ผมยังจำเหตุการณ์ที่ทำให้วิธีคิดผมเปลี่ยนไปได้ ครั้งนึง
ตัวผมเองน่าจะอายุสัก 14-15 ได้
ครอบครัวมีทั้งหมด 5 คน ผมเป็นพี่ชายคนโต เป็นคนอารมณ์ร้อนมาตั้งแต่เด็กๆ
เป็นคนที่โมโหง่ายอะไรนิดๆหน่อยๆจะไม่ยอม แต่โกรธง่ายแต่ก็หายเร็ว
ทั้งๆที่สภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะในครอบครัว
หรือแม้กระทั่งในสังคมที่ผมอยู่ตอนนั้นจะไม่มีแนวโน้มที่ทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้ได้จริงๆ
ในวันที่อากาศร้อนวันนึง ตอนบ่ายๆที่โต๊ะคอมบนบ้านชั้นสอง มีเสียงดังกร่อกแกร่กๆ
ออกมาจากคีย์บอร์ด พร้อมกับเสียงกร่นด่าไม่พอใจ ตึก! เสียงหูฟังที่ถูกปาไปกระทบที่โต๊ะอย่างรุนแรง
"เอียด" เสียงประตูห้องที่กำลังถูกเปิด
แม่ผมชะโงกหน้าเข้ามามองภายในห้อง
ทำไมมีปัญหาอะไร เล่นเกมทำไมต้องเสียงดัง แล้วทำไมข้าวของถึงได้พังขนาดนี้
ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หันหน้าไปมองแม่แล้วเถียงกลับ
ผมทะเลาะกับแม่อยู่ราวๆ สิบนาทีเถียงกันไปมา
งั้นแม่ไม่ยุ่งละกัน จะทำอะไรก็ทำอย่าให้ข้าวของเสียหาย มันเดือดร้อน**
อารมณ์โกรธ โมโห โดยมีแรงกระตุ้นมาจากเกมแต่เริ่มแรก
กับการที่ต้องมาทะเลาะกับแม่
ใจเต้นแรง เหงื่อออก
ผมพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการทำเสียงดังๆ
แต่ว่ามันไม่ได้ผล แม่ผมไม่ได้สนใจเลย...
ความโกรธมันเริ่มมากขึ้นไปอีก ตอนนั้นโมโหจนสั่นไปทั้งตัวคิดว่าแม่ไม่รักบ้าง อารมณ์ที่กำลังแปรปรวน น้ำตาผมเริ่มไหลด้วยความโมโห ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมโกรธแม่เรื่องอะไร
ผมเริ่มโทษตัวเอง โกรธตัวเอง
ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่รู้สึกน้อยใจแล้วมีความคิดที่จะทำร้ายตัวเอง
ผมอยากจะชกกำแพงให้สุดแรง จนมันเป็นรู แต่ในรอบๆห้องนั้นมันเป็นกำแพงปูน
ตอนนั้นถึงจะโมโหแค่ไหน แต่กำแพงปูนนะคุณ ใจผมไม่กล้าพอที่จะเอามือไปวัดกับปูนหรอก
จู่ๆอารมณ์โกรธเหมือนหยุดสต๊อปไปแปปนึง เพื่อที่จะคิดวิธีจะทำไงดี
ที่ระเบียงบ้านชั้นสอง กำแพงบ้านเป็นไม้ฝาเฌอร่า
มันไม่น่าจะเจ็บนะ
เราตัดสินใจเดินไปที่ระเบียง
"เปรี้ยง!!" ภาพกำแพงไม้ฝาเฌอร่าเป็นรู ขนาดพอๆกับกำปั้นที่เราซัดเข้าไป
ติดครับ แขนผมติดในกำแพงครับ!!
ทำไงได้ล่ะครับตอนนั้น ร้องสิ ปล่อยโฮเลย
ผ่านไปแปปเดียว ครอบครัวผมแห่กันขึ้นมาทั้งบ้าน ภาพข้างหน้าที่พวกเขาเห็น
คือตัวผมแขนติดอยู่ในกำแพง
มือทะลุออกมาอีกฝั่ง มีเลือดไหลเล็กน้อย ตามจุดที่โดนบาด
ความรู้สึกตอนนั้น อยู่ๆจากความรู้สึกโมโหโกรธ มันกลายเป็นอายแล้วก็เจ็บแทน
น้องๆผมที่เห็นพี่ชายอยู่ในสภาพนี้ก็อดขำกันไม่ได้ ตัวผมเองไม่ได้สนใจที่น้องขำเลย เพราะความสนใจอยู่ที่แขน ที่ติดในกำแพงมากกว่า
แม่ผมแทนที่จะโกรธผมที่ทำแบบนี้ แต่กลับยิ้ม
ใบหน้าของแม่เหมือนพยายามที่จะกลั้นขำ แต่ก็หน้าตาเหมือนจะดุด้วย
.
.
"เป็นไงล่ะ" แม่ถามผมขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆ
เจ็บครับ
แม่บอกแล้วใช่มั้ยให้ใจเย็นๆ ทีหลังจะเลิกใช้อารมณ์แบบนี้ได้รึยัง
ผมตอบไปว่า "ครับแม่" ด้วยเสียงที่สั่น
ผมปล่อยโฮออกมาอีกรอบ เพราะรู้สึกผิดที่ไปทะเลาะกับแม่
รู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำแบบนี้
เหมือนกับความรู้สึกทั้งชีวิตมันมารวมกัน
พ่อผมเข้ามาปลอบ แล้วค่อยๆประคองแขนออกมา
วันนั้นทั้งวันผมใช้เวลาอยู่กับตัวเองในห้อง ผมค่อยๆคิดว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้
อะไรเป็นแรงกระตุ้น
อะไรคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อๆไป
ถ้าตัวผมยังเป็นแบบนี้อยู่
หลังจากวันนั้น ผมเริ่มที่จะเป็นคนที่ใจเย็น
ใช้เหตุผลมากขึ้นค่อยๆคิดเวลาที่จะทำอะไร
จะคิดเสมอว่า ทำแล้วจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง
จนทุกวันนี้ผมเปลี่ยนไป
และทุกครั้งที่ผมมีอารมณ์โกรธผมยังนึกถึงเหตุการณ์นั้นอยู่...
NULL
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in