร่างกาย ร้องไห้เยอะมาก ๆ ปกติบ่นอยากกลับบ้านมาตลอด แต่ก็แค่เพราะอยากกลับบ้านไม่อยากเรียน ขี้เกียจจจ อะไรแบบนี้ แต่คราวนี้คือ อยากกลับบ้านที่ที่เป็นเซฟโซนของเรา มีแมว มีแม่ อยากหนีไปจากตรงนี้สักที 

    มีอาทิตย์หนึ่งเป็นอาทิตย์มหาโหด ตอนนั้นคือเกินขีดจำกัดร่างกายไปแล้ว นอนได้ 1-2 ชั่วโมง แล้วต้องตื่นไปทำงานต่อที่ห้องเพื่อน เจอเพื่อนปัปยืนร้องไห้ ทำไมแค่จะดูแลตัวเองให้ดี ๆ มันยังทำไม่ได้ คือไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ เพราะเราเป็นคนที่รักตัวเองมาก ๆ เราไม่เคยฝืนให้ตัวเองทำสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ก็คือไม่ ไม่มีความสุขคือไม่ทำ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ตอนนี้มันกลับตาลปัตรไปหมด จากที่ไม่ร้องไห้ ร้องไห้เกือบทุกวัน แค่อยากจะได้ตัวเราก่อนหน้านี้กลับมา แต่พอผ่านจุดนั้นมา ตัวเราก่อนหน้านั้นมันก็ไม่มีอีกแล้ว มีแค่เราที่อยู่ตอนนี้

    ถ้าเห็นจากรูปปกของบล็อคนี้ คือคำที่เราจะให้กับปี 3 เทอม 1 เลย งาน, work, 工作 
    จะเป็นบ้าให้ได้ตอนนั้น พอผ่านมันมาได้ก็เอ่อออ เก่งเนาะตัวฉัน แต่อย่าเจอแบบนั้นอีกเลย

    ช่วงเวลา 1 เดือนครึ่งที่เจอกับเรื่องราวต่าง ๆ ทำให้เราเห็นตัวเองชัดเจนยิ่งมากยิ่งขึ้นว่า 
    "กูมาทำอะไรที่คณะนี้วะ" มันจริงมากขึ้น คือมันจริงไปแล้วนั่นแหละ 
    เราในตอนมัธยมที่มองหาคณะที่เหมาะกับตัวเองไม่ได้ เลยชี้ว่าคณะนิเทศฯนี่แหละ ที่จะเป็นคณะที่ฉันพอจะไปได้ โอ๊ยยย อยากจะกลับไปหยิกตัวเอง ช่วงที่ผ่านมามีหลายแว๊บมากเลยที่คิดว่า 

    "ทำไมไม่เรียนจีนต่อให้มันจบๆ" 

    เพราะเราเรียนภาษาจีนมาตลอดชีวิตตั้งแต่อนุบาล ยันจบม.6 ถึงจะไม่ได้ดีมาก แต่ก้คิดว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่น ถ้าไปต่อทางนั้นน่าจะเห็นตัวเองในอนาคตที่ชัดมากกว่านี้
    ตอนนี้เคว้งมาก เราจะเลือกความฝันไปทำไมวะ จะรักนิยายอะไรขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีกว่าสิ่งพิมพ์ที่ชอบมันไม่ได้รองรับมากแล้วในตอนที่จะจบไป ใครๆ ก็ทำได้ คณะที่จะเรียนไม่มีสอนนะ แต่ก็ยังเลือกที่จะไป แต่ไม่ไปเรียนภาษาจีนต่อ ซึ่งน่าจะไปได้ดีกว่าตอนนี้ 

    รู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาที่เรียนในคณะนี้ไป ถามว่าเก่งกว่าคนอื่น โดดเด่นกว่าคนอื่นไหม ก็ไม่ แค่ทำเป็น อย่างที่ถ้าใครได้ลองทำก็ทำได้ กล้อง ไฟ อาร์ต ไม่เก่งอะไรสักอย่าง
    อย่างงานเขียน สิ่งที่มั่นใจมาตลอดว่าทำได้ดี ตอนนี้กลับมองว่าโคตรเห่ย ไม่เห็นจะเก่งเลย ไอเดียที่เสนอในการทำงานไป ไม่เห็นจะได้ต่อยอดไปทำงานเลย ไม่เก่งอะไรสักอย่าง แต่จะเข้าสังคมก็ยังไม่เก่ง

    ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเดินผิดทางเลย ที่ผ่านมาเราไม่มีทางเดินด้วยซ้ำไป แต่ว่าตอนนี้เรากลับเห็นตัวเองกำลังเดินไปผิดทางอะ มันอาจจะผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ตอนนี้มาผิดทางไปแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องเดินไปทางไหนต่อ ฝึกงาน ธีสิส เครียดกับมันมาหลายเดือนแล้ว สิ่งที่เราอยากเรียนกับสิ่งที่เรียนไม่เหมือนอย่างที่คิดเลย แอบเสียใจเล็ก ๆ กับสิ่งที่ตัวเจอ

    ถ้านับเวลาที่ได้ทำงานโปรดักชั่นนับจริง ๆ ก็ทำมาได้ 1 ปีกว่า ๆ นับไอเดียของเราที่ถูกเลือกคือมีแค่งานเดียวเอง ซึ่งเป็นงานที่ผ่านไปไม่นานมานี้ ไม่รู้ว่าถูกเลือกเพราะเลือกไปเถอะ ไม่มีเวลาแล้ว เป็นงานออกแบบรายการที่ต้องทำกราฟิก พยายามทำมันอย่างเต็มที่ แต่ว่าก็ออกมามาได้ดีอย่างที่คิดไว้เท่าไหร่ แต่มันก็เป็นงานที่เราชอบนะ

    จริง ๆ ช่วงเทอมหนึ่งทำให้เราไม่อยากจะทำงานวิดีโอแล้ว ไม่อยากออกกองยิ่งกว่าเก่า ประสบการณ์ที่ไม่ดี ย่อมสร้างบาดแผลเสมอ แน่นอนว่าอนาคตก็อาจจะเจอที่ดีกว่าก็ได้ 

    เพื่อนเคยพูดกับเราว่า "กูรู้สึกไม่เจ๋งแจ๋วเหมือนเมื่อก่อนแล้วอะ" จริงเลย เราไม่รู้สึกว่าเราเก่ง เราเจ๋งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว 
    และประมาณวันสองวันที่แล้ว เราพึ่งเจอที่โพสต์หนึ่งที่พูดถึง Prime time ทุกคนต่างมียุคทองของตัวเอง เราก็คิดว่าช่วงยุคทองของเรามันผ่านมารึยังนะ ตอนที่เรียนเก่งตอนม.ต้น-ปลาย ตอนนั้นนับว่าเป็นยุคทองของเราไหม หรือว่ายังไม่ใช่ เพราะตอนนั้นก็มีคนที่เรียนเก่งกว่าเราอีก

    หรือจริง ๆ แล้วเรามันก็เป็นแค่คนธรรมดาที่อยู่ในโลกที่มีผู้กล้าไปปราบจอมมาร เป็นคนที่ใช้ชีวิตเรื่อย ๆ จนตายก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องราวให้ได้เล่าขานต่อ

    ช่วงเวลาในมหาลัยยิ่งย้ำเตือนเราว่าเราไม่เก่งอะไรเลยสักอย่าง สิ่งที่เราคิดว่าเราเก่งมาตลอด มันก็กลายเป็นแค่สกิลก๊อกก๋อยที่มี ไม่ได้เก่ง หรือดีเด่นไปกว่าคนอื่น 

    ไม่รู้ว่าเพราะช่วงวัยเปลี่ยน หรือเพราะเหตุการณ์ที่เจอ หรือทั้งหมดรวมกัน มันกลายเป็นการเติบโต แต่การโตขึ้นไม่สนุกเลย โตขึ้นแล้วโคตรจะเห่ยเลย

    เราก็ได้แต่หวังว่าตัวเราที่ตอนนี้รู้สึกว่าไม่เก่งอะไรสักอย่าง ในอนาคตจะได้กลับมารู้สึกว่าเก่งอีกครั้ง ไม่ว่าจะไกลจะใกล้ อยากกลับมาเก่งเรื่องงานเขียน ที่ถึงแม้ตลอดมาจะคิดว่าตัวเองไม่เก่งมาตลอดนั่นแหละ แต่ไม่เคยรู้สึกมากขนาดนี้ ตอนนั้นก็แค่มองว่าไม่เก่ง ไม่เป็นไร งานเราคงไม่ได้น่าสนใจ แต่ความรู้สึกตอนนี้คือ ไม่เก่ง กาก เห่ย ตัวเราไม่เก่งอะไรเลย

    ไม่ชอบตัวเองในเวอร์ชั่นนี้สักเท่าไหร่ จะปลอบใจด้วยคำพูดอะไรก็ช่วยได้ไม่มาก ตอนนี้ก็มาอัพเดทชีวิต ความรู้สึกถึงแค่ตรงนี้ 

    อีกเดือนก็ต้องยืนฝึกงานแล้ว ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ก็กลับมาอัพเดทต่อแน่นอน ตอนนี้มันกลายเป็นบันทึกการเติบโตของเราไปแล้วล่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in