(1)
โทบี้ของเขาจากไปแล้ว
ไมเคิลรู้ว่า อีกฝ่ายอดทนมานานเหลือเกิน
เขาไม่อยากปล่อยมือที่แน่นิ่งแต่ยังอบอุ่นเหมือนเดิมนี้ไปเลย
ทว่าเขารู้ว่า ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะลืมตาตื่นมายิ้มให้เขาได้อีกแล้ว
เขายังจำวันที่ได้พบอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกได้ดี
วันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 1888 เพียงสามวันก่อนก้าวย่างสู่ปีใหม่
นายแพทย์ผู้ไม่เคยยิ้ม ไม่ชอบการเข้าสังคม ยิ้มให้เขาแต่แรกที่ได้พบ
เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า การพบกันเพราะเรื่องงานในครั้งนั้น
จะนำไปสู่การคบหากันเป็นมิตรสหาย กระทั่งเป็นเพื่อนตาย
อย่างที่เรียกว่า ไม่เคยแยกจากกันจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต
พวกเขาทำงานและยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานานนัก
ตั้งแต่เริ่มเป็นคู่หูและคู่คิดในการติดตามอาชญากรในลอนดอน
มารับโทษตามกฎหมาย ในฐานะนายตำรวจและแพทย์ผู้ชันสูตร
พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในฐานะเพื่อนร่วมบ้านที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง
ของกันและกัน มองดูการเติบโตของมหานครแห่งนี้จนกระทั่งเกษียณอายุ
พวกเขาใช้เวลาหลังการเกษียณอยู่ด้วยกันที่วิทบี้ เมืองชายทะเลอันสงบเงียบ
และผ่านช่วงเวลาของสงครามโลกและการโจมตีของทหารเยอรมันมาด้วยกัน
พวกเขาใช้บ้านของเขาที่ยังคงสภาพดีเป็นที่พักพิงของผู้บาดเจ็บและสูญเสีย
โทบี้ในวัยหกสิบเศษยังคงทำหน้าที่แพทย์ และเขาคอยดูแลความเรียบร้อย
พวกเขาก้าวข้ามความยากลำบากของภาวะสงครามมาได้
และมองเห็นซากปรักหักพังได้รับการบูรณะให้คืนสภาพกันมาแล้วทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามลำบากหรือสบาย
ไม่ต้องมีคำสัญญาใด ๆ พวกเขาก็รู้ว่า จะมีอีกฝ่ายเคียงข้างเสมอไป
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ จากลอนดอน ถึงสกาเบอระ และวิทบี้
วันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 1928 เพียงสามวันก่อนก้าวเข้าสู่ปีใหม่
เพื่อนที่ไม่เคยแยกจากกันมาตลอดสี่สิบปียิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย
โทบี้ยิ้มรับกับคำสัญญาว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่ไหน เขาจะตามไปหา
ก่อนที่จะหลับตาลง และเดินทางจากโลกนี้ล่วงหน้าเขาไปก่อน
(2)
โทบี้ของเขาจากไปแล้ว
แต่ไมเคิลไม่ได้ร้องไห้ แม้ว่าในใจและในลำคอตีบตันไปหมด
เขาไม่อยากให้โทบี้เป็นห่วง เขาอยากให้อีกฝ่ายรู้ว่า เขาอยู่ได้
เขาไม่ได้เสียใจ เพราะเขารู้ว่า ชีวิตที่ผ่านมาของอีกฝ่ายสาหัสแค่ไหน
เขาดีใจที่โทบี้เป็นฝ่ายจากไปก่อน เพราะเขาไม่อยากให้เพื่อนรักใจสลาย
เขารู้ดีที่สุดว่า ภายใต้เปลือกนอกที่แข็งแกร่ง เปราะบางและอ่อนโยนแคไหน
เขาบอกกับมากาเร็ต หลานสาวของโทบี้ที่มาส่งและมาอยู่เป็นเพื่อนว่า
เขาไม่เป็นไร เธอไม่จำเป็นต้องห่วง ขณะที่เธอยืนมองเขาจากประตูห้อง
ระหว่างที่เขาเลือกเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดที่เพื่อนที่อยู่กับเขามาทั้งชีวิตชอบ
ออกมาจากตู้เสื้อผ้าเพื่อให้ทางโรงพยาบาลเปลี่ยนให้ ก่อนไปที่โบสถ์
มากาเร็ตไปชงชาในครัว ขณะที่ไมเคิลพาตัวเองไปที่ห้องนั่งเล่น
ที่หน้าเตาผิง คือ เก้าอี้นวมสองตัวที่เขากับโทบี้ชอบนั่งสนทนากันยามว่าง
แต่ในบางครั้ง ต่างคนต่างไม่ได้พูดคุย เพียงแต่นั่งอ่านหนังสือของตนเองเงียบ ๆ
สมัยที่ยังหนุ่มกว่านี้ ที่หน้าเตาผิง เคยเป็นสถานที่ที่พวกเขาเคยนั่งถกเถียงเรื่องคดี
หรือมานั่งดื่มบรั่นดีหลังอาหารค่ำ และสูบกล้องยาสูบกัน เพื่อผ่อนคลายจากงาน
หลายวันแล้ว ที่เก้าอี้นวมอีกตัวหนึ่งว่างเปล่า เพราะเจ้าของไม่อยู่
แต่ในวันนี้ มันว่างเปล่าเช่นเดียวกับพื้นที่ในใจของเขาเมื่อรู้ว่า เจ้าของที่จะไม่กลับมา
นับจากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครมานั่งบนเก้าอี้นวมเคียงข้างเก้าอี้ของเขาอีกต่อไปแล้ว
ไมเคิลค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่ง ใช้เหล็กเขี่ยถ่านในเตาให้ลุกโพลงขึ้น
เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปสัมผัสกับเก้าอี้ของโทบี้... ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจตัวดีว่า
ไม่มีใครยื่นมือออกมาจับมือของเขาตอบ สิ่งที่สัมผัสได้ มีเพียงความเยียบเย็น ว่างเปล่า
เขาระบายลมหายใจยาว ถอนมือกลับมาประสานไว้บนตัก
ส่ายหน้าช้า ๆ และยิ้มให้กับความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในใจของตนเอง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากุมมือคนที่มีความหมายกับชีวิตของเขาเหลือเกินจนนาทีสุดท้าย
แมรี่ ภรรยาที่เขารักแต่จากไปก่อนเวลาอันควรเป็นคนแรก ต่อมาคือโทบี้ ฟอล์กเนอร์
แม้ว่าในที่สุดแล้ว จะไม่สามารถยื้อชีวิตของพวกเขาเอาไว้ได้ แต่อย่างน้อยที่สุด
เขาก็ได้อยู่เคียงข้างคนที่เขารักในทุกความหมายจนถึงช่วงเวลาที่ต้องปล่อยมือจากกัน
ไมเคิล เฟย์ อดีตผู้บังคับการหน่วยสืบสวนอาชญากรรมของสก็อตแลนด์ยาร์ด หลับตาลง...
(3)
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
“คุณนั่นละ กำลังจะไปไหน”
คำถามแรกเป็นของไมเคิลที่มีต่อเจ้าของคำถามย้อน
ที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกไป
เขาคงกำลังฝันไป เพราะอีกฝ่ายหนึ่งไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่
แต่สังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง
โทบี้มองเขาก่อนถอนใจ เหมือนจะดุ แต่กลับยิ้มออกมา
“ผมเป็นห่วงคุณว่า ถ้าไม่ผมไม่อยู่ คุณจะอยู่ได้ไหม”
เพื่อนของเขาเอ่ยตอบและมองเขา “แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้ว”
“จำที่ผมสัญญาได้ไหมว่าผมจะตามหาคุณให้พบให้ได้”
ไมเคิลบอก ริมฝีปากของเขาคลี่ออกเป็นรอยยิ้มกว้าง
ดวงตาสีฟ้าอ่อนเหมือนน้ำแข็งสบตอบดวงตาสีเขียวที่มองมา
ยามอ้าแขนออกรับโทบี้ที่ก้าวตรงเข้ามาหาและโอบกอดเอาไว้แน่น
ในขณะที่เพื่อนรักในอ้อมแขนของเขายิ้ม และต่อประโยคที่เว้นว่างให้
“คุณหาผมเจอแล้ว”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in