เวลาแนะนำตัวกับคนไม่รู้จัก เรามักจะเริ่มแนะนำด้วยอาชีพกันก่อนครับ สวัสดีครับ ผมต๊อด เป็นนักวาดภาพ สวัสดีค่ะ หนูพัด เป็นนักร้อง สวัสดีครับผมแบงค์ เป็นพ่อค้าปลา ฯลฯ ก่อนที่จะนำไปสู่สิ่งอื่นๆ
เคยคิดไหมครับว่า ถ้าเราไม่จำกัดความชีวิตด้วย ‘งาน’ เราจะเหลืออะไรอยู่บ้าง
สำหรับผมเองก็เคยมีคนถามว่า ถ้าไม่นับเรื่องงาน ในชีวิตมีเรื่องอะไรที่ผมสนใจอีก
ตอบยากนะครับผมว่า—เดิมทีผมชอบวาดรูป แต่ตอนนี้มันก็กลายเป็นงานไปแล้ว (ถึงจะยังชอบอยู่ แต่ก็เป็น ‘งาน’ ไปแล้ว ไม่ตรงกับคำถามนะครับ) เช่นเดียวกับการอ่านหนังสือที่ก็ต้องอ่านเพื่อทำงาน (เขียน) การทำเพจเฟซบุ๊คขำๆ จู่ๆ ก็กลายเป็นงาน (คือกลายเป็นหนังสือ กลายเป็นคอลัมน์) หยิบจับอะไรก็กลายเป็นงานไปหมด (คล้ายๆ หยิบจับอะไรก็กลายเป็นเงิน แต่อันนี้เป็นงานซึ่งอาจจะไม่ได้หมายความว่าเป็นเงินก็ได้) เมื่อเอางานออกจากชีวิตผมแล้ว ก็เลยดูเหมือนผมจะไม่ค่อยเหลืออะไรอย่างอื่นเลยที่สนใจ
แต่นั่นเป็นช่วงเวลาก่อนที่แมวจะเข้ามาในชีวิต
วันหนึ่งโคขุน (ชื่อแมว) ก็ตัดสินใจเดินดุ่มๆ เข้ามาในชีวิตผม (เขียนเหมือนอย่างกับจะแต่งงานกัน)
มัน
ไม่ได้ทำอะไรมากนะครับ วันวันหนึ่งมันก็เอาแต่นอน กิน ร้อง วิ่งพล่านอย่าง
เสียสติ เล่น เรียกร้องความสนใจ หงายพุง โพสท์ท่าให้ถ่ายอัปลงอินสตาแกรม—
คือไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน หรือเป็นงาน เป็นแมวไม่โปร-ดักทีฟ แต่
แมวไหนๆ ก็ไม่โปรดักทีฟทั้งนั้นแหละ—ฮ่า
แต่แค่ไอ้การมีอยู่ของมัน
เฉยๆ นี่แหละครับ ที่ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น บอกชัดเจนไม่ได้ว่ามีคุณภาพขึ้นตรง
ไหนกันแน่—แต่รู้ว่าไม่กลับบ้านก็มีคน (แมว) รอ นั่งทำงานอยู่ก็มีแมวมา
คลอเคลียแบบแรนดอม (คือเดาใจไม่ได้) ตื่นสายก็มีแมวมาขูดๆ ขีดๆ ที่
ประตู ทุบปลุกปึงปังว่าตื่นมาให้อาหารกูได้แล้ว! ชีวิตแบบนี้มันก็ดีเหมือน
กันนะครับ
ผมเลยเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อเล่าให้กันฟัง
และจากนี้ ถ้ามีใครมาให้ผมแนะนำตัวเอง—แบบที่ไม่เกี่ยวกับงานแล้ว ผมก็สามารถแนะนำตัวเองได้อย่างมั่นใจแล้วล่ะครับว่า
แฮ่ม—สวัสดีครับ ผมชื่อแชมป์ เป็นคนเลี้ยงแมวครับ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in