เมื่อประสบการณ์เพิ่มพูนและคอนเน็กชันยืดยาวออกไป ส่งผลให้เดวิดเริ่มได้งานเปิดแผ่นที่อังกฤษด้วย เขาไปๆ มาๆ ระหว่างอังกฤษและไอร์แลนด์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้รู้จักกับดีเจอีกคนที่ชื่อ แอชลีย์ บีเดิล แล้วร่วมกันทำงานในสตูดิโอโดยโปรดิวซ์เพลงชื่อ DeNiro ในนาม Disco Evangelists และมันก็กลายเป็นเพลงดังตามแดนซ์ฟลอร์อยู่ช่วงหนึ่ง
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่น่าประทับใจสำหรับการทำงานเพลงของ เดวิด โฮล์มส์ จนทำให้เขาเริ่มทยอยผลิตเพลงแดนซ์และเพลงรีมิกซ์ออกมาอีก
ปี 1995 เดวิดอายุ 26 ปี เขามีอัลบั้มแรกของตัวเองออกวางขาย มันมีชื่อกวนๆ ว่า This Film’s Crap, Let’s Slash the Seats นอกจากงานนี้จะโชว์คอนเน็กชันในแวดวงดนตรีได้ไม่น้อย เพราะเดวิดได้แขกรับเชิญอย่าง ซาร่า แครกเนล นักร้องนำของวง Saint Etienne มาช่วยร้อง และได้มือกีตาร์แนวโปรเกรสซีฟระดับตำนาน สตีฟ ฮิลเลจ มาช่วยเล่น แต่สิ่งที่น่าทึ่งมากๆ ก็คือคอนเซปต์ของงานนี้
เดวิดบอกว่า มันเป็นอัลบั้มซาวนด์แทร็กความยาวชั่วโมงกว่าๆ สำหรับ ‘หนังที่ยังไม่ได้สร้าง’
นอกจากเพลง No Man’s Land ที่ถูกแต่งขึ้นเพื่อสนองความรู้สึกประทับใจที่เขามีต่อหนังที่ว่าด้วยความวุ่นวายทางการเมืองและความสัมพันธ์ในครอบครัวของชาวไอร์แลนด์เหนือจากฝีมือการกำกับของ จิม เชอริเดน เรื่อง In the Name of the Father (1993) แล้ว ดูเหมือนว่าเพลงอื่นๆ ก็เป็นเพลงบรรเลงและสุ้มซาวนด์นานาชนิดที่เหมือนใช้ประกอบบรรยากาศแบบต่างๆ บางแทร็กก็ยาวเหยียดจนพร้อมจะเอาไปรองรับเรื่องเล่าอะไรบางอย่างได้เป็นอย่างดี
แล้วในที่สุดมันก็ถูกนำไปใช้ในหนังหลายๆ เรื่องจริงๆ เสียด้วยสิ!
เริ่มจากภาพยนตร์ซีรีส์ทางโทรทัศน์ชุด Supply & Demand (1998) ของผู้กำกับหญิง ลินดา เลอ เพลนเต้ คว้าหลายๆ แทร็กในอัลบั้มนี้ไปใช้ ส่วนหนังฟอร์มใหญ่ The Game (1997) ก็คว้าอีกแทร็กไปใช้ในหนังที่มีดารานำอย่าง ไมเคิล ดักลาส และ ฌอน เพนน์ แถมยังตามมาด้วย Meet Joe Black (1998) ที่มีดารานำอย่าง แบรต พิตต์ เสียด้วย
หนังเรื่องแรกที่ เดวิด ได้ทำเพลงประกอบให้จริงๆ (โดยตั้งใจ) ก็คือภาพยนตร์ทริลเลอร์ของ มาร์ก อีแวนส์ เรื่อง Resurrection Man (1998)
ถึงมันไม่ใช่หนังที่มีใครจำได้สักเท่าไหร่ แต่การไปใช้ชีวิตในนิวยอร์กเพื่อทำซาวนด์แทร็กให้หนังเรื่องนี้ก็เอาอะไรมาเพิ่มเติมให้กับชีวิตเดวิดไม่น้อย
อย่างหนึ่งก็คืออัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 2 ที่ชื่อ Let’s Get Killed ที่เขาตระเวนอัดเสียงต่างๆ ของมหานครนิวยอร์ก ทั้งเสียงบรรยากาศ เสียงบทสนทนาของผู้คนแล้วเอามายำรวมกับดนตรีหลากชนิดทั้ง เทคโน, ดรัมแอนด์เบส, ลาติน, บลูส์ และ แจ๊ซ กลายเป็นอัลบั้มที่ฟัง ‘คล้าย’ ซาวนด์แทร็กของอะไรสักอย่างอีกครั้ง แต่คราวนี้สื่อหลายแห่งยกให้มันเป็นงานชิ้นเยี่ยม นิตยสารดนตรีหลายเล่มก็พร้อมใจกันยกให้ Let’s Get Killed เป็นอัลบั้มดีเด่นประจำเดือน
ตอนนี้แหละที่ใครๆ ในอเมริกาเริ่มหันมาสนใจ เดวิด โฮล์มส์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in