วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2561
บุรุษที่ตายอย่างน่าสมเพช จัดเป็นชะตากรรมที่น่าสมเพช
ขอเกริ่นสักนิด ว่าในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเรียบเรียงถ้อยความสู่สายตาผู้อ่านนี้ ข้าพเจ้าเป็นเพียงวิญญาณซึ่งแยกขาดจากสังขารโดยสิ้นแล้ว แต่ด้วยนึกสนุกอย่างไรไม่ทราบ จึงอยากนำเรื่องราวที่ประสบครั้นเป็นผีเร่ร่อนมาแบ่งปันแก่มนุษย์ที่ยังมีชีวิตเสียหน่อย หวังว่าผู้อ่านจะเสพตัวอักษรอย่างมีวิจารณญาณ ตัวเลือกอยู่ในใจท่าน อ่านแล้วนึกอยากเชื่อก็ตามแต่ มิเชื่อก็ตามแต่ ข้าพเจ้าหาได้ประโยชน์อันใดไม่
กล่าวถึงโลกของวิญญาณเร่ร่อนกันก่อน ว่าด้วยคำถามยอดฮิตสุดคลาสสิคที่ชาวผีนิยมหยิบยกมาสนทนา “ท่านตายได้อย่างไร” ข้าพเจ้ามิใคร่เข้าใจนัก ว่าผีตนอื่นจะได้รับสิ่งใดจากคำถามนี้ ในเมื่อพวกที่ตายอย่างน่าเวทนาส่วนใหญ่นั้นแทบจำไม่ได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุการตายของตน จิตของผีกลุ่มนี้ไร้ซึ่งความสงบก่อนตาย แถมอายุขัยก็ยังไม่สิ้น จะเดินหน้าไปภพอื่นก็ไม่ได้ ต้องร่อนเร่เวียนวน สับสนอยู่ในวงกตรอยเท้า จมจ่อมอยู่ ณ สถานที่สุดท้ายก่อนตายหลายสิบปี แถมสภาพยังดูไม่ได้ น่าสมเพชยิ่งนัก
ส่วนการตายของข้าพเจ้านั้น เป็นผลงานอันน่าภูมิใจอย่างที่สุดเมื่อยังมีชีวิต การตายซึ่งเปี่ยมด้วยสุนทรีย์ที่ข้าพเจ้าพึงปรารถนามาตลอด เป็นงานศิลปะชิ้นสุดท้ายที่ข้าพเจ้าอุทิศทั้งลมหายใจ ร่างกาย และวิญญาณ สรรค์สร้างเพื่อให้เกิดจุดสุดยอดของอัตวินิบาตกรรม
ข้าพเจ้าใช้เวลาร่วมหนึ่งเดือนในการเตรียมแผนฆ่าตัวตาย เริ่มด้วยชำระกระเพาะอาหารให้บริสุทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาชิเวญ์ในพื้นภาคทวีปเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่นิยมใช้แก่นักโทษที่จะถูกประหารชีวิต ปฏิบัติโดยรับประทานผลเบอร์รี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนตาย การจัดหาเครื่องแต่งกาย การเตรียมยาพิษสกัด การวางแผนเรื่องกลิ่นของห้องจัดแสดงศพ ทั้งเทียนหอมที่วางตั้ง และน้ำหอมที่ประพรมไปทั่วห้อง กลิ่นหวานบริสุทธิ์หลากกลิ่น ชวนให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสความทรงจำไร้เดียงสา จนกระทั่งความหวานแผ่ผสานกับกลิ่นกายที่ไร้ชีวิต จะเกิดเป็นความขัดแย้งที่ผวาเข้าหากันและระเบิดออก กลิ่นนั้นจะตราตรึงอยู่ทั่วอณูประสาทของผู้ที่ได้เข้าชมงานศิลปะนี้ การเลือกดอกไม้เองก็ยากมิใช่น้อย ด้วยความไม่ชำนาญ ข้าพเจ้าจำต้องวานให้สหายที่เชี่ยวชาญกว่าช่วยจัดสรร เพื่อประดับดอกไม้หลายหลากชนิดให้ละลานตาเหมือนอยู่กลางสวนในภาพเขียนของโมเนต์ ความพิเศษคือพันธุ์ดอกทุกชนิดที่ใช้ตกแต่งล้วนเป็นสีม่วงในหลากหลายเฉด บ้างเป็นไม้ดอกสีม่วงตามธรรมชาติ บ้างเป็นสีม่วงจากการตัดแต่งพันธุกรรม ทั้งต้นแพงพวย ม่วงเทพรัตน์ กล้วยไม้ กระพี้จั่น ส่วนไฮไลต์ของงานนี้ คงหนีไม่พ้นตัวของข้าพเจ้า งานศิลปะชิ้นเอกที่ถูกจัดตั้งไว้ยังกลางห้องจัดแสดง ภายในครอบแก้วขนาดใหญ่ถูกครอบบนพื้นยกระดับเจ็ดนิ้วจากพื้น มีไม้เลื้อยกุหลาบทำหน้าที่ดั่งงูใหญ่รัดเกี่ยวโดยรอบ พื้นวงกลมปูแน่นด้วยคาร์เนชั่นสีเข้ม แฝงปนไปกับแวววิเชียรสีอ่อน ตระการตายิ่ง
เมื่อทุกสิ่งเตรียมการพร้อม ข้าพเจ้าจึงผูกติดร่างกายให้คงอยู่กับเก้าอี้ ตรวจสอบจนแน่ใจว่ารัดแน่นหนาเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ในกล่องกระดาษ ข้าพเจ้าได้ละการพันธนาการแขนซ้ายไว้เพื่อให้ง่ายแก่การดื่ม ชาโตว์ มาร์โกซ์ 1875 ทันทีที่ของเหลวสีก่ำไหลสู่ร่างกาย สารเคมีที่ถูกละลายไว้ได้ซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้ความตายอ้อยอิ่งเข้าครอบครองทุกตารางนิ้วของอวัยวะ วาระสุดท้ายเนิ่นนานไปกับท่วงทำนองเดี่ยวเปียโนที่บรรเลงกล่อมโสตประสาท น็อคเทิร์น หมายเลขสองในบทประพันธ์ที่เก้า ของชอแป็ง ตัวโน้ตไหลว่าย หยอกล้อกับอาการชาซ่านของร่างกายที่ใกล้สิ้นเต็มที ทรมาณแค่ไหน ข้าพเจ้าบรรยายออกมาไม่ถูกนัก ความรู้สึกราวกับเข็มแหลมแทงทิ่มปลายประสาทผิวหนัง สร้างความพะอืดพะอมอยากขย้อนพิษทิ้งเสีย ภาพอดีตอันไกลโพ้นแย้มพรายเข้ามาในความทรงจำ แต่ในขณะเดียวกัน จิตก็โลดแล่นไปด้วยปีติ เสียงครางที่เกิดจากความเสียวซ่านผ่านริมฝีปากสู่ปลายเท้า ความรู้สึกเหล่านี้แม้กระทั่งเซกส์ดี ๆ ก็ไม่สามารถมอบให้ได้ ร่างกายของข้าพเจ้ากระตุกเมื่อถึงจุดสุดยอดทางอารมณ์อยู่หลายครั้ง เสียงโน้ตจากชอแป็งแปรเปลี่ยนเป็นบทเพลงของชูมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ จำได้เท่านี้ สติสัมปชัญญะของข้าพเจ้าก็ดับลงกะทันหัน ก่อนส่งร่างกายให้เข้าสู่สภาวะหลับใหลชั่วนิรันดร์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in