A SHORT HISTORY OF A BOARDGAMER
(เสมือนคำนิยม)
1
เขาก็จำไม่ได้เสียแล้วว่าเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร
เป็นไปได้ที่เธอจะโทรศัพท์มาหาเขา หรือไม่ก็ส่งเมสเซจทางโทรศัพท์ แต่ไม่น่าจะเป็นการใช้ไลน์หรือเฟซบุ๊ค เพราะ (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ) เมื่อห้าปีก่อน สิ่งเหล่านี้ยังไม่เป็นเสมือนยาสามัญประจำบ้านเช่นทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม เขาจำได้ถนัดว่า เธอถามเขาเพียงสั้นๆ ประมาณว่า “มาเล่นเกมกันไหมคะ”
และโดยแทบไม่ได้ใช้สมองส่วนใด เขาตอบคล้ายใช้รีเฟล็กซ์จากกระดูกสันหลังว่า “ไปๆ”
แล้วเขาก็แทบจะไปมันเดี๋ยวนั้น
ไปเล่นเกมที่เขาไม่รู้จัก
เขาไม่รู้เลยว่า นั่นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล
(และเขาไม่ได้พูดเล่น!)
2
เกมที่เธอชวนเขาไปเล่น ไม่ใช่เกมคอมพิวเตอร์ประเภทที่ต้องไปนั่งเล่นด้วยกัน และไม่ใช่เกมประเภทหมากล้อมหมากรุกหรือไพ่ตองกบดำกบแดง ทว่าเป็นเกมที่ให้ ‘ประสบการณ์เกม’ ใหม่เอี่่ยมอย่างที่เขาไม่เคยพบมาก่อนเลยในชีวิต มันเป็นเกมประเภทที่รวบรวมทุกสิ่งสรรพในโลกหล้านี้เข้าไว้ด้วยกัน กับความหลากหลายของเกม กับอัจฉริยภาพของผู้สร้างเกม กับการเดินทางสู่อนาคตไปในยานอวกาศ กับการย้อนสู่อดีตอันหลากหลายและรุ่มรวยของภูมิภาคต่างๆ ในโลก กับการเดินทางไปในโลกแฟนตาซีที่มีกฎเกณฑ์ประหลาดเป็นของตัวเอง หรือกับการเดินทางสู่โลกแห่งนามธรรมที่เปี่ยมอรรถรสแปลกใหม่
เขาไม่เคยรู้มาก่อน—ว่านี่คือสิ่งที่เรียกขานกันว่า—บอร์ดเกม
3
สำหรับเขา บอร์ดเกมไม่ใช่อะไรอื่น นอกเสียจากโลกอีกใบที่แยกขาดทว่าซ้อนทับอยู่กับโลกใบนี้ มีเกมนับไม่ถ้วนที่สร้างขึ้นจาก ‘ความจริง’ ของโลก แล้วนำความจริงนั้นไปบิดผันด้วยวิธีการต่างๆ นานา บ้างด้วยอารมณ์ขัน บ้างด้วยกลไกที่แล่นลึกเข้าไปในจิต บ้างด้วยหัวใจ อารมณ์ และโชคชะตา บ้างก็ด้วยสมอง การไตร่ตรอง และวางแผน
มันคือโลกที่ใหญ่เสียยิ่งกว่าส่วนเสี้ยวของโลกที่เราแต่ละคนอาศัยอยู่!
เขาจำเกมแรกที่เล่นไม่ได้แน่ชัด มันน่าจะเป็นเกมเล็กๆ ที่เธอเลือกหยิบมาเล่นก่อน คล้ายเป็น ‘เหยื่อ’ ชิ้นเล็กๆ ให้งับง่าย เพราะในตอนนั้น ทั้งเธอและเขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่า ต่อให้ไม่ต้องมีใครล่อหลอกอะไร เขาก็พร้อมจะติดกับ
เป็นการติดกับชั่วชีวิตอย่างเต็มใจเสียด้วย!
เกมแรกที่เขาซื้อหามาอยู่ในครอบครอง คือเกมขายผลไม้
บนเกาะมายอร์กาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชื่อเกมว่า Finca เป็นเกมขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก กติกาอธิบายง่าย มีกลไกเกมน่าทึ่งที่สร้างขึ้นจากการหมุนของกังหัน ทุกองค์ประกอบทำให้เขาหลงรัก ตั้งแต่การซื้อขายมะกอก ส้ม อัลมอนด์ โดยมีลาเป็นตัวขนของ แม้เขาจะทำแค่นั่งอยู่ตรงนั้นในบ้านของตัวเอง แต่ทุกอย่างช่างสมจริง เกมพาเขาไปสูดกลิ่นเมดิเตอร์เรเนียน และจริงจังกับการเป็นพ่อค้าผลไม้
นับจากนั้นมา เขาก็ไม่อาจถอนตัวจากการเล่นบอร์ดเกมได้อีก
4
จะเป็นพ่อค้าผลไม้ จะเป็นนักขุดเพชร จะเป็นนักสืบที่ไปสืบความลับในบ้านผีสิง จะเป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการต่างๆ นานา จะเป็นคนทรยศบนยานอวกาศ จะเป็นกษัตริย์คอยสร้างวัง จะเป็นโชกุนขุนทหาร จะลงสมัครรับเลือกตั้งในเยอรมนีหรือฝรั่งเศส หรือจะอะไรก็ตาม การเล่นบอร์ดเกมนั้นต้องการ ‘ก๊วน’ เพื่อนเล่นที่รู้ใจกันพอสมควร (เว้นไว้เสียแต่การเล่นโซโลเกม)
กับกลุ่มบอร์ดเกมที่เขาเล่นด้วยประจำ (ซึ่งแน่นอน—มี ‘เธอ’ เป็นศูนย์กลางผู้คอยอ่านกฎและควบคุมกติกาทั้งหลาย) แต่ละคนมีบุคลิกประจำตัวแตกต่างกันออกไป บางคนเป็นคล้ายแม่เสือที่ทำให้คนอื่นต้องยำเกรงตลอดเวลา บางคนคิดละเอียดถี่ถ้วนจะทำอะไรก็ร้อง “เดี๋ยวๆ” จนได้ฉายาว่า คุณเดี๋ยว บางคน
ก็อ่อนหวานในถ้อยคำแต่ร้ายกาจในกลยุทธ์เสียจนถูกเรียกว่าแม่ Sugar-Coated หรือนางซินเดอเรลลา บางคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับการขายมักจะเก่งในเกมที่มีเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยว ถ้าไม่มีเงินบางครั้งก็ไปไม่เป็นเลยทีเดียว และบางคนก็ซ่อนดาบไว้ในรอยยิ้ม คอยชักใยความคิดของคนอื่นอยู่เบื้องหลังราวกับตัวบึ้ง
ที่จริง กลุ่มบอร์ดเกมที่เขาเล่นด้วยบ่อยๆ มีสองสามกลุ่ม นอกจากกลุ่มนี้แล้วยังมีกลุ่มรุ่นน้องที่ทำงาน ซึ่งเวลาเล่นนั้นเอาจริงเอาจังกันมาก ต้องคิดต้องวางแผนซับซ้อนวุ่นวายไปหมด แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน สาเหตุที่เขาไปเล่นด้วยเป็นประจำก็เพราะเล่นด้วยแล้วสนุก
สนุกในความหมายที่ว่า ไม่มีใครเอาเป็นเอาตายกับผลแพ้ชนะ แม้เวลาเล่นจะจริงจัง แต่เมื่อเล่นเสร็จแล้วไม่ได้มีใครถือสาอาฆาต แม้ผู้แพ้อาจมีการกลับบ้านไปฝัน (ร้าย) บ้างว่าน่าจะวางแผนแบบนี้ๆ มากกว่าที่เล่นไปแล้ว แต่ก็หาได้ไปลอบจ้างมือปืนมายิงคนที่ชนะให้ตายตกไปตามกันแต่ประการใด
สำหรับเขา การเล่นบอร์ดเกมทำให้ผู้เล่นแต่ละคนเปิดเผยนิสัยใจจริงออกมาอย่างหมดเปลือกตั้งแต่เล่นเกมกันครั้งแรกๆ และทำให้ตัวเขาเองได้รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ด้วย ว่าจริงๆ แล้วเขาชอบเล่นเกมเพื่อความสวยงาม ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ในเกม และเล่นเพื่อรักษามิตรภาพให้ยืนนานมากกว่าจะมุ่งเอาชนะคะคานอันเป็นเพียงเปลือกเป็นกระพี้ของการเล่นเกม หาใช่แก่นอันควรจะเป็นไม่
“โกหก!”
“ใครเชื่อก็แย่แล้ว!”
“คนเขารู้กันหมดแล้วว่าแกน่ะมันเหี้ยม”
“ชอบชักใยคนอื่น!”
“ร้ายกาจจะตาย!”
“นิสัย!”
โอ๊ย! ขอจงอย่าไปฟังเสียงนกเสียงกาใดๆ เลย ได้โปรดเชื่อเถิด ว่าการเล่นบอร์ดเกมนั้นให้แต่อะไรดีๆ เช่นว่ามิตรภาพและความรัก...
“หลอกลวง!”
“สาไถย!”
(ตัดจบ)
5
จะเชื่อเขาว่าบอร์ดเกมช่วยทำนุบำรุงความสัมพันธ์หรือไม่ก็ตาม แต่หลักฐานเชิงประจักษ์ที่เกิดขึ้นก็คือ ในกลุ่มบอร์ดเกมที่เขาเล่นประจำ ก็มีคู่รักคู่หนึ่งที่ได้แต่งงานกันไปเพราะมีบอร์ดเกมเป็นเครื่องมือเปิดเผยให้รู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยอย่างไรมาแล้ว
จริงอยู่ ถ้าไม่มีบอร์ดเกม คู่รักคู่นี้ก็คงแต่งงานกันอยู่ดี แต่บอร์ดเกมช่วยย่นระยะเวลาการเรียนรู้ระหว่างกันให้เร็วขึ้น เล่นกันแค่เกมสองเกมก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นลูกแกะหรือหมาป่า ไม่ว่าจะห่มคลุมร่างมาด้วยขนจามรีหรือขนแมวก็ตามที
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแฟน จะเป็นมิตรภาพหรือความรัก บอร์ดเกมช่วยให้เรารู้จักทั้งคนในกลุ่มและเรื่องราวต่างๆ นานาที่แฝงเร้นอยู่ในเกม ไม่ว่าจะเป็นมิติทางประวัติศาสตร์ของบางเรื่อง การวางแผนลึกลับซับซ้อน หรือการสนุกไปกับสัดส่วนของโชคผ่านการทอยลูกเต๋า ดังนั้น ถึงที่สุด บอร์ดเกมจึงช่วยให้เราได้รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ด้วย
6
ทุกวันนี้ เขายังคงเล่นบอร์ดเกม และสำนึกอยู่เสมอว่าหากไม่มีเธอ—ผู้ชักชวนเขาในวันนั้น เขาก็อาจยังไม่รู้จักบอร์ดเกมและกลุ่มบอร์ดเกมเหล่านี้ก็ได้
แล้วเขาก็จะไม่รู้เลย,
ว่าตัวเองได้พลาดอะไรไปบ้างในชีวิต...
หมายเหตุ: เธอคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือผู้เขียนหนังสือที่คุณกำลังถืออยู่นี้...นี่เอง
โตมร ศุขปรีชา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in