เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MOSTLY CLOUDY มีเมฆเป็นส่วนมากSALMONBOOKS
คำนำ

  • เมื่ออ่านต้นฉบับของหนังสือเล่มนี้จบ เราเหม่อไปนอกหน้าต่าง คิดถึงวันที่จะไม่ต้องคิดว่าควรเขียนคำนำสำนักพิมพ์ว่าอะไรดี เพราะเราจะมี ‘โปรแกรม’ มาคอยเขียนให้ 

    เป็นคำนำสำนักพิมพ์ชั้นดีที่สามารถทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าหนังสือเล่มนี้พูดถึงอะไร น่าสนใจขนาดไหน และทำไมถึงควรรีบหยิบมันไปจ่ายเงินเพื่อนำกลับบ้าน

    เช่นเล่มนี้ มันอาจเกริ่นนำถึงความเรียงทั้ง 30 บทของ ทีปกร วุฒิพิทยามงคล ว่าเป็นนักเขียนที่ผู้อ่านส่วนใหญ่อาจรู้จักจากหนังสือแนววาดเขียน โดยต้องแอบบอกผู้อ่านไปด้วยว่าที่จริงทีปกรยังเป็นโปรแกรมเมอร์ เป็นผู้ก่อตั้งเว็บบล็อกยอดฮิต exteen.com ทั้งยังเป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสารหลายหัว หนึ่งในนั้นคือคอลัมน์ Head in the Clouds ของนิตยสาร GM ที่ว่าด้วยเทคโนโลยี ซึ่งเป็นที่มาของหนังสือที่กำลังอยู่ในมือผู้อ่านนี่เอง

    จากนั้น มันอาจพูดถึงความน่าสนใจของเทคโนโลยีแบบกว้างๆ ก่อนเพื่อปูเรื่อง เช่น “บนหน้าหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย เรามักเห็นข่าวที่ว่านักวิทยาศาสตร์หรือนักประดิษฐ์ได้เปิดเผยแนวคิดประหลาดล้ำที่อาจเปลี่ยนโฉมโลกใบนี้ หรือสิ่งประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่อวดอ้างว่าจะเดอะนิวโน่น เดอะเน็กซ์นี่ออกมาให้เราได้ฮือฮาอยู่เสมอ” นั่น! เห็นไหมว่ามันจะไม่ลืมเล่นคำแบบทีเล่นทีจริงให้เหมือนกับคำนำของสำนักพิมพ์แซลมอนในเล่มก่อนหน้าด้วย

    มันจะต่อด้วยประโยคที่มีความขัดแย้ง ซึ่งจะเป็นจุดที่ดึงความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้ “ท่ามกลางความก้าวหน้า มีความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับมนุษย์อย่างหลากหลาย บางกลุ่มดีใจและตื่นเต้น วิทยาศาสตร์พาเราให้ก้าวต่อไป ทิ้งความเชยช้าล้าหลังเอาไว้...แต่ขณะเดียวกัน บางคนกลับกลัว เพราะการพัฒนาหมายถึงการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างบางอย่างที่เราไม่คุ้นเคย ปลายทางคืออะไรยังไม่รู้ ต่อให้ดูเป็นมิตรแต่ใครจะไปรู้ได้ว่าในหมอกเมฆจะไม่มีหลุมลึกหรือสัตว์ร้ายซ่อนอยู่?”

    ชัวร์! มันต้องเขียนอะไรที่เกี่ยวข้องกับชื่อหนังสือสักหน่อย เมื่อเป็น MOSTLY CLOUDY มีเมฆเป็นส่วนมาก จะไปรอดเรื่องเกี่ยวกับเมฆได้ไง? “แนวคิดการพัฒนาเป็นเหมือนกลุ่มเมฆสวยแต่ก็อยู่สูงลิบ เมื่ออยู่ในระยะสัมผัส ยูสเซอร์อย่างเราก็ได้แค่เดินเพลิดเพลินอยู่ในกลุ่มหมอก ว้ายว้าวไปตลอดทางตามคำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ต่อให้ฉุกคิดได้ว่าควรจะระมัดระวัง แต่ต่อให้พะวงหน้าระวังหลัง เราก็ไม่รู้ได้หรอกว่าอะไรกำลังรออยู่ตรงทางออก อาจเป็นมังกรที่แสนดุร้าย—หรือราชสีห์ผู้ภักดี—ก็ได้”

    ...ถึงตรงนี้โปรแกรมน่าจะต้องรู้แล้วว่า ย่อหน้าล่าสุดซีเรียสจนอาจทำให้หนังสือเครียดเกินไป ทั้งที่แทบทุกตอนนั้นสนุกและชวนให้เรานึกถึงโลกแห่งอนาคตที่กำลังรอเราอยู่ไม่ไกล—ซึ่งแน่นอนว่าโปรแกรมจะต้องแก้ไขได้อย่างทันท่วงที

    แค่นี้ก็ได้คำนำแล้ว! เป็นโปรแกรมที่สะดวกดีเหลือเกิน! 

    ทีนี้ก็เหลือแค่บทลงท้าย ซึ่งโปรแกรมเองน่าจะสามารถประมวลคำที่ดูเป็นมิตรต่อผู้อ่านที่แสดงความจริงใจได้ว่าเราก็ชอบหนังสือเล่มนี้มาก และเราอยากให้คนอ่านได้อ่านเหมือนกัน

    คำที่ใช้น่าจะต้องเป็นคำที่เราใช้จนเป็นเอกลักษณ์ อย่างเช่น “หวังว่าคุณจะสนุก”

    อย่าลืมส่งยิ้ม
    :->

  • ก่อนจะอ่านบรรทัดนี้คุณอาจจะเพิ่งกดเช็กอินพิกัดศูนย์ประชุมสิริกิติ์ฯ เพิ่งขอลายเซ็นและถ่ายรูปเซลฟี่คู่กับแชมป์—ทีปกร วุฒิพิทยามงคล หรือคุณอาจจะเพิ่งกลับมาถึงบ้าน แล้วแชร์ภาพหนังสือใส่โซเชียลมีเดีย

    เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไป ไม่แปลกอะไรที่มันทำให้ชีวิตของเราทุกคนเปลี่ยนตาม

    แต่จุดที่น่าสนใจคือ ผมคิดว่าเทคโนโลยีทำให้เราเปลี่ยนไปในรูปแบบเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน พอมารวมกันเข้าเป็นหมู่มวลขนาดใหญ่ ความเปลี่ยนแปลงในตอนนี้กำลังจะทำให้พวกเรากลายเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ที่เติบโตไปพร้อมกัน จึงทำให้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พอจะทำนายได้ว่าจะเป็นเทรนด์สำหรับชีวิตในอนาคตของพวกเรา

    คุณอาจจะแย้ง ...ฮะฮ่า!! เปล่าซะหน่อย ฉันดาวน์โหลดอีบุ๊คเล่มนี้มาโดยชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ ...เปล่าซะหน่อยฉันเรียกแท็กซี่ Uber ออกจากบ้านไปซื้อมาจากร้านหนังสือเล็กๆ เพราะฉันอยากสนับสนุนสายการผลิตหนังสือกระดาษให้ยืนยาวต่อไป ฯลฯ

    ไม่ว่าอะไรจะพาคุณมาถึงบรรทัดนี้ มันก็หนีไม่พ้นคำ อธิบายเรื่องผลกระทบต่อสังคมโดยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่คุณกำลังจะได้อ่านอย่างละเอียดในหนังสือเล่มนี้ MOSTLY CLOUDY มีเมฆเป็นส่วนมาก

    แชมป์—ทีปกรทำงานอะไรหลายๆ อย่าง เป็นผู้ก่อตั้งชุมชนออนไลน์ยอดฮิต เป็นนักวาดการ์ตูน เป็นเจ้าของแฟนเพจแก๊กตลก เป็นคนเลี้ยงแมวน่ารัก เป็นพิธีกรรายการทีวี

    สำหรับผม ผู้ที่ได้อ่านต้นฉบับทั้งหมดนี้ก่อนใคร เดือนละเรื่องๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าแชมป์เป็นนักวิชาการสมัครเล่น และเป็นนักจับตาเทรนด์ บทความของเขาโดยส่วนมาก นำพาให้ผมไปทำความรู้จักกับแนวคิดดีๆ จากหนังสือเท็กซ์ใหม่ๆ แล้วขยายความคิดออกไปอธิบายปรากฏการณ์ใหญ่ๆ รอบตัว

    ราวกับว่าเขารู้ ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ผมควรรู้ ก่อนที่ผมจะรู้ตัว ตั้งข้อสังเกต หรือตั้งคำถามกับมันเสียอีก

    ต้องบอกกันก่อนว่าต้นฉบับชุดนี้อ่านแล้วเหนื่อยหน่อยนะ เพราะมันเต็มไปด้วยคอนเซปต์แปลกๆ และคำศัพท์ใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา และแชมป์ก็ไม่ประนีประนอมที่จะทำให้มันบางเบาลง

    ผมเดาว่าแชมป์ต้องการเก็บแนวทางการทำงานชุดนี้ไว้ เพื่อให้เป็นพาร์ตซีเรียสๆ ของชีวิตเขา ภายใต้เนื้อหาอื่นๆ ที่เขาสร้างสรรค์ออกมาให้สนุกสนาน เบาสบาย แชมป์มีพาร์ตชีวิตที่ซีเรียสๆ แบบนี้เป็นรากฐานรองรับไว้

    อย่างไรก็ตาม ขอให้เชื่อเถอะ ว่าความสนุกในการอ่านบทความของแชมป์อยู่ตรงนี้ ตรงที่เราแค่หัวเราะหึหึ แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองว่า เออ ใช่! กูก็เป็น

    ความคิดในใจเรา พฤติกรรมที่เราแสดงออก สิ่งที่เรานึกว่ามีแต่เราเท่านั้นที่พบเจอหรือรู้เห็นในโลกออนไลน์ แชมป์เขียนอธิบายถึงมัน

    ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ เขาทำนายได้ เพราะเขาเป็นนักจับตาเทรนด์

    เทรนด์ใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่มันเคยกระจัดกระจายยิบย่อยกันมานานตลอดทศวรรษที่ผ่านมา...เรื่องนี้แชมป์ไม่ได้พูดไว้ แต่ผมขอพูดเอง

    เพราะเห็นมีหลายคนเชื่อในเรื่องเทรนด์จิ๋วหรือซับคัลเจอร์ต่างๆ ผมคิดว่ามันก็คงดำเนินของมันไปเรื่อยๆ เปรียบเหมือนก้อนเมฆที่ล่องลอยกลาดเกลื่อนอยู่บนฟ้า

    จนกระทั่งเมื่อเทรนด์ใหญ่ก่อตัวขึ้น เจเนอเรชั่นของเรากำลังเติบโตขึ้นไปพร้อมกัน เราคิดและทำอะไรคล้ายๆ กัน ท้องฟ้าจะไม่ได้มีแค่เมฆเป็นบางส่วน

    ลมมรสุมแห่งเทคโนโลยีดิจิทัล กำลังพาเมฆมารวมกันจนกลายเป็นเงาทะมึนเคลื่อนใกล้เข้ามาเหมือนในหนัง ID4

    เจเนอเรชั่นของผมจะเรียกเงาทะมึนบนฟ้าว่า ‘ID4’ เจเนอเรชั่นก่อนหน้าผม คุ้นๆ ว่าเคยได้ยินคนเรียกกันว่า ‘บรรยากาศมาคุ’ เจเนอเรชั่นนี้จะเรียกมันว่าอะไรก็ไม่รู้ แต่หนังสือ MOSTLY CLOUDY มีเมฆเป็นส่วนมาก เป็นจุดเริ่มต้น

    หนังสือ MOSTLY CLOUDY มีเมฆเป็นส่วนมาก จะเป็นหลักไมล์สำคัญแห่งปี พ.ศ. 2558 ที่แสดงให้เห็นว่าพวกเราส่วนมากในวันนี้กำลังบ่นพึมพำกับตัวเองตรงกันว่า “เออ ใช่! กูก็เป็น” เมื่อได้อ่านมัน

    เราอาจจะไม่มีสัตว์ประหลาดจากต่างดาวมาถล่มโลก แต่เราจะมีเทรนด์ใหญ่ของวิถีชีวิต สังคม วัฒนธรรม แม้กระทั่งอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความรัก ความเกลียดชัง ความอับอาย ฯลฯ ทุกอย่างจะถูกแขวนลอยอยู่ในเมฆทะมึนก้อนนี้

    บทความ 30 เรื่องเปรียบเป็นเมฆ 30 ก้อน เมื่อนำมารวมเข้าไว้ด้วยกัน จะแสดงให้เห็นว่าเรากำลังเคลื่อนไปพร้อมกัน ในทางเดียวกัน และกำลังรวมตัวกัน

    ผมคิดเอาเองตามประสาคนที่เฝ้าติดตามอ่านบทความของเขา ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะเห็นด้วยหรือเปล่า 

    บางทีเมื่อคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ก็น่าจะลองถ่ายภาพแชร์ใส่โซเชียลมีเดีย แล้วติดแท็กไปใส่เขา เพื่อลองถามความเห็นของเขาดู
                                                                                                               บรรณาธิการบริหารนิตยสาร GM

  • เรากำลังอยู่ในช่วงรอยต่อของยุคสมัย วิชาประวัติศาสตร์จะจดจำเบื้องหลังของเราในฐานะ ‘ยุคก่อนอินเทอร์เน็ต’ เบื้องหน้าเราจะถูกจดจำในฐานะยุคแห่งเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร เมฆหมอกที่บังตาทำให้เราเห็นข้างหน้าไม่ชัด สายตาของเราพร่ามัวด้วยแสงสีที่เรียกร้องความสนใจ เมื่อเราสาวเท้าไปข้างหน้าเท่านั้น ความจริงจึงจะปรากฏ

    เป็นยุคสมัยที่ตื่นเต้น แต่ก็น่าสะพรึง ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของคำสัญญาที่นักเทคโนโลยีบอกว่าสิ่งใหม่ๆ จะนำชีวิตใหม่ๆ ที่สนุกสนาน สะดวกสบาย และดีพร้อมมาให้เรานั้น พร้อมกัน เสียงก่นด่าก็ดังจนแสบแก้วหูว่ายุคมืดกำลังจะมาถึงด้วยเงื้อมมือเดียวกัน

    ความเคลื่อนไหวจากสิ่งที่จับต้องได้ไปสู่สิ่งคล้ายควันจากสิ่งที่ตาเห็นไปสู่จินตนาการ ทำให้เราเกิดความมั่นใจไปพร้อมๆ กับที่ไม่มั่นใจ ศัพท์แสงแห่งเทคโนโลยีถูกแต่งแต้มด้วยมายาของการโฆษณา ปัญญาประดิษฐ์แบบ Deep Learning Big Data รถยนต์อัจฉริยะ เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องพิมพ์สี่มิติ Quantum Computing กระทั่งการเก็บข้อมูลบนหมู่เมฆ ที่ฟังดูโรแมนติกมากกว่าจะเป็นคำที่เกิดจากมันสมองของเนิร์ดในซิลิคอน วัลเลย์ ทั้งหมดเหมือนจะบอกอะไรกับเรา แต่ก็ยังคล้ายกับว่าพวกมันซ่อนความลับบางอย่างไว้ จากคนที่รู้ไม่เท่าทัน

    บนรถไฟที่วิ่งเร็วจนหากใครเผลอก็อาจตกขบวนได้ง่ายดาย ขึ้นมาชมวิวด้วยกันไหมครับ อาจไม่เห็นอะไรชัดนัก เพราะวันนี้มีเมฆเป็นส่วนมาก แต่อย่างน้อย เราก็อาจพอเห็นเค้าลางของเมฆเหล่านั้น ว่าพวกมันกำลังจะก่อตัวเป็นอะไร

    เป็นเมฆขาวในวันฟ้าใส หรือเป็นเมฆครื้มฟ้าคะนองที่จะสาดฝนซัดใส่เราในไม่ช้า

    พกร่มมาด้วยนะครับ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in