กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว(?) มีชนบทแห่งหนึ่งที่ห่างไกลความเจริญทางด้านวัตถุอยู่บนแผนที่ประเทศไทย ไม่มีแอร์เย็นฉ่ำอย่างในห้าง มีเพียงร้านขายของชำเล็กๆประจำหมู่บ้านแค่สามร้าน
ทุกๆวันที่ 14 ของเดือนจะมี "ตลาดนัด" ที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้ามาวางแผงตั้งร้านขายของกันอย่างคึกคักด้วยการเปิดเสียงเพลงตามสายให้ได้ยินกันทั้งหมู่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ปลุกเช้ากว่าผู้ใหญ่บ้านเสียอีกแน่ะ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ถึงสินค้าที่นำมาขายว่ามีสารพัดสิ่งที่ทุกคนต้องการ ตั้งแต่คุ ถัง กะละมัง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า พริกสด พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม มาเลือกมาชมกันก่อนได้จ้า
ด้วยความที่อยู่ชนบทแบบนี้ หัวใจจะลิงโลดทุกครั้งที่พ่อจะพาเข้าเมือง...
"พ่อขอแวะร้านหนังสือแปปหนึ่งนะ"
ประโยคที่ทำให้หัวใจพองโตได้ทุกครั้งที่ได้ยิน บรรยากาศร้านหนังสือที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของกระดาษที่เชิญชวนให้เราไปหยิบจับขึ้นมาอ่าน ดนตรีที่กำลังส่งเสียงบรรเลงขับกล่อมให้ตกอยู่ในภวังค์ของหนังสือที่อยู่ในมือ สมองสั่งการแกมบังคับในหัวว่า ซื้อสิ เอ็งถือไปจ่ายตังค์สิ แต่ไฉนเลยเด็กประถมจะมีตังค์ไปจ่ายล่ะคะ โธ่ ได้แต่ยืนแอบๆเปิดอ่านพอให้หัวใจชุ่มชื่นก็เป็นบุญหัวของบ่าวแล้วเจ้าค่ะ
ว่าแต่ว่าทำไมไม่มีร้านหนังสือแถวบ้านเราเลยแฮะ
นึกย้อนไปถึงชาติที่แล้ว(เดี๋ยวๆ เอ็งอย่าเว่อร์)ก็เจอเพียงนานทีปีหนจะมีรถเปิดท้ายขายหนังสือมาขายที่โรงเรียน เล่มละ 5 บาท 10 บาท 20 บาท ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทุกวันนี้ยังมีมาขายที่โรงเรียนอยู่อีกหรือเปล่า หนังสือที่เปิดท้ายเขาเอามาขายก็มีไม่เยอะหรอก เหมือนมีมาให้รู้สึกว่าบ้านเมืองเอ็งยังมีคนรักการอ่านอยู่นะ เอ็งอย่าท้อไปเลย หนังสือที่เอามาขายหลักๆที่ฮิตติดลมบนเลยคือประเภทนี้
ราคาจะย่อมเยาว์ประหนึ่งแจกฟรีก็ไม่ปาน(แต่ตอนนั้นมันแพงเอาเรื่องนะท่าน) จะเป็นแนวผีๆแบบนี้เยอะมากเป็นการ์ตูนภาพขาวดำ ตัวหนังสือจะดูหลอนๆหน่อย แต่ราคาก็พอจะมีปัญญาซื้ออ่านกับคนอื่นเขาบ้าง ไม่ตกเทรนด์แน่นอน เราก็จะเวียนกันอ่านกับเพื่อนบ้าง เล่าให้กันฟังบ้าง (แอบรู้สึกว่าตอนเด็กๆนี่เอ็งอ่านอะไรน่ากลัวแบบนี้ได้ยังไงฟะ)
เรายกให้รถเปิดท้ายขายหนังสือเป็นร้านหนังสือในความทรงจำอีกที่หนึ่ง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in