(OS) Christmas
20 DECEMBER 2017
วันนี้ที่โรงเรียนไฮสคูลหยุดให้นักเรียนพักผ่อนเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากต้องเรียกอาจารย์ทั้งหมดมาประชุมร่วมกันในเรื่องของการจัดสอบปลายภาคซึ่งกำลังจะมาถึงในต้นปีหน้า จงอินจึงนัดคยองจูออกมาติวหนังสือที่ Café ร้านประจำ เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ของคยองจูได้ฝากให้เขาช่วยดูแลเรื่องการเรียนของเจ้าตัวด้วย
ภายในร้าน Café & Bookshop ที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงโซลนั้นมีบรรยากาศที่อบอุ่นและน่ารัก วอลเปเปอร์สีเอิร์ธโทน ตู้หนังสือขนาดกลางซึ่งบรรจุหนังสือหลากหลายประเภท สามารถหยิบไปอ่านได้ฟรีและถ้าสนใจหนังสือเล่มใดก็สามารถจ่ายเงินซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ มีต้นคริสต์มาสซึ่งประดับด้วยกระดิ่ง ถุงเท้าและกล่องของขวัญขนาดจิ๋วตั้งอยู่ใจกลางของร้าน
ในระหว่างที่กำลังรอคุณหัวหน้าห้องตามที่ได้นัดกันเอาไว้ คยองจูในชุดลำลองแบบหน้าหนาวสบายๆ เสื้อฮู้ดสีดำตัวโคร่ง กางเกงยีนส์เดนิมรัดรูป ผมบ็อบหน้าม้าความยาวระดับคางและดัดลอยปลายงุ้มเหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมคือมัดจุกรวบครึ่งศีรษะ บนแก้มใสแต่งแต้มด้วยสีส้มพีชอ่อนๆ ริมฝีปากรูปหัวใจระบายด้วยลิปสติกสีชมพูพีช และรองเท้าผ้าใบสีขาวกำลังนั่งโดยวางศอกตั้งฉากกับโต๊ะเพื่อเท้าคางมองออกไปยังข้างนอกร้าน
เมื่อเจ้าของดวงตากลมโตได้มองออกไปยังข้างนอกหน้าต่างกระจกใสของร้าน Café & Bookshop ในย่านมยองดง ก็พบว่า ทั่วทั้งพื้นผิวบนแผ่นดินนั้นปกคลุมไปด้วยสีขาวของปุยหิมะที่ตกลงมาจากฟากฟ้าจนเต็มทุกตารางพื้นที่ ไม่ว่าจะพื้นถนนหรือบนฟุตบาทก็ตาม สีขาวโพลนเต็มไปหมด และถึงแม้ว่าอากาศข้างนอกจะหนาวเย็นมากแค่ไหน แต่ผู้คนทั่วๆ ไปต่างพากันพร้อมใจออกจากบ้านเพื่อดูความสวยงามของต้นคริสต์มาสและไฟประดับตกแต่งตามร้านรวงต่างๆ ซึ่งแต่ละร้านต่างก็จัดตกแต่งอย่างสวยงามแตกต่างกันไป
คยองจูชอบฤดูหนาว ชอบแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบนเวลาที่เกล็ดหิมะร่วงลงมาจากบนท้องฟ้า ชอบยื่นมือออกไปและแบมือออกไปเพื่อให้เกล็ดหิมะร่วงหล่นตกใส่มือ ชอบกลิ่นหอมหวานปนขมเล็กน้อยของโกโก้ร้อน ชอบทุกๆ อย่างในฤดูหนาว และ…ในวันนี้ของเดือนที่แล้ว (20 November 2017) เป็นวันที่หิมะตกครั้งแรกของฤดูหนาวในปีนี้พอดี ในวันนั้นเธอกับจงอินกำลังเดินกลับบ้านด้วยกันหลังจากดูหนังในโรงภาพยนตร์จบ
“จูจู” จู่ๆ ชายหนุ่มตัวสูงเอ่ยปากเรียกคนตัวเล็กซึ่งกำลังเดินอยู่ข้างๆ นั่นเป็นเพราะจงอินสังเกตเห็นว่าวันนี้คยองจู หรือ
จูจู ไม่ได้ใส่ถุงมือเพื่อป้องกันความหนาวมาด้วย
“หื้อ?”
“จูจูไม่ใช่หนูน้อยไม้ขีดไฟนะ”
“เกี่ยวอะไรกับหนูน้อยไม้ขีดไฟอ่ะ” คยองจูเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็มือของจูจูแดงอ่ะ”
“อ่า…จริงด้วย แหะๆ” คยองจูยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นมาดู แล้วก็พบว่ามันแดงจริงๆ นั่นแหละ หลังจากนั้นจึงเอาฝ่ามือประกอบกัน ถูๆไถๆ ไปมาเพื่อเสียดสีให้เกิดความร้อน
จงอินไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น และการกระทำก็ไวกว่าเสียงพูดเสียด้วย เพราะว่าเจ้าตัวถอดถุงมือหนังสีดำข้างขวาออก เอี้ยวตัวไปจับมือข้างขวาของคยองจูขึ้นมาและสวมถุงมือหนังของเขาลงบนมือนิ่มของคนตัวเล็ก จากนั้นใช้ฝ่ามือว่างเปล่าไร้ถุงมือหนังสวมใส่จับและกอบกุมมือนุ่มนิ่มข้างซ้ายเอาไว้แน่น
“อ๊ะ!”
“ฮ้า..” ลมร้อนถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากหนาจนเป็นควันขาวลอยฟุ้งนั้นรดอยู่บนมือนิ่มๆ ที่เย็นเฉียบจากนั้นจึงนำพามือนั้นไปซุกอยู่ในกระเป๋าด้านขวาของเสื้อโค้ทสีน้ำตาลตัวโคร่งของร่างสูงเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับมือที่เย็นจัดเหมือนน้ำแข็งของคนตัวเล็ก
ไม่น่าเชื่อเลยว่า แค่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดจากความใส่ใจจากคุณแฟนจะทำให้หัวใจของคยองจูพองโตหยั่งกับลูกโป่งอัดแก๊สและเต้นแรงอย่างอึกกะทึกครึกโครมได้“อุ่นขึ้นยังครับ” ร่างสูงเอ่ยถามในขณะที่มองเจ้าของมือนิ่มก้มหน้างุดจนคางชิดกับผ้าพันคอสีน้ำเงินเข้ม
“อื้อ! อุ่นมากๆ เลย” ร่างเล็กพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับเปล่งเสียงหวานตอบกลับไป
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า
อินอิน จะเฟซไทม์ไปหาจูจูนะ”
“เฟซไทม์มาทำไมอ่ะ ยังไงพรุ่งนี้ก็เจอกันอยู่แล้ว--”
“ก็อินอินจะได้แน่ใจไงว่าจูจูจะไม่ลืมถุงมือแบบวันนี้อีก”
“ทำตัวเป็นคุณพ่อไปได้…” คยองจูพูดเสียงงุ้งงิ้งพร้อมกับที่แก้มกลมๆ ขึ้นสีแดงแปร๊ดเหมือนผลมะเขือเทศสุก
จงอินไม่ได้พูดตอบอะไรกลับไป ได้แต่ระบายยิ้มที่มุมปากและหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีเพราะความน่ารักของคุณแฟนตัวเล็ก พร้อมๆ กับที่จับมือนิ่มซึ่งถูกเอาไปซุกอยู่ข้างในกระเป๋าเสื้อโค้ทอย่างกระชับแนบแน่นมากขึ้น
และคยองจูเองก็ชอบความอบอุ่นของผู้ชายที่ชื่อว่า คิมจงอิน มากที่สุดในจักรวาลแค่นึกถึงชื่อแฟนหนุ่ม พวงแก้มกลมบนใบหน้าอันแสนจะน่ารักของสาวน้อยก็ร้อนผ่าวและขึ้นสีระเรื่อในทันที ส่วนริมฝีปากรูปหัวใจก็ระบายยิ้มเล็กน้อยด้วยความสุขที่ออกมาจากหัวใจ
วันนี้ คือ วันครบรอบ 4 เดือนในระยะเวลาของความรักระหว่าง ‘เรา’
คยองจูไม่เคยและไม่ได้ตั้งความคาดหวังเอาไว้เลยว่าวันนี้จงอินจะต้องมีของขวัญอะไรมาเซอร์ไพรซ์เธอ ขอแค่จงอินยังอยู่ข้างๆ คอยแกล้ง คอยถามไถ่เธอด้วยความเป็นห่วงไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ติวหนังสือให้ในช่วงที่มีสอบ เดินไปส่งที่เธอที่บ้านไม่ว่าวันนั้นจะเป็นวันที่มีเรียนหรือเป็นวันเดตของเรา จับมือประสานอย่างแนบแน่นและไม่ยอมปล่อยไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน โอบกอดจนตัวเธอจมอกทุกครั้งก่อนที่เธอจะเดินเข้าบ้าน และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ไม่ว่าคยองจูจะหันไปมองใบหน้าอันแสนหล่อเหลานั่นกี่ครั้ง…จงอินก็จะส่งรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นดั่งดวงตะวันให้เธอเสมอ
ขอแค่…
ความเสมอต้นเสมอปลายขอแค่…
ทุกๆ วัน เรายังมีกันและกันขอแค่…
ยังมีคิมจงอิน แค่นี้ก็มีค่ามากมายและเพียงพออย่างที่สุดแล้วสำหรับคยองจูพูดเล่าเรื่องของตัวเองไปแล้ว จะข้ามไม่พูดถึงเรื่องราวของเพื่อนสนิทอย่างแบคฮีก็ดูจะละเลยเจ้าตัวไปหน่อย ถึงแม้ว่าเมื่อก่อน ก่อนที่เธอจะเป็นแฟนกับจงอินนั้น แบคฮีจะชอบเทเพื่อนคนนี้และไปอยู่กับแฟนตัวเองบ่อยๆ ก็ตามเถอะ
คู่หวานประจำโรงเรียนอย่างชานยอลกับแบคฮี น่าหมั่นไส้อย่างไงทุกวันนี้ก็น่าหมั่นไส้อยู่อย่างนั้น อย่างล่าสุดเมื่อวานนี้ ชานยอลแต่งคอสเพลย์เป็นไอรอนแมนซึ่งเป็นการ์ตูนที่แบคฮีชอบมากๆ มาเซอร์ไพรซ์ถึงลานซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ เพราะว่าเมื่อวานคือวันครบรอบ 1 ปีของทั้งคู่ พอไอรอนแมนเปิดหน้ากากออกเท่านั้นแหละ ยัยแบคฮีก็วิ่งแจ้นหนีไปหลบอยู่ข้างในห้องแต่งตัวของพวกเชียร์ลีดเดอร์เพราะว่าตกใจมากไปหน่อย กว่าคยองจูจะตามหาเจอและลากตัวกลับมาหาชานยอลได้ ถามว่าทำไมชานยอลถึงไม่ไปตามด้วยตัวเอง – ก็เพราะว่าเดินยังลำบากเลย จะให้วิ่งเหรอ ไม่มีทาง ฮ่าๆ นึกภาพแล้วยังขำไม่หยุดเลย
ส่วนคนนี้นี่ข้ามไม่ได้เลยนะ แต่จะพูดสั้นๆ ล่ะกัน ยัยซุนมี เธอแพ้ฉันแล้ว คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะจ้ะ จุ้บๆ /โปรยจูบด้วยท่าทางนางงาม - แค่คยองจูนึกถึงชื่อของอดีตคู่แข่งทางความรักเท่านั้นแหละ ปากก็เบะเป็นรูปตัวยูคว่ำทันที
ในระหว่างที่คยองจูกำลังนั่งเหม่อนึกถึงสิ่งต่างๆ และเหตุการณ์ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ไม่รู้เลยว่าจงอินเดินทางมาถึงที่ร้านแล้ว ถึงขนาดเอาหน้าไปจ้องใกล้ๆ ผ่านกระจกใสข้างนอกร้านก็แล้ว แต่เจ้าตัวเล็กก็ยังไม่รู้ตัวสักที ส่วนในมือของคนตัวสูงนั้นหิ้วถุงกระดาษสีน้ำตาลขนาดไม่ใหญ่มากมาด้วย
กรุ๊งกริ๊งทันทีที่จงอินในชุดเสื้อคอเต่าพอดีตัวสีดำและสวมทับด้วยovercoat สีน้ำตาลเข้ม ส่วนท่อนล่างสวมกางเกงสีดำไม่มีลวดลายอะไร ไหล่ซ้ายมีสายกระเป๋าสะพายคาดเอาไว้ เรือนผมสีน้ำตาล่อน บนใบหน้าคมคายนั้นสวมแว่นใสทรงกลมเปิดประตูร้านและเดินเข้ามา เรียกเสียงครางฮือเบาๆ อันเนื่องมาจากความหล่อเหลาและดูดีจากสาวๆ ทุกคนที่นั่งอยู่ในร้านได้ แต่แล้วสาวๆ เหล่านี้ก็ต้องพบกับความผิดหวังเกือบจะในทันที นั่นเป็นเพราะว่าชายหนุ่มที่ดูดีราวกับนายแบบที่หลุดออกมาจากปกนิตยสารชื่อดังนั้นเดินตรงดิ่วไม่สนใจสิ่งรอบข้างเพื่อไปหาคนๆ นึงซึ่งนั่งอยู่มุมด้านในสุดติดกับกระจกร้าน
แทนที่จงอินจะเรียกคยองจูให้หันมามองตนเมื่อเดินมาถึง แต่เจ้าตัวกลับวางถุงกระดาษลงกับโซฟาฝั่งตรงข้ามแฟนสาวก่อน หลังจากนั้นจึงย่องเดินแบบเบาๆ และโน้มใบหน้าลงไปหาคนน่ารักซึ่งกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่
ฟอดดด - จมูกโด่งมนฝังลงบนแก้มนิ่มๆ เพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบแป้งเด็กอย่างเต็มปอดและชื่นใจเป็นที่สุด จงอินฝังจมูกค้างไว้อย่างนั้นด้วยความที่เจ้าตัวหลงไหลแก้มกลมๆ ของคยองจูอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนเมื่อคยองจูรู้ตัวแล้วว่าโดนโจรขโมยหอมแก้มและใช้มือเล็กๆ ดันหน้าเขาออกนั่นแหละ แต่ก่อนที่จะถอนใบหน้าออกไป จงอินก็ยังรั้นด้วยการส่ายปลายจมูกไปมาบนแก้มเนียนด้วยความรักใคร่จนถูกคยองจูดึงติ่งหูไปหนึ่งทีโทษฐานที่ชอบทำให้เขินอยู่เรื่อย จนคนตัวสูงต้องร้องโอ้ยออกมาเบาๆ
“มาถึงแล้วทำไมไม่เรียก เดี๋ยวเถอะ” นิ้วป้อมๆ ของคนตัวเล็กชี้อย่างคาดโทษไปที่หน้าหล่อๆ ของจงอินทันทีที่เจ้าตัวนั่งลง
“ก็ถ้าเรียก อินอินก็อดหอมแก้มจูจูอ่ะดิ่” เจ้าของเสียงทุ้มนั่งเท้าคางกับโต๊ะไม้เลียนแบบคุณแฟนซึ่งอยู่ตรงข้ามและขยิบตาสิ่งวิ้งค์คึให้หนึ่งที
“ชิส์ ฉวยโอกาส” ร่างเล็กในเสื้อฮู้ดตัวโคร่งจึ๊ปากให้กับท่าทางกวนๆ และคำพูดคำจาที่แสนจะเจ้าเล่ห์ของคุณหัวหน้าห้อง
“ไม่ได้เรียกว่าฉวยโอกาสครับ เรียกว่ามีโอกาสลอยมาก็คว้าเอาไว้” พูดจบก็ส่งยิ้มกว้างแบบเห็นฟันเกือบหมดทุกซี่ให้หนึ่งที ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าสะพายใบใหญ่ขึ้นมา รูดซิปเปิดและล้วงมือลงไปหยิบหนังสือเรียน สมุดและอุปกรณ์สำหรับขีดเขียนขึ้นมา แต่ในระหว่างนั้นเอง…
ด้วยความที่คยองจูหมั่นไส้แฟนตัวเองเป็นอย่างมาก มากถึงมากที่สุด คนตัวเล็กจึงคว้าแขนสีแทนสวยเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและมีเส้นเลือดขึ้นปูดที่หลังมือตามแบบฉบับนักกีฬาขึ้นมาจ่อที่ปากซึ่งอ้ากว้างรอไว้อยู่แล้ว และด้วยความไวแสง คมฟันจึงสัมผัสกับเนื้อหนังสีแทนตรงบริเวณหลังฝ่ามืออย่างจมเขี้ยวเต็มแรง
แง่ง!
นี่แหนะ! ヽ(o`皿′o)ノ
ก็เป็นดั่งเช่นในทุกครั้งที่โดนยัยตัวแสบหยิบแขนไปกัดและฝากฝังรอยฟันจนผิวเนื้อส่วนนั้นบุ๋มลงไปเล็กน้อย จงอินไม่เคยร้องออกมาให้คยองจูรู้ว่าเจ็บที่โดนกัดสักแอะเดียว อย่างมากก็แค่ขมวดหัวคิ้วชนกันเป็นปมแป๊บนึง จากนั้นจึงระบายยิ้มออกมาพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ เพราะอินอินรู้ว่าเวลาที่จูจูเถียงสู้ไม่ได้ จูจูจะกัดที่มือของเขาเพื่อระบายอารมณ์หมั่นไส้
น่ารักเหมือนมงกู จังกู จังอา แต่เจ้าจูจูน่ารักกว่าเป็นสิบล้านเท่า!“อร่อยมั้ยครับ”
“ยังจะมากวนอีก เดี๊ยะๆ แล้วถุงนั้นอะไรอ่ะ?” คยองจูชะเง้อหน้าพร้อมกับทำปากมู่เล็กน้อย ดวงตากลมโตเริ่มเป็นประกายเพราะมีความหวังว่าภายในถุงกระดาษนั้นจะมีของที่กินได้ อย่างเช่น ขนมปัง คุกกี้ ช็อกโกแล็ต หรือchupa chups
“ของโปรดของจูจู chupa chups ไง มีคาราเมล วานิลลา โกโก้วานิลลา วานิลลาคาราเมล แล้วก็โคล่าครับ” จงอินหยิบถุงกระดาษขึ้นมาพร้อมกับจับขอบถุงให้แยกออกจากกันเพื่อให้คนตัวเล็กเห็นได้แบบชัดๆ
"เย้~ อินอินน่ารักที่สุดในโลกเลย~" รอยยิ้มแป้นแล้นฉายอยู่บนใบหน้าของยัยแมวเหมียวตัวน้อยทันที เจ้าตัวส่งเสียงอย่างน่ารัก มือเล็กพยายามคว้าและหยิบฉวยchupa chups ของโปรดซึ่งนอนอยู่ในก้นถุง แต่แล้วเจ้าแมวก็คว้าปลาทูไม่ได้ เพราะร่างสูงดันชักถุงกลับไปและวางแหมะอยู่ที่เดิม
"ทำโจทย์ให้ครบทุกข้อก่อน ถ้าถูกหมด อินอินจะยกให้ทั้งถุงเลยครับ"
"ง่า~ จูจูขออันนึงก่อนได้มั้ย น้าาา~ (´ε` )♡" – เอาละครับ คยองจูโหมดแมวขี้อ้อนชวนใจละลายกลับมาแล้วครับ
"ไม่ได้ครับ"
"นะ งื้อออ~"
"ก็ได้ๆ อินอินจะให้..ให้แค่อันเดียวนะ แต่จูจูต้องให้อินอินทำอะไรบางอย่างก่อน" สารภาพว่าแพ้เสียงอ้อนๆ ตั้งแต่พูดคำแรกละครับ โคตรแพ้เลย ให้ตายเถอะ
"อะ..อะไร"
หมับ! ฝ่ามือหนาขนาดใหญ่ทั้งสองข้างตะปบเข้าให้ที่แก้มกลมๆ สีพีชทั้งสองข้าง คนตัวสูงบีบๆ นวดๆ วนๆ จนเนื้อหน้าแทบจะกองรวมกันอยู่ที่จมูกโด่ง จนคิ้วยู่ หลับตาปี๋ ปากยู่ๆ แถมยังโยกหัวคนตัวเล็กไปมา ซ้ายทีขวาที เหมือนเวลาที่เขาเคยบีบหน้าตุ๊กตาตอนเด็กๆ แต่พอโตมาก็บีบหน้ายัยแมวขี้อ้อนตัวนี้แทน
ฮึ่ย! หมั่นเขี้ยว!“อื้อ! อ่อยอ๊ะ อ่อยอูอูอ๊ะ” (อื้อ! ปล่อยนะ ปล่อยจูจูนะ)
“ฮ่าๆ” จงอินหลุดขำและหัวเราะเสียงดังทันทีที่ปล่อยมือจากแก้มนุ่มนิ่ม เพราะว่าคนตัวเล็กหน้างอ ดวงตากลมโตจ้องเขม็งแถมยังส่งสายตาดุๆ มาให้ หัวคิ้วขมวดชนกัน ปากยู่จนเหมือนปากเป็ด แก้มกลมๆ นั่นพองลมและกระเพื่อมเล็กน้อยตามการขยับปาก
ไม่ว่าคยองจูจะทำสีหน้าแบบไหน จงอินก็มองว่าน่ารักมันทุกสีหน้านั่นแหละ
คนตัวโตหันหน้าไปทางที่ตั้งถุงกระดาษ ก่อนที่จะล้วงมือไปหยิบแท่งอมยิ้มขึ้นมาและยื่นส่งคนตัวเล็กที่แบมือรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีคยองจูได้chupa chupsซึ่งเป็นของโปรดมาอยู่ในมือ เจ้าตัวก็จัดการแกะซองพลาสติกที่คลุมตัวอมยิ้มสีหวานเอาไว้ออกและส่งมันเข้าปากรูปหัวใจทันที
เวลาผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ บนโต๊ะไม้มะฮอกกานีเต็มไปด้วยหนังสือเรียนที่ถูกกางออกหลายเล่ม สมุดที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนจากน้ำหมึกปากกา แท่งปากกาไฮไลท์สำหรับใช้ขีดเนื้อหาที่สำคัญๆ หลากสี ดินสอไม้ และยางลบถูกวางกระจัดกระจาย บนโต๊ะมีเครื่องดื่มวางอยู่สองชนิด โกโก้ปั่นและอเมริกาโน่เย็นใส่ไซรัปแค่ช็อตเดียว คยองจูซึ่งกำลังนั่งเท้าคางทำโจทย์เลขที่จงอินให้ฝึกทำก่อนเจอข้อสอบจริงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย ในขณะที่ปากก็อมchupa chups ไปด้วย ส่วนจงอินก็อ่านบทมิวเทชั่นในวิชาชีววิทยาเพื่อสรุปให้คนตัวเล็กอ่านก่อนสอบ
“อินอิน ในค่าสัมบูรณ์ ถ้า x มากกว่า 3 แล้ว x+1 มีค่าเป็นบวกเสมอ ใช่ป่ะ?” คยองจูเงยหน้าจากการทำโจทย์เลขขึ้นมาเพื่อถามคุณหัวหน้าห้อง
“ใช่แล้ว ทำข้อสุดท้ายแล้วเหรอครับ”
“ช่ายย~ ใกล้จะได้กินจูป้าจุ๊บที่เหลือในถุงนั่นแล้วด้วย (´∀`)” ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาแก้โจทย์เลขข้อสุดท้ายให้เสร็จ – เสียงความคิดในหัวของคนตัวเล็ก: เจ้าchupa chups รอคยองจูหน่อยนะ
“ฮ่าๆ” เจ้าของเสียงทุ้มอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิกแก้มนิ่มๆ ด้านซ้ายของเจ้าคนน่ารัก ไม่ใช่แค่หยิกแบบธรรมดา แต่หยิกพร้อมกับดึงเนื้อแก้มจนมุมปากยืดขยายตามไปด้วย
“โอ้ย! อย่ามากวนจูจูนะ! เดี๋ยวก็กัดมือซะเลยนี่” คนตัวเล็กขู่ฟ่อๆ ด้วยน้ำเสียงแง้วๆ
“ฮ่าๆ ไม่กวนละครับ” ถึงจะพูดว่าไม่กวนแล้ว แต่มือหนาก็ย้ายตำแหน่งจากแก้มไปวางแหมะอยู่บนเรือนผมนุ่มๆ สีน้ำตาลเข้มบริเวณหน้าม้าพร้อมกับใช้มือขยี้เบาๆ ด้วยความรู้สึกที่เอ็นดูคุณแฟน จนเจ้าของมือเล็กนั่นทำท่าจะจับข้อมือของคุณหัวหน้าห้องเพื่อมากัดนั่นแหละ คนขี้แกล้งถึงจะยอมรามือหยุดแกล้งแฟนตัวเองเพราะความหลงไหลในแก้มย้วยๆ ได้ซะที
เวลาผ่านไปได้สักครู่ใหญ่ คยองจูซึ่งทำโจทย์เลขข้อสุดท้ายเสร็จแล้วก็วางปากกาและชูเรียวแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะเพื่อบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยพร้อมกับส่งเสียงประกอบท่าทางเบาๆ จงอินจึงเงยหน้าขึ้นมาจากหน้ากระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่อ่านเข้าใจยากเพื่อมองดูยัยแมวตัวเล็กตัวน้อย พร้อมๆกับมีรอยยิ้มที่มุมปาก
"หนาวจัง~" จู่ๆ เจ้าของเสียงทุ้มก็พูดออกมาแบบลอยๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ
"หืม?"
"กอดหน่อย" จงอินซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจู่ๆก็บ่นว่าหนาว ทั้งๆที่ภายในร้านจะเปิดฮีทเตอร์จนอุ่นขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม แถมยังกางแขนและทำหน้ายู่เป็นหมีอ้อนร้องขออาหารอีกนะ
ถึงจะบ่นงุ้งงิ้งในใจ แต่คยองจูก็ลุกจากที่นั่งไปนั่งตักอยู่ดี
เมื่อคนตัวเล็กนั่งลงบนหน้าตักแกร่งพร้อมกับขยับสะโพกกลมมนเพื่อให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว จงอินจึงจับชายเสื้อโค้ทตัวยาวทั้งสองข้างมาห่อคนตัวเล็กที่อยู่บนตักเอาไว้อีกทีพร้อมกับสองแขนแกร่งโอบกอดคยองจูเอาไว้ เพื่อแชร์ความอบอุ่นให้แก่กันและกัน
"อุ่นจัง ฮี่~ (〃∇〃)" คยองจูเอียงตัวหันมาส่งยิ้มตาหยีใส่แฟนหนุ่มที่กอดเธอเอาไว้
"จูจู คืนนี้มาค้างที่บ้านอินอินมั้ย"
"ทำไม?"
"มีของขวัญจะให้ครับ"
"ไม่ไปอ่ะ ยังไม่ได้โทรไปขอหม่าม๊าเลย"
"โทรไปขอคุณแม่ให้แล้วครับ" คุณหัวหน้าห้องพูดตอบกลับทันทีที่เจ้าตัวเล็กปฎิเสธด้วยการอ้างว่ายังไม่ได้โทรไปขอคุณแม่ จงอินรู้อยู่แล้วว่าคยองจูจะมาไม้นี้จึงโทรไปหาคุณแม่เพื่อขออนุญาตให้คนตัวเล็กมาค้างบ้านของเขาตั้งแต่เมื่อวาน พร้อมกับอธิบายเหตุผลด้วยว่าการกลับบ้านในเวลาดึกๆ มันอันตรายมาก ซึ่งคุณแม่ของคยองจูเองท่านก็เข้าใจและบอกว่าถ้าลูกสาวของท่านดื้อ ไม่เชื่อฟัง ก็ให้เขาจัดการได้เลย
วันนี้คือวันครบรอบ 4 เดือนที่คบกัน จงอินก็มีเซอร์ไพรซ์ที่อุตส่าห์ซุ่มซ้อมมาเป็นอย่างดีให้คยองจูพร้อมกับของขวัญด้วย“ชิส์ มัดมือชกนี่นา ไปก็ได้”
“ดีมากครับ ตัวเล็ก” เมื่อเจ้าของน้ำเสียงทุ้มละมุนเอ่ยจบ อ้อมแขนแกร่งก็กระชับกอดให้แนบแน่นมากยิ่ง แบ่งปันความอบอุ่นผ่านการสัมผัส และเกยคางวางลงที่ไหล่บางเพื่อสูดดมกลิ่นกายประจำตัวของคนในอ้อมกอด
ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นชวนให้ใครบางคนเหงาหัวใจมากสักแค่ไหน แต่คงไม่ใช่สำหรับจงอินและคยองจู เพราะว่าทั้งคู่กำลังโอบกอดเพื่อเติมเต็มความอบอุ่น ความรัก และความสุขซึมซาบเข้าสู่หัวใจท่ามกลางบรรยากาศช่วงเทศกาลคริสต์มาสภายในร้าน Café & Bookshop แห่งนี้
ณ บ้านของตระกูมคิม เวลาค่ำ
“มาแล้วเหรอจ้ะหนูคยองจู แม่คิดถึงหนูมากๆ เลยนะ รู้มั้ย” คุณผู้หญิงแห่งตระกูลคิมซึ่งอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูอ่อนวางทัพพีลงบนจานรองข้างๆ หม้อที่ตั้งอยู่บนเตาแก็สไฟฟ้า ก่อนที่จะเดินตรงดิ่วจากเคาน์เตอร์ครัวเพื่อปรี่มากอดสาวน้อยผู้มาใหม่ที่จัดวางรองเท้าและสวมใส่สลิปเปอร์เรียบร้อยแล้วในห้องรับแขกใจกลางบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณแม่ สบายดีมั้ยคะ?” เมื่อคุณแม่ของแฟนหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเธอ แถมยังดูสาวและสวยมากๆ คลายอ้อมกอดแน่นที่บ่งบอกว่าคิดถึงเธอมากแค่ไหนออกแล้ว เจ้าของน้ำเสียงจึงเอ่ยถามคุณแม่อย่างคุ้นเคยเพราะว่ามาค้างที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ
ก็ตั้งแต่ที่คบกับจงอินในฐานะแฟน ประมาณ 1 เดือนได้ละมั้ง คนตัวโตก็พาเธอมาที่บ้านหลังนี้เพื่อแนะนำตัวให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้จักในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้ (ซึ่งอินอินมโนตุ๊ต๊ะไปเอง) โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ของจงอินใจดีมากๆ แถมยังทั้งรักและเอ็นดูราวกับว่าเธอเป็นลูกสาวอีกหนึ่งคน
และที่น่าตกใจมากๆ ที่คยองจูเพิ่งจะมารู้ ก็คือ คุณพ่อคุณแม่ของจงอินเป็นเพื่อนกับคุณพ่อคุณแม่ของเธอตั้งแต่สมัยที่พวกท่านเรียนมหาวิทยาลัย
“สบายดีจ้ะหนู แล้วนี่กินอะไรกันมารึยังจ้ะ”
“กินรองท้องมานิดหน่อยแล้วค่ะ พอดีว่าจงอินเค้าเกิดหิวซะก่อน--”
“นักกีฬาก็แบบนี้แหละจ้ะ เผาผลาญเร็ว”
“นินทาผมสนุกกันมั้ยครับ สาวๆ” ลูกชายเจ้าของบ้านซึ่งเดินลงมาจากบันไดหลังจากที่นำกระเป๋าของเจ้าตัวไปเก็บไว้ที่ห้องนอน และนำกระเป๋าของคยองจูไปเก็บไว้ที่ห้องนอนของแขกจู่ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมาหลังจากที่เจ้าตัวเดินไปหอมแก้มคุณแม่ของเขาเสียงดังฟอดแล้ว
“สนุกมากเลยแหละ แบร่ๆ” คนตัวเล็กพริกขี้หนูหันมาแลบลิ้นเล็กๆ ใส่
“ฮ่ะๆ หนูคยองจูนี่น่ารักจังเลยนะ ไม่แปลกที่เจ้าจงอินจะทั้งรักทั้งหลงหนูขนาดนี้” และคุณแม่ก็ไม่พูดเปล่าๆ เพราะท่านเอานิ้วมาจิ้มๆ ที่แก้มกลมของคยองจูแล้ว
“ใช่เลยครับแม่” เสียงสนับสนุนดังขึ้นหลังจากที่เจ้าเดินมาโอบไหล่ของคุณแฟนจนไหล่บางๆ นั้นสัมผัสกับหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นๆ
“เดี๋ยวหนูช่วยคุณแม่ทำอาหารดีกว่าค่ะ” คยองจูทั้งดันตัวทั้งผลักคนตัวสูงจนหลุดออกมาจากวงแขนแกร่งได้ ก่อนที่จะรีบเดินตามหลังคุณแม่ของคนเจ้าเล่ห์เข้าไปในครัวเพื่อช่วยทำอาหารมื้อเย็น
หลังจากที่รับประทานมื้อเย็นกับคุณแม่ คุณพ่อที่เพิ่งกลับมาจากการทำงาน และลูกชายเจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้ว ทั้งคยองจูและจงอินต่างก็ขออนุญาตพวกท่านเพื่อแยกย้ายขึ้นไปบนห้องนอนของแต่ละคน เมื่อคยองจูเดินเข้ามาในห้องนอนสำหรับแขกเพื่อจัดการหยิบพวกเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวออกจากกระเป๋าที่แวะกลับไปเอาจากบ้านของเธอทันทีที่ออกจากร้านคาเฟ่ได้สักพักใหญ่แล้ว จู่ๆ ก็เสียงเคาะที่ประตูห้อง
ก็อกๆ“จูจู นอนยังอ่ะ” เป็นจงอินนั่นเองที่เคาะห้องและเรียกเธอ
“ยังค่าาา แปปนึงนะ” คยองจูยันตัวลุกขึ้นจากเตียง สวมใส่สลิปเปอร์ และรีบเดินไปเปิดประตู
“มีไรเหรอ”
“ไปที่ห้องของอินอินแป็บนึงสิ มีของขวัญจะให้”
“อ่า ก็ได้ๆ”
หลังจากตอบตกลง คนตัวสูงก็เดินอ้อมมายังข้างหลังของคนตัวเล็ก เอามือหนาข้างขวาปิดตาของคนที่สูงแค่ระดับอกเอาไว้จนเจ้าตัวรู้สึกอุ่นเล็กน้อยที่เปลือกตาคู่สวย หลังจากนั้นจึงเอื้อมมือซ้ายไปทางหลังโดยไม่มองจับลูกบิดเพื่อปิดประตูห้อง
“มีอะไรอ่า ทำไมต้องปิดตาจูจูด้วยเนี่ย” เจ้าของน้ำเสียงหวานพูดขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับที่มือทั้งสองข้างส่ายไปอย่างสะเปะสะปะ
“ถ้าอินอินไม่ปิดตาจูจู จูจูก็ไม่รู้สึกเซอร์ไพรซ์อะดิ่” คนตัวสูงโน้มใบหน้าลงมาข้างๆ หู กระซิบเบาๆ จนคยองจูรู้สึกได้ถึงลมร้อนๆ ที่บริเวณหู ส่วนจงอินก็ใช้มือซ้ายจับไหล่ลู่ของคนตัวเล็กเอาไว้เพื่อประคองให้เจ้าตัวเดินดีๆ ไม่ใช่ไปชนกับสิ่งของตั้งวางอยู่ตามทางเดิน
“จะเล่นอะไรแผลงๆ อีกรึเปล่าเนี่ย”
“เหอะน่า เดี๋ยวเดินไปถึงห้องอินอินเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ จงอินก็พาคยองจูเดินมาถึงหน้าห้องนอนของลูกชายเจ้าของบ้านจนได้ คนตัวโตเอื้อมมือซ้ายไปที่ลูกบิดประตูเพื่อเปิดประตู ก่อนจะใช้มือข้างเดียวกันจับไหล่ของคนตัวเล็กอีกครั้งและดันเจ้าตัวให้เดินเข้าไปและปิดประตูห้องลงอีกครั้ง
“เอาละนะ จูจูพร้อมนะ”
“อื้อ”
1
2
3!ทันทีที่จงอินคลายมือออก คยองจูกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสจนเห็นสิ่งของที่ตั้งอยู่ข้างต้นคริสต์มาสอย่างชัดเจน คนตัวเล็กในเสื้อฮู้ดตัวโคร่งก็ยกมือข้างนึงขึ้นมาปิดปากตัวเอง ส่วนรูม่านตาก็ขยายกว้างและตาก็โตขึ้นเนื่องจากอารมณ์ที่ทั้งช็อกและดีใจด้วยๆ จนหัวใจเท่ากำปั้นสั่นอย่างแรงและเต้นเร็วมากๆ
(⊙ᗜ⊙) Σ(ノ°▽°)ノ
สิ่งนั้นก็คือ
ตุ๊กตาเพนกวิ้นตัวใหญ่ที่ตั้งพิงอยู่ข้างๆ
ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ขนาดเดียวกันและต้นคริสต์มาสซึ่งประดับประดาด้วยไฟเล็กๆ สีขาวเป็นสาย ขนาดเท่าไม่ใหญ่โตมากนักตรงประตูระเบียงกระจกที่มีผ้าม่านแขวนเพื่อบดบังสายตาจากคนข้างนอกบ้าน
เป็นตุ๊กตาที่คยองจูชอบมากๆ และอยากได้มานานแล้วด้วยคยองจูรู้สึกร้อนที่กระบอกตา เป็นเพราะว่าเธอดีใจและมีความสุขมากๆ จนน้ำตารื้น คนตัวเล็กไม่คิดว่าจงอินจะใส่ใจเธอขนาดนี้ เพราะว่าคยองจูไม่เคยบอกให้จงอินรับรู้เลยว่าตัวเธอนั้นชอบตุ๊กตาเพนกวิ้นเอามากๆ มากถึงมากที่สุด
น่าจะเป็นตอนที่คยองจูยืนรอคนตัวสูงอยู่หน้าร้านขายตุ๊กตาที่มีเจ้าเพนกวิ้นตัวโตตัวนี้ตั้งอยู่ละมั้ง
“อินอินรู้ได้ว่าจูจูชอบเพนกวิ้น”
“รู้สิครับ ก็อินอินแอบมองจูจูอยู่ตอนเดินมาถึงที่ๆ นัดกันเอาไว้”
“ฮื่อ ขอบคุณนะ อินอินน่ารักที่สุดในโลกเลย~❤” ยัยแมวเหมียวตัวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักชวนใจละลายใส่คนตัวโตที่ยืนลอบยิ้มบางๆ อยู่ด้านหลัง ก่อนที่จะหันตัวมาและกระโดดโผเข้ากอดจงอินอย่างเต็มแรงและแนบแน่น
แน่นอนว่าจงอินก็เขินและหัวใจเต้นแรงอยู่เหมือนกัน (〃・ω・〃)
“ชอบของขวัญมั้ยครับ” จงอินพูดเบาๆ กับคนที่โผเข้ากอดและใช้เรียวแขนเล็กๆ สีน้ำนมโอบรอบคอเขาไว้แน่นจนได้กลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆ จากเรือนผมนุ่มสีน้ำตาลเข้ม
“ชอบสิ ชอบมากๆเลยด้วย”
“ยังมีอีกนะ”
“หื้ม? ยังมีอีกเหรอ แค่นี้จูจูก็รู้สึกเซอร์ไพรซ์มากแล้วนะ” คนตัวเล็กผละออกจากการโอบคอคนตัวสูงด้วยสีหน้าที่งุนงงเล็กน้อย
“ไปนั่งที่เตียงก่อนนะครับ” จงอินจับไหล่บางของเจ้าตัวเล็กเอาไว้และดันตัวให้นั่งลงที่ปลายเตียงนุ่ม ส่วนตัวเขาก็เดินไปอุ้มเจ้าตุ๊กตาเพนกวิ้นตัวใหญ่ขึ้นมาแล้วส่งให้คยองจูกอดแบบเอาคางเกยเอาไว้ หลังจากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ หยิบกีตาร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อนซึ่งวางตั้งพิงอยู่ข้างโต๊ะขึ้นมา จงอินจับเก้าอี้ล้อเลื่อนให้หันหน้าไปทางปลายเตียง คนตัวสูงในชุดเสื้อคอเต่าสีดำหยิบกีตาร์ขึ้นมาวางบนตัก จัดท่าจัดทางให้เรียบร้อยดูดี ก้มหน้าลงเพื่อเช็คและจับคอร์ด เคาะจังหวะกับตัวเองสองสามที ก่อนที่เสียงอินโทรนุ่มๆ จากกีตาร์และจากเจ้าของกีตาร์จะดังขึ้น
“요즘 그댈 보면 난 가슴이 떨려요”
ช่วงนี้ เวลาที่มองเธอ หัวใจมันเต้นแรงตลอดเลย
“왜 매일 매일 예쁜 건지”
ทำไมถึงได้สวยทุกวันแบบนี้นะ
“오늘 그대에게 난 묻고 싶어요 그대도 내 맘과 같은지”
วันนี้ฉันอยากจะถามเธอดูจัง ว่าเธอรู้สึกเหมือนกันรึเปล่า
“어쩌면 이렇게 우리가 만나게 된 것도 운명일거에요”
บางที การที่เราได้มาเจอกันแบบนี้ อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้นะ
“마치 그댈 위해 모든 게 준비된 것 같아 그대만 보여요”
ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ได้จัดเตรียมมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ ฉันมองเห็นแค่เธอคนเดียวเลย
“You make me smile and make me fly”
เธอทำให้ฉันยิ้มและทำให้ฉันโบยบิน
“그대 눈을 바라보면서 사랑을 얘기할래요”
ฉันจะพูดถึงความรักของเราไปพร้อมๆ กับมองตาของเธอ
ตอนนี้…ดวงตากลมโตประสานกับดวงตาเรียวสวย อย่างมีความหมาย
“예쁜 미소와 함께 사랑스런 눈빛도”
ทั้งรอยยิ้มสวยๆ และแววตาแสนน่ารักนั้น
และรอยยิ้มรูปหัวใจก็ขยายเป็นดวงกว้าง…“모두 내 맘에 담아둘 거에요 이리 와서 내 손을 잡아요”
ฉันจะจดจำมันไว้ทุกๆ อย่างเลย มานี่สิ มาจับมือฉันไว้นะ
เสียงทุ้มนุ่มยังคงคลอกับเสียงจากการดีดและเกากีตาร์โปร่งไปเรื่อยๆ ทุกคำ ทุกวลี และทุกประโยคในเพลง You ของ J_ust นั้นตรงกับตัวคยองจูในทุกๆ อย่าง
เมื่อสิ้นเสียงเพลงอันแสนไพเราะและอบอุ่น ไม่มีใครพูดอะไรออกมา คยองจูวางตุ๊กตาเพนกวิ้นตัวใหญ่ลงกับเตียง ช่วงขาเล็กก้าวช้าๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็ว พร้อมกับมีรอยยิ้มรูปหัวใจดวงโตๆ ประดับอยู่บนใบหน้าแสนน่ารัก ก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้าของห้องนอนนี้ เรียวมือสวยยื่นไปจับและกอบกุมมือของจงอินเอาไว้
“สุขสันต์วันครบรอบ 4 เดือนที่ ‘เรา’ สองคนคบกันนะครับ” จงอินเปลี่ยนจากการจับกีตาร์มาเป็นจับมือเล็กๆ และบีบแน่นๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกจากหัวใจ
“…”
“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจให้อินอินในทุกๆ วัน ขอบคุณที่อยู่เฝ้าถึงมืดค่ำจนอินอินซ้อมเบสบอลเสร็จ ขอบคุณที่ไปเชียร์อินอินทุกครั้งในวันที่มีแข่ง ขอบคุณที่ไม่เคยงอแงและมีเหตุผลเสมอ ขอบคุณรอยยิ้มรูปหัวใจดวงโตในวันที่อินอินเหนื่อย ขอบคุณความน่ารักของจูจู ขอบคุณในทุกๆ เรื่อง ขอบคุณจูจูที่ยังอยู่ข้างๆ อินอิน”
“…” คนตัวเล็กยิ้มกว้างจนตาหยีเป็นเส้นครึ่งวงกลม
“รักจูจูนะครับ”“รักอินอินเหมือนกันนะ”เมื่อต่างคนต่างเอ่ยคำว่ารักออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ คยองจูใช้สองมือเล็กจับไปที่สันกรามคม ประคองใบหน้าของคนตัวสูงให้เชิดขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าหวานละมุนโน้มใบหน้าลงไปหาใบหน้าคมเข้ม ดวงตากลมโตประกายระยิบระยับราวกับมีกาแล็คซี่หลายพันกาแล็คซี่ซ่อนอยู่ข้างในประสานกับดวงตาคมประกายล้ำลึกดั่งมหาสมุทร หน้าผากแนบหน้าผาก ปลายจมูกโด่งแตะกันเบาๆ กลิ่นลมหายใจหอมหวานและกลิ่นลมหายใจแบบมิ้นต์เย็นๆ ก็ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว
ริมฝีปากรูปหัวใจประทับลงบนอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา แต่ความรู้สึกชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ รสชาติจูบแบบเด็กประถมจากฝีมือของคนตัวเล็กก็ยังคงสร้างปรากฏการณ์ผีเสื้อฝูงใหญ่บินวนอยู่ในท้องของคนตัวโตได้เสมอในทุกๆ ครั้ง และฝ่ามือก็รั้งเอวคอดให้เข้ามาใกล้มากขึ้น
รสชาติจูบแบบเด็กน้อยยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และไม่มีใครสนใจที่จะนับเวลาที่ผ่านไป จนเมื่อคยองจูพอใจและแน่ใจว่าการบอกรักผ่านจูบจะส่งผ่านและเข้าถึงหัวใจของจงอินจริงๆ เจ้าของริมฝีปากรูปหัวใจดวงน้อยจึงถอนริมฝีปากออกพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแสนสดใส
คยองจูเดินกลับไปที่ปลายเตียงอีกครั้ง เอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาเพนกวิ้นตัวใหญ่ความสูงเทียบเท่าครึ่งตัวของเธอมากอดไว้แน่น จงอินที่เอากีตาร์โปร่งไปเก็บไว้ที่เดิมนั้นก็เดินตามคนตัวเล็กไปที่ประตูห้องนอน เอื้อมมือไปจับลูกบิดสีเงินเพื่อเปิดออก จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างวางแหมะอยู่บนผมหน้าม้านุ่มๆ อย่างที่เจ้าตัวชอบทำเป็นประจำ
“ฝันดีนะจูจู อย่านอนดึกนะครับ” จงอินโน้มหน้าลงมาจนใบหน้าหล่อเหลาอยู่ในระดับเดียวกันกับใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก
“อื้อ! ฝันดีเหมือนกันนะ” คนตัวเล็กก้มหน้าจนคางชิดอก ริมฝีปากรูปหัวใจขยับขมุบขมิบตามถ้อยคำที่พูดออกมา หลังจากจึงเดินออกจากห้องนอนของคนตัวสูงเพื่อกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง
และคืนนั้น ทั้งคู่ก็นอนหลับฝันดีพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า
25 DECEMBER 2017
วันนี้เป็นวันคริสต์มาส วันเกิดของพระเยซูผู้ซึ่งเป็นศาสดาสำหรับคนที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งทางโรงเรียนไฮสคูลแห่งนี้ก็มีธรรมเนียมที่ทำกันเป็นประจำทุกๆ ปี นั่นก็คือ การมอบหมายให้แต่ละห้องในทุกระดับชั้นจัดกิจกรรมอะไรก็ได้ที่สามารถช่วยเหลือสังคมได้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านไหนก็ตาม ซึ่งผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการคิดไอเดียว่าจะทำกิจกรรมอะไร คอยประสานงานกับครูที่ปรึกษา และคอยควบคุมเพื่อนในห้องเพื่อให้ตัวเนื้องานออกมาดี คือ หัวหน้าห้องแต่ละห้องนั่นเอง
เมื่อ 2 วันที่แล้ว
คิม จงอิน หัวหน้าห้อง B ก็ได้เรียกประชุมเพื่อนในห้องหลังเลิกเรียนวิชาสุดท้ายของวันว่าจะจัดกิจกรรมอะไรดีในวันคริสต์มาส ซึ่งเพื่อนแต่ละคนต่างก็เสนอไอเดียกันเข้ามาหลากหลาย แต่ไอเดียที่ดูเหมือนจะถูกใจคุณหัวหน้าห้องมากที่สุดก็คือไอเดียจาก
คิม จงแด คนที่อยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าห้องนั่นเอง
ไอเดียที่ว่า นั่นก็คือ การทำการ์ดคริสต์มาสแบบแฮนด์เมด ทำด้วยกระดาษโฟโต้ ขายในราคาใบละ 2000 วอน จำนวน 300 ใบ และนำไปขายในย่านมยองดงซึ่งอยู่ใกล้และเป็นย่านที่อยู่ติดกับที่ตั้งโรงเรียน โดยรายได้จากการขายการ์ดแฮนด์เมดจะไม่ถูกหักค่าใช้จ่ายใดๆ และนำรายได้จำนวนนี้ไปมอบให้กับองค์กรการกุศลของคริสเตียน เพื่อให้องค์กรนี้นำเงินจำนวนนี้ไปใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะให้คนหน้าตาดีและดูน่ารักมาเป็นนายแบบ-นางแบบเพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้า หนึ่งในนั้นก็รวมจงอิน คยองจู แบคฮี และจงแดเข้าไปอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
เรียกได้เลยว่าจงอินหัวหมุนหัวปั่นหัวทิ่มหัวตำตั้งแต่วันที่ 23 เป็นต้นมา ทั้งซ้อมเบสบอล เตรียมงานคริสต์มาส แทบไม่ได้พักผ่อนแบบจริงจังเลยด้วยซ้ำ จนคยองจูหัวร้อนกับไอเดียของจงแดอยู่ในใจเงียบๆ เพราะความเป็นห่วงแฟนหนุ่มตัวเองนั่นแหละ
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้คยองจูหัวร้อนมากกว่าเดิม ก็คือ วันนี้ เมื่อตั้งแผงขายการ์ดคริสต์มาสเรียบร้อยแล้ว เจ้าของไอเดียคนเดิมดันคิดโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าวัยเดียวกันด้วยการซื้อ 3 แถมถ่ายรูปกับนายแบบ-นางแบบในการ์ดคริสต์มาสฟรี 1 ครั้ง
โปรโมชั่นบ้าบออะไรของแกเนี่ย จงแด!“แกๆ นั่นคิมจงอิน นักกีฬาเบสบอลโรงเรียน L นี่ กรี้ดดดดดด”
“ใช่ๆ โคตรหล่อแบบไม่ไหวแล้ววว ทำไงถึงจะได้เป็นแฟนพี่เขา”
“ฮื่อออออ ขนาดยืนเฉยๆยังดูดี พระเจ้าแม่งไบแอสพี่เขาป่าววะ”
เสียงโหยหวนและเสียงซุบซิบ(ซึ่งดังมาก) ของพวกสาวม.ปลายจากโรงเรียนอื่นที่มายืนออตรงแผงขายการ์ดคริสต์มาสของเด็กห้อง B เสียงวี้ๆ เหมือนแมลงวันนั่นโคตรน่ารำคาญ! ถ้าไม่ติดว่าต้องยิ้มแย้มก้มหน้าขายการ์ดนี่คงต้องเอาอะไรสักอย่างปาใส่พวกนั้นให้หุบปาก! ไม่รู้จะกรี้ดจะหวีดอะไรกันนักกันหนา ไม่รู้หรือว่าคนที่พวกเธอพูดถึงกันน่ะ เขามีแฟนแล้วโว้ย! ยืนอยู่ตรงนี้เนี่ย เห็นมั้ย!! o(`Д´*)o
แล้วทำไมจะต้องคล้องแขน ทำไมจะต้องซบไหล่ ทำไมจะต้องเอาตัวไปชิดขนาดนั้น!
โมโห!!! (◣_◢)
“มึงๆ นั่น ดูผู้หญิงผมบ็อบคนนั้นดิ่ น่ารักโคตรเลยว่ะ”
“ใช่ออลจังคยองจูป่ะ”
“เออว่ะ เห็นเขาลือกันว่ามีแฟนแล้วนะ แต่ไม่รู้แฟนคือคนไหน ช่างเหอะว่ะ”
“ซื้อการ์ด9ใบเลยดีมั้ยวะ จะได้ถ่ายรูปกับคยองจู 3 รูปเลยไงมึง”
“แจ่มมากเพื่อน เผื่อได้ไอดีไลน์!”
เช่นเดียวกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกผู้ชายม.ปลายต่างโรงเรียนที่มายืนออทำตาละห้อย ปากอ้ากรามค้าง น้ำลายจะไหลอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีกนะพวกมึง! แม่ง!! ไม่ติดว่าต้องยืนขายการ์ดกับยืนถ่ายรูปตามโปรโมชั่นบ้าๆ ของไอ้จงแดนี่จะตามไปเตะพวกมันเรียงตัวแล้ว กล้ามากนะ กล้ามาชมแฟนชาวบ้าน ทั้งๆที่แฟนเขายืนหัวโด่อยู่ตรงที่ทั้งคน แถมยังโอบไหล่คยองจูอีก ไอ้พวกbfepl[pewl;.as[pp;f[q;!!! ヽ(#`Д´)ノ
ใครเล่าจะรู้ว่าคิมจงอินซึ่งดูหล่อมากๆ แถมยังยิ้มแย้มเป็นกันเองนั้น ภายในหัวของเขาตอนนี้อย่างกับมีภูเขาไฟระเบิดไฟปะทุอยู่ข้างใน บึ้ม!!
เสียงความคิดในใจของจงอิน: ถ้าสั่งซื้อระเบิดมาปาใส่พวกมันได้ก็จะทำ! ยัยแมวตัวเล็กก็ดันไปยิ้มหัวเราะไปกับไอ้พวกบ้านั่นอีก แม่ง! อยากจะกระชากตัวเล็กแล้วหิ้วกลับบ้านให้มันรู้แล้วรู้รอด!
ใจเย็นๆ ไว้จงอิน หายใจเข้าอยากเตะพวกมันหนอ หายใจออกอยากเตะพวกมันหนอ……ส่วนแบคฮีที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างจงอินกับคยองจู เจ้าตัวได้แต่หันหน้าไปดูคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างหนักใจและถอนหายใจอย่างหน่ายๆ เป็นรอบที่ล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นแปดพันหารสองคูณด้วยสิบเอ็ดถอดดิพติดรูท— ไม่รู้จะถอนหายใจนับรอบนับครั้งยังไงดีละ ขอให้ขายหมดเร็วๆทีเถอะ.. สองคนนั้นควันออกหูจนคนกลางอย่างแบคฮีเองยังยืนเหงื่อแตก
จริงๆ แล้วการขายการ์ดคริสต์มาสของเด็กไฮสคูลปี 2 ห้อง B หมดลงอย่างรวดเร็วมากๆ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ที่พวกเขา (จงอิน จงแด คยองจู แบคฮี และคนอื่นๆอีกสองสามคน) ไม่สามารถไปไหนได้สักที นั่นเป็นเพราะว่า..การต่อคิวเข้าแถวถ่ายรูปของลูกค้านั่นแหละ โดยเฉพาะจงอินกับคยองจูที่ต้องยิ้ม ชูสองนิ้ว หรือทำท่าทางอื่นๆ ตามที่คุณลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กม.ปลายด้วยกันร้องขอ จนเมื่อคุณลูกค้าคนสุดท้ายถ่ายรูปเสร็จนั่นแหละถึงจะได้เก็บของกลับโรงเรียนกัน ตอนนี้ก็ใกล้เย็นแล้วด้วย
“นี่ คยองจู จงอิน เดี๋ยวเรากับจงแดเก็บของเรียบร้อยแล้วจะเอาเงินที่ขายการ์ดคริสต์มาสได้ไปมอบให้อาจารย์ที่ปรึกษาเอง พวกเธอก็..กลับกันหรือจะไปไหนก็แล้วแต่” แบคฮีพูดกับคนสองคนที่ไม่ยอมมองหน้ากันสักทีหลังจากที่ขายการ์ดคริสต์มาสหมดแล้ว
“ทำไมอ่ะ ให้ฉันช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ ไง” คยองจูตอบด้วยความสงสัย
“ไม่ต้องหรอก มันจะเสร็จแล้ว แถมยังไม่มีของอะไรมากด้วย พวกเธอสองคนมีเรื่องต้องเคลียร์กันไม่ใช่เหรอ ดูจากท่าทาง..อะนะ” แบคฮีพูดตรงๆ พร้อมกับมองไปทางคยองจูทีมองไปทางจงอินที
“หึ!”
“ชิส์!”
จากคนที่คอยเอาแต่จะมองส่งสายตาหากัน ตอนนี้กลับสะบัดและเชิดหน้าใส่กัน มองกันคนละทิศละทาง และกอดอกใส่กัน
เฮ้อ..พี่ชานยอล แบคฮีเหนื่อย“งั้นฉันกลับโรงเรียนก่อนนะ จะไปคืนหนังสือที่ยืมมาน่ะ” คยองจูพูดกับแบคฮีแค่คนเดียว(แต่เหมือนจะพูดให้คนตัวสูงได้ยินด้วย) พร้อมกับหยิบกระเป๋าสีน้ำตาลใบโตที่มีหนังสือเล่มหนาอยู่ราวๆ สองสามเล่มข้างในมาสะพายคาดไหล่
“อือ ไปเถอะ” แบคฮีพูดขานรับคำเพื่อนในขณะที่เจ้าตัวเองก็ก้มหน้าก้มตาเก็บของไปด้วย
หลังจากที่คุณเพื่อนสนิทสาวเชียร์ลีดเดอร์ขานตกลง คยองจูก็ไม่สนอะไรหรือใครทั้งนั้น ไม่สนใจแฟนหนุ่มนักกีฬาเบสบอลด้วย เดินดุ่มๆ อย่างไวเพื่อกลับเข้าไปในโรงเรียนโดยไม่สนใจคนตัวสูงซึ่งรีบหยิบกระเป๋าสะพายสีดำและรีบวิ่งตามมาห่างๆ อย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้คนตัวเล็กคลาดสายตา
ห้องสมุด
คยองจูรูดซิปเปิดกระเป๋าเพื่อเปิดออก ล้วงมือหยิบหนังสือเล่มหนาสองสามเล่มขึ้นมาและยื่นคืนให้กับบรรณารักษ์ห้องสมุดพร้อมกับบัตรนักเรียน โชคดีที่คืนทันเวลาเลยไม่เสียค่าปรับ และหลังจากที่คืนหนังสือที่เคาน์เตอร์บริการเรียบร้อยแล้ว สาวน้อยผมบ็อบก็เดินออกมาจากตรงนั้นโดยที่ไม่สนใจแฟนหนุ่มตัวสูงซึ่งยืนรอห่างๆ อยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย
“จูจู เดี๋ยวดิ่” คนตัวสูงรีบคว้าข้อมือเล็กๆ เอาไว้ทันทีที่แฟนสาวเดินผ่านหน้าไปโดยไม่หันมามองเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่คยองจูเมินเขาขนาดนี้
“มีอะไร จงอิน”
“มานี่! เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
เมื่อจงอินโดนคนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยใส่ แถมยังไม่เรียกด้วยสรรพนาม ‘อินอิน’ แบบทุกครั้งที่เจ้าตัวใช้พูดกับเขา นั่นยิ่งกลับทำให้จงอินเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จะโมโหก็ไม่เชิง จะโกรธก็ไม่ใช่ แต่ที่แน่ๆ คือ จงอินไม่ชอบให้คยองจูหมางเมินแบบนี้เลย
ชั้น 5
จงอินกึ่งจูงกึ่งลากคนตัวเล็กขึ้นลิฟท์มายังชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นที่ไม่ค่อยมีนักเรียนคนอื่นๆ เข้ามาใช้พื้นที่อ่านหนังสือเท่าไหร่นัก ร่างสูงเดินหาโต๊ะที่อยู่ในมุมอับ ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน และไม่มีกล้องวงจรปิด โดยคยองจูเดินตามอย่างเงียบๆ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแต่คำเดียว เพราะกำลังสะกดกลั้นอารมณ์โกรธไม่ให้ระเบิดออกมา
เมื่อหาโต๊ะอ่านหนังสือที่ปลอดจากสายตาผู้คนและปลอดภัยจากกล้องวงจรปิดแล้ว เป็นโต๊ะอ่านหนังสือที่มีเก้าอี้ 4 ตัว จงอินดึงเลื่อนเก้าอี้ออกพร้อมกับบังคับให้คยองจูนั่งลงและดึงกระเป๋าสะพายของคนตัวเล็กวางลงที่เก้าอี้ด้านข้าง หลังจากนั้นจึงทิ้งกายนั่งลงฝั่งตรงข้าม เจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าและผ่อนลมหายใจออกช้าๆ สองถึงสามครั้งเพื่อเรียกสงบสติและเพื่อให้อารมณ์เย็นกว่านี้
“จูจู โกรธอะไรอินอินรึเปล่าครับ”
“…”
“จูจู ทำไมไม่ตอบครับ”
“…”
เห็นได้ชัดเลยว่าคยองจูโกรธจงอินจริงๆ เพราะเจ้าตัวทำหน้างอง้ำ ดวงตากลมโตฉายแววหงุดหงิด แถมริมฝีปากรูปหัวใจยังเม้มเป็นเส้นตรงอีก
ถ้ายังเงียบอยู่แบบนี้ ได้เลยครับ————————
C U T
Library in Secret
Shh…
Read on
idonamjashingu.tumblr.com
How to ขอพาสเวิร์ด*เพราะเราเปลี่ยนรหัสเข้าtumblr แล้วจ้า*
- ไปที่ทวิตเตอร์
@IDONAMJASHINGU และกดDM ไม่จำเป็นต้องกดฟอลก็ได้ค่ะ
- สำคัญสำหรับตัวไรท์เองด้วยมากๆ อย่าลืมกลับมาคอมเม้นท์ในเด็กดีหรือจะไปหวีดใส่ที่แท็ก
#รักแห่งไคซู ก็ได้นะคะ อยากอ่านมากๆ
————————
ร้าน Café & Bookshop
“จูจู กินช็อกโกแลตบราวนี่มั้ยครับ” จงอินพูดกับคยองจูหน้าตู้กระจกใสที่ข้างในนั้นเต็มไปด้วยเค้กและขนมหวานหลากหลายชนิด ใกล้ๆ กับเคาน์เตอร์ทำกาแฟและเคาน์เตอร์คิดเงินของร้าน
“อื้อ เอาช็อกโกแล็ตฟัดจ์แล้วก็..ชีสเค้กด้วย” นิ้วป้อมชี้เลือกไปทางซ้ายทีไปทางขวาทีพร้อมกับที่ดวงตากลมโตมีประกายระยิบระยับ
“โห กินขนาดนี้--”
“ทำไม อินอินจะขัดใจจูจูเหรอ! 凸(`⌒´メ)凸”
“มะ..ไม่กล้าขัดใจหรอกครับ แหะๆ”
“…”
“พี่ครับ! เอาบราวนี่ 4 ช็อกโกแล็ตฟัดจ์ 2 ชีสเค้ก 2 ครับ” จงอินรีบบอกพี่เจ้าของร้านทันทีที่หันไปมองหน้าเจ้าตัวเล็กแล้วพบว่า..ยัยแมวที่หน้างอง้ำเพราะเขาขัดใจนั้นพร้อมที่จะดึงแขนเขามากัดได้ตลอดเวลา
(-﹏-。)
#สมาคมพ่อบ้านใจกล้า
END.
Talkไหนใครคิดถึงน้องคยองจูบ้างงงงงงงงงงงงง ยกมือขึ้นแล้วชูมือสูงๆ โหน่ยยยยยย
ใจจริงๆ เราไม่อยากแต่งต่อนะ เพราะว่ามันเหนื่อยนิดหน่อยและก็นิสัยเราเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างห้าวนิดนึง ไม่ค่อยมีโมเม้นท์แบบน้องคยองจูหรอก ฮื่อ;-;
แล้วก็ แอบกังวลนิดนึงด้วยถ้าใน OS นี้คนอ่านจะเชื่อและเห็นภาพมั้ยว่าพวกเขาเป็นแฟนกันจริงๆ คือเราไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริงจังอ่ะ (คนคุยก็มีบ้าง) การแต่งOSนี้ก็เลยค่อนข้างนานนิดนึงและเนื้อหายาวด้วย (20หน้าได้) อ่านกันให้ตาแฉะไปเรยจ้าาาา
ถือซะว่า OS นี้เป็นของขวัญคริสต์มาสย้อนหลังและเป็นของขวัญปีใหม่ล่วงหน้าไปเลยละกันนะ เพราะต่อจากนี้ไรท์จะขอพักแบบยาวๆ เพื่อฟื้นฟูร่างกายแล้ว /ปวดคอ
ขอบคุณคำแปลภาษาไทยของเพลง You - J_ust จาก beauspirit ด้วยค่า
ลิงค์ฟังเพลง
https://www.youtube.com/watch?v=KIhwI1LQ2Kgอ่านจบแล้วก็อย่าลืมคอมเม้นท์หรือแวะไปหวีดร้องดังๆ ที่แท็ก
#รักแห่งไคซู ออนทวิตเตอร์นะจ้ะ รักคนอ่านทุกคลโลยยยยย จู้บบบบบบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in