เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Movie จิปาถะNopportunity
One Cut Of The Dead
  • One Cut Of The Dead เป็นหนังที่ถูกยัดความไม่สมบูรณ์แบบลงไปเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบในตัวมันเอง


    --------------------------------------------------------


    “กูไม่ชอบดูหนังซอมบี้” ตัวหนังไม่ได้ผิดอะไร แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัวของผมเองที่อาจไม่ถูกจริตกับหนังประเภทนี้ ผมจึงปฏิเสธคำชวนเพื่อไปดูหนังเรื่อง “ซอมบี้ งับ ๆๆๆ” จากเพื่อนคนหนึ่ง


    One Cut Of The Dead เป็นหนังคอมเมดี้สัญชาติญี่ปุ่นที่ผมเคยอยากดูหลังจากที่ได้เห็นตัวอย่างหนังมาสักพักอยู่แล้ว แต่เนื่องจากไม่ได้ติดตามข่าวสารจึงไม่รู้ว่า หนังเรื่องนี้ถูกนำมาฉายในไทยภายใต้ชื่อ “ซอมบี้ งับ ๆๆๆ”


    หนังนอกกระแสที่อยู่ ๆ ก็เริ่มเป็นกระแสขึ้นมาในโลกโซเชียล โดยเฉพาะในหมู่มวลของคนทำหนัง คนชอบดูหนัง และเพจรีวิวหนังต่าง ๆ ทำให้ผมพึ่งจะรู้ว่าหนังที่ผมเคยอยากดู กับหนังซอมบี้ที่ผมปฏิเสธเพื่อนไปนั้นคือเรื่องเดียวกัน


    เพราะเป็นหนังนอกกระแสที่เข้ามาชนโรงกับหนังกระแสหลักฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง ทำให้ One Cut Of The Dead มีโรงฉาย และรอบฉายที่ค่อนข้างจำกัด แต่ก็โชคดีที่หนังเรื่องนี้ยังมีคนชอบมากพอที่จะยืนโรงมาได้กว่า 2 สัปดาห์ มีเวลามากพอที่ผมจะจัดสรรเวลาของตัวเองให้ไปดูได้ทัน


    --------------------------------------------------

    คำเตือน : เนื้อหาหลังจากนี้อาจมีการเปิดเผยเนื้อเรื่อง และวิธีการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ “One Cut Of The Dead ซอมบี้ งับ ๆๆๆ” การอ่านบทความนี้ก่อนชมภาพยนตร์อาจทำให้อรรถรสในการรับชมลดลง

    --------------------------------------------------


    ถ้าให้นิยามหนังเรื่องนี้แบบสั้น ๆ หนังเรื่องนี้คงเป็นหนังซ้อนหนังซ้อนหนัง เป็นหนังที่ฉายซ้ำฉาก และเหตุการณ์เดิมจากมุมมองที่ต่างกัน


    มุมมองของผู้ชม


    One Cut Of The Dead น่าจะเป็นหนังที่มีฉากเปิดตัวนานที่สุดเรื่องนึงที่ผมเคยดูมา เพราะตัวหนังเปิดด้วยการถ่ายแบบลองเทคยาวเกือบ 40 นาที ซึ่งอาจเป็น 40 นาทีที่ทรมานหลาย ๆ คน เพราะเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมายที่แม้แต่คนที่ไม่ใช่นักวิจารณ์หนังยังดูออก


    ถ้าหนังเรื่องนี้เป็นรายการประกวดความสามารถพิเศษทางทีวี คงจะถูกกรรมการกดกากบาท และไล่ลงจากเวทีตั้งแต่นาทีแรก ๆ โดยที่กรรมการเองก็อาจไม่รูตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะพลาดโชว์ที่ดีที่สุดชุดหนึ่งไป


    ผมไม่แน่ใจว่าในช่วง 40 นาทีแรกของหนังเรื่องนี้จะมีคนที่รู้สึกเสียดายเงิน แล้วลุกออกจากโรงไปก่อนหรือเปล่า ถ้ามีผมคิดว่าเขาควรจะเสียดายที่ไม่ได้ดูจนจบมากกว่า


    มุมมองของตัวละคร


    ช่วงที่ 2 ของหนังเป็นช่วงที่ยาวที่สุด เป็นการฉายซ้ำฉากลองเทคในช่วงแรก ผ่านมุมมองของตัวละครในเรื่อง และจากมุมมองนี้จะเป็นการเฉลยความไม่สมเหตุสมผล และข้อผิดพลาดในช่วงแรกอย่างสมเหตุสมผล


    คนที่กำลังจดข้อผิดพลาดต่าง ๆ เพื่อไปวิจารณ์ลงโซเชียลคงกำลังขีดฆ่าสิ่งที่ตัวเองเขียนไปทีละบรรทัด


    One Cut Of The Dead เป็นหนังที่ถูกยัดความไม่สมบูรณ์แบบลงไปเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบในตัวมันเอง


    ทุกบทพูด ทุกการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ และทุกมุมกล้อง มีที่มาที่ไป และถูกวางแผนอย่างละเอียด


    มุมมองของทีมงาน


    ช่วงที่ 3 เป็นเพียงช่วงสั้น ๆ ที่ถ่ายเบื้องหลังการถ่ายทำอีกที ทำให้เห็นเบื้องหลังการสร้างภาพความผิดพลาดที่ถูกตั้งใจใส่เข้ามา เป็นวิธีการทำงานภายใต้โจทย์ที่ว่า “ต้องถ่ายยังไงให้ดูเหมือนกับผิดพลาดจริง ๆ มากที่สุด”


    หนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่าหนังที่ดีไม่ใช่หนังที่สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เป็นหนังที่สามารถควบคุมความรู้สึกของเราได้


    หากใครรู้สึกเบื่อ งง หรือหงุดหงิด ในช่วงแรก นั่นแปลว่าตัวหนังได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แล้ว และถ้าใครที่ขำ และลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในช่วงที่ 2 นั่นคือสิ่งที่หนังต้องการให้คุณรู้สึกเช่นกัน


    One Cut Of The Dead เป็นตัวแทนของคำว่า “อย่าตัดสินใครตั้งแต่แรกเห็น” อย่างแท้จริง


    แม้ผมจะดูอวยหนังเรื่องนี้ไปสักหน่อย แต่ผมก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมว่า “กูไม่ชอบดูหนังซอมบี้” แต่หนึ่งในหนังที่ผมชอบที่สุดคือหนังซอมบี้เรื่องนี้ และเชื่อว่าต่อให้เปลี่ยนซอมบี้เป็นหมู หมา กา ไก่ ผมก็ยังชอบอยูดี เพราะการเล่าเรื่องที่ดี และนางเอกเรื่องนี้น่ารักมาก


    ปล.สาระสำคัญอยู่แค่ประโยคสุดท้าย ที่เหลือเกริ่นล้วน ๆ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in