“ไม่ได้”
พอบอกว่าจะทำหนังสือเกี่ยวกับความตาย แม่ผู้เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทำงานเกี่ยวกับการดูแลคนชรา และเป็นคนที่เห็นความตายมากที่สุดในบรรดาคนรอบข้างกลับห้ามผมตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม แถมถามกลับว่า ช่วงนี้มีอะไรหนักใจเหรอ? หัวไปกระแทกอะไรมาหรือเปล่า? หรือเป็นปัญหาเรื่องการงาน? ...ดูสิ นี่ขนาดผมคิดว่าแม่น่าจะเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุดนะเนี่ย
ความตายมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?
ทั้งที่โทรทัศน์ก็บอกอยู่เสมอว่า “การตระหนักถึงความตายเป็นเรื่องสำคัญ” แต่เพื่อนผม (และคนส่วนใหญ่) มักพูดถึงมันด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “งั้นเหรอ...”
เพราะอย่างนี้ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้หมกมุ่นกับ ‘ความตาย’ อย่างจริงจังสักครั้งในชีวิต
ทำหนังสือเล่มนี้ได้ไม่ถึงอาทิตย์ จากที่เคยร่าเริง ผมก็เริ่มซึมดูรายการตลกก็ขำไม่ออก เห็นฉากคนโดนยิงในหนังเรื่องโปรดอย่าง Die Hard ก็ยังนึกไปถึงเรื่องความตาย ตอนทำงานก็ยังเผลอคิดว่า “งานชิ้นนี้มันมีความหมายหรือเปล่า”
แม้จะหดหู่และหม่นหมองขนาดนี้ แต่ผมกลับชอบความรู้สึกแบบนี้นะ (หรือว่าเราเป็นโรคประสาทกันแน่)
ทุกทีที่ผมคิดถึงความตาย ผมจะรู้สึกเหมือนถูกชกสลบเหมือด เพราะความตายเป็นเหมือนสี่แยกใหญ่ยักษ์ที่มีเหตุการณ์และความคิดจำนวนมากวิ่งตัดผ่านกัน จนสามารถบอกได้ว่าทุกสิ่งในโลกนี้เชื่อมโยงกับความตาย
ต่อให้ผมจะนึกถึงมันมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความตายอยู่ดี
แล้วเพื่อที่จะก่อร่างแนวคิดเรื่องความตายในแบบฉบับของตัวเองได้ ผมก็ต้องรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความตายมาเรียบเรียงให้ตัวเองเข้าใจ
เริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัวก่อน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in