เหตุจากเราขาดความต่อเนื่องจากเนื้อเรื่องสองตอนที่ผ่านมา เราจึงจะทำการย้อนความสักนิดสักหน่อยพอเป็นพิธี นั้นคือ ตอน(1)ไม่มีเนื้อหาอะไรมีแต่น้ำ ตอนที่(2)ว่าด้วยการดูโขนเรื่ององคตยศยงที่โรงละครแห่งชาติ...
จบการย้อนความ!
รายละเอียดติดตามได้ในตอนที่แล้ว
.
.
เวลาที่เดินออกจากบริเวณโรงละครแห่งชาตินั้นก็เป็นเวลากว่าสี่โมงเย็นแล้ว จำได้ไหมว่าข้าตื่นตอนสิบโมงกว่า อาบน้ำอย่างลอยชาย แล้วก็เดินมาขึ้นรถเมล์เลย เมื่อถึงสนามหลวงก็ตรงเข้าไปดูโขนเลยเช่นกัน...ยัง ยัง ยังไม่ทันสำเหนียกอีก ว่านี้ยังไม่ได้กินข้าวสักมื้อเลยเฮ้ย! สี่โมงเย็นกว่าๆ แล้ว!!
ไม่ต้องทุกข์ร้อนไป
เพราะท่านสามารถหาของมายัดลงท้องได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ท่านเดินมาทางขวามือ(ถ้าหันหน้าเข้าหาโรงละคร) แล้วข้ามถนนอันใหญ่โตไปยังฝั่งตรงข้ามได้ ท่านก็จะได้ยัดชีสสสสสสจำนวนมากเข้าไปในท้อง เพราะที่นั้นมีร้าน ลันตาพิซซ่า ตั้งอยู่!!!
ชีสทั้งนั้น ยัดเข้าไป
เนื่องจากไปกันสองคนหญิงสาวตัวน้อยอายุมาก ท้องไม่ครากเหมือนแต่ก่อนเก่า อาหารที่สั่งจึงมีเพียงเล็กน้อย แถมยังไม่ได้สั่งพิซซ่าเสียด้วย คนขายไม่งงแค่นั้นพวกเราก็ดีใจ รีบยัดชีสเหล่านั้นลงไปในกระเพาะ
ผลสรุปว่า
เอ้า!! เฮ้ย!! กินไม่หมด....
....
แค่นี้ก็ยังกินไม่หมด...
บางที...เราคงจะแก่กันกว่าเก่าก่อน "มาก" แล้วจริงๆ...
.
.
.
จบเรื่องการมากินอะไรแถวๆ สนามหลวงอันเป็นเรื่องราวแสนเศร้าไปแล้ว
เราก็มาต่อกันที่ไฮไลต์สำคัญของทริปคนขี้เกียจทริปนี้ นั้นก็คือการมา "ยืนเล่น" ที่สนามหลวง
ใช่แล้วละ "ยืนเล่น" ไม่เดิน ไม่นั่ง แต่เรา จะ ยืน!
พระอาทิตย์ยังอยู่ตรงนั้นไง อยู่นั่นไง
เวลาห้าโมงกว่า พระอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้าแต่ก็ไม่ได้ฉายแสงแดดแรงกล้าแบบเมื่อตอนบ่ายโมง ที่สำคัญลมฤดูร้อนก็พัดมาให้ความรู้สึกเย็นสบายแบบเบาๆ แค่นั้นก็น่าจะเป็นเหตุผลอันเพียงพอให้เรามายืนเฉยๆ อยู่กลางสนามหลวงแล้ว แต่การได้ยืนดูกิจกรรมต่างๆ อันเกิดขึ้นบนสนามหลวงกลับยิ่งทำให้การ "ยืนเล่น" เป็นสิ่งที่เราอยากจะนำเสนอมากขึ้นไปอีก
ที่เด็ดๆ เลยก็คือ
การยืนดูว่าวหลายสิบตัว บินฉวัดเฉวียนบนท้องฟ้าสีฟ้าอมส้ม บางตัวก็บินโดดๆ อย่างสง่างาม บางสองตัวก็กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงราวกับกำลังโรมรันโจมตีกัน บวกกับเสียงพากย์สุดมันส์ของคุณลุง ที่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณลุงกำลัังพากย์ว่าวคู่ไหน และตัวคุณลุงอยู่ตรงไหน เพราะเรามายืน เราไม่ได้มาเดิน เราเลยไม่ได้เดินไปตามหาตัวคุณลุง ได้ยินแต่เสียงลอยมาไกลๆ
ระหว่างนั้นเราก็ยังได้ยืนดูนกฝูงหนึ่งซึ่งบินต่ำ ผ่านหัวเราไปมา พวกมันส่งเสียงเจื้อยแจ้วยังกับพูดภาษาคน สังเกตด้วยสายตาเบลอๆ แล้วก็พบว่าพวกมันมีสีสันสวยงาม นี้มันไม่ใช่นกกระจิบนกกระจอกงอกง่อยที่ไหน มันคือนกแก้ว...และหลังจากบินผ่านหัวเราไปมาอยู่นานสองนาน ไม่นานผู้เป็นเจ้าของก็มายืนกลางแขนออกให้พวกมันร่อนลงมาเกาะ
โอ้ มาย ก้อด...
ยอมรับว่า ตื่นเต้นมาก นี่คือการพานกแก้วมาบินเล่น...โอ้วววว
เหมือนกับที่พวกคุณพาน้องหมาตัวใหญ่ไปเดินเล่นตอนเย็นๆ นั้นแหละ แต่ที่สนามหลวงแห่งนี้ คุณจะได้พบกับ การพานกมาบินเล่น พานกมาออกกำลังกาย!!!
ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า นกจะแสนรู้ขนาดนี้
ระหว่างที่เราแอบถ่ายรูป(อย่างใกล้ชิด) นางยังกระโดดมาเกาะนิ้วเราด้วย เฮ้ย!! กลัวคนแปลกหน้า(ที่หน้าตาแปลกๆ) บ้างไหมเนี้ย เราคงทำหน้าตกใจมากเกิน น้องเจ้าของนกเลยยื่นมือมารับนางคืนไปพร้อมบอกเราเบาๆ ว่า เจ้าตัวนี้มันชอบถ่ายรูปนะ แน่ะ แสนรู้ไม่พอ ชอบออกกล้องด้วย
ว่าแล้วก็แชะภาพเดี่ยวนางมา
นกแก้วผู้ชอบออกกล้อง
นั่นเป็นเพียงสิ่งเด็ดที่เรานำเสนอให้แก่พวกคุณ
ยังมีกิจกรรมอื่นๆ แปลกๆ สนุกๆ ให้คุณได้ยืนดูอีกมาก...
ไม่เชื่อก็ลองหาเวลามาทำอะไรแถวๆ สนามหลวงเอาเองละกัน มาลอง มาค้นหาว่ามันเป็นอย่างที่เราโม้หรือไม่!! เพราะว่าเรื่องราวของเราคงจะต้องจบลงเท่านี้
ไว้พบกันใหม่ในการเที่ยวอย่างยืดเยื้อครั้งหน้า!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in