เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Thaiฤทธิ์อ่าน-คิด-เขียน
วรรณคดีคาราเกะ
  • ถ้าพูดถึงคำว่า"วรรณคดีไทย" ขึ้นมา ใครหลายคนคงคิดถึงตำราหนาๆ ตัวหนังสือยาวเป็นพรืดสำนวนกลอนที่อ่านแล้วไม่ค่อยจะเข้าใจกันใช่ไหมล่ะ แต่...! หลังจากนี้วรรณคดีจะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป เมื่อเราสามารถนำวรรณคดีมามิกซ์แอนด์แมทช์กับเพลงสมัยปัจจุบันถ้าเราอินเพลงฮิตติดกระแสได้ ทำไมเราจะทำความเข้าใจวรรณคดีไม่ได้ล่ะ

    -คณะผู้จัดทำ กลุ่มไก่แก้วห้าดาว 

    มนุษย์ห้าคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับวิชาวรรณคดีไทยมาบ้างแล้ว



    (ว่าด้วยเรื่องของชื่อบทความ-- ก็คือคำว่าวรรณคดีกับคาราโอเกะแปะต่อกัน แต่พวกเรากลุ่มไก่แก้วห้าดาว อยากคุมโทนชื่อเรื่องให้เข้ากับชื่อกลุ่มหน่อย เลยกลายเป็น วรรณคดีคาราเกะ ฉะนี้แล)



    (ตามไปติดตาม creative content ได้ที่ เพจ "อ่าน-คิด-เขียน" https://www.facebook.com/arts.readthinkwrite/ นะคะ)



    1. “แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเหรอ”


        คุณเคยแอบมองใครไหม?


    เพลงฮิตสดใสอย่างคุกกี้เสี่ยงทายที่มีท่อนฮิตติดหูที่ใครๆก็ร้องตามกันได้อย่าง“แอบมองเธออยู่นะจ๊ะแต่เธอไม่รู้บ้างเลย”ซึ่งตรงใจใครหลายคนที่กำลังแอบรักแล้วคุณรู้ไหมว่าธรรมชาติของคนแอบรักเนี่ย มักจะชอบแอบมองคนที่สนใจซึ่งเรื่องแบบนี้ใครๆก็เป็นกันและก็มีมาตั้งนานแล้วด้วยอย่างรูปที่เห็นอยู่นี้มาจากเรื่องอิเหนาตอนบุษบาเสี่ยงเทียน

                                                    เมื่อนั้น               ระเด่นมนตรีศรีใส

                                      จึงขับโยธาเสนาใน                 วิ่งซอกซอนไปตามลำพัง

                                      พระโฉมยงกับองค์อนุชา          ประสันตาผู้ร่วมฤทัยหวัง

                                      วิ่งเข้าในวิหารซ่อนบัง             แอบหลังพระปฏิมากรฯ

          …..

                                                    เมื่อนั้น               พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา

                                      ได้ฟังมธุรสพจนา                  จึงตอบวาจาไปพลัน

                                      อันนางบุษบานงเยาว์              จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นมั่น

                                      จรกาใช่วงศ์เทวัญ                 แม้นได้ครองกันจะอันตราย

                                                    เมื่อนั้น               องค์มะเดหวีโฉมฉาย

                                      กับพี่เลี้ยงไม่แจ้งแห่งอุบาย       ก็ตื่นตายยินดีเป็นพ้นนัก

                                      เกิดมาไม่ได้ยินใครลือเล่า         พระเป็นเจ้ากล่าวคำให้ประจักษ์

                                      ชะรอยว่าบุญของลูกรัก            เห็นเที่ยงแท้นักไม่สงกา

     

    ฉากนี้เป็นฉากที่อิเหนาซึ่งหลบอยู่ในถ้ำหลังองค์พระปฏิมากำลังแอบมองบุษบาเสี่ยงเทียนทำนายอยู่ว่าตนจะได้คู่กับอิเหนาหรือจรกา พออิเหนาได้ยินคำถามนั้นก็ตอบกลับไปว่าคู่กับอิเหนาสิ ทำให้เหล่าพี่เลี้ยงและมะเดหวีต่างก็ตกใจเพราะคิดว่าเป็นเสียงของพระปฏิมา และคิดว่าเพราะบุษบามีบุญพระปฏิมาจึงตอบ แต่จริง ๆแล้วพระปฏิมาคืออิเหนาที่แอบมองบุษบาอย่างเนียนๆ ไม่มีใครรู้ใครเห็นเห็นไหมว่าเพลงในสมัยนี้ก็เข้ากันได้ดีกับวรรณคดีสมัยก่อน BNK48 กับอิเหนาก็ไปด้วยกันได้

    > คุกกี้เสี่ยงทาย - BNK48 www.youtube.com/watch?v=mfqJyKm20Z4





  • 2. “รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง”

         คุณเคยเสี่ยงทำอะไรลงไปทั้งๆ ที่รู้ผลลัพธ์อยู่แล้วไหม

    เคยไหมตอนทำข้อสอบแต่ไม่รู้คำตอบเลยเสี่ยงเขียนไปทั้งๆที่รู้ว่ามันผิดแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้กระดาษขาวโพลนส่งอาจารย์ไปหรือเคยไหมแอบชอบใครทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีหวัง แต่ก็พยายามพิชิตใจเขาหรือเธอคนนั้นก็เหมือนกับพระลอแหละ แต่เรื่องของพระลอถึงขั้นเป็นหรือตายเท่านั้นเอ๊งงง

    เรื่องราวของลิลิตพระลอในฉากที่เห็นอยู่นี้คือตอนพระลอเสี่ยงทายที่แม่น้ำกาหลงโดยพระลอกำลังเสี่ยงทายอธิษฐานว่า หากตนสามารถเดินทางไปหาพระเพื่อนพระแพงและกลับไปเมืองของตนได้โดยสำเร็จขอให้กระแสน้ำไหลไปตามปกติ แต่หากการเดินทางครั้งนี้มีอันเป็นไปขอให้น้ำไหลวนอยู่ข้างหน้า ซึ่งเป็นการเสี่ยงทายที่แอบเข้าข้างตัวเองอยู่นิดๆว่าผลลัพธ์น่าจะเป็นไปตามที่หวัง เพราะปกติน้ำต้องไหลไปตามกระแสอยู่แล้วเหมือนแค่ทำให้ตนมั่นใจขึ้นก็เท่านั้น แต่ทว่า…!! น้ำกลับไหลเวียนวนหน้าพระลอจ้ายังไม่พอ น้ำในแม่น้ำยังเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือดอีกด้วย

     

                                            มากูจะเสี่ยงน้ำ             นองไป ปรี่นา

    น้ำชื่อกาหลงไหล                     เชี่ยวแท้

    ผิวกูจะคลาไคล                        บรอด คืนนา

    น้ำจุ่งเวียนวนแม้                     รอดไส้จงไหล

    ครั้นวางพระโอษฐ์น้ำ        เวียนวน อยู่นา

    เห็นแก่ตาแดงกล                      เลือดย้อม

    หฤทัยระทดทน                        ทุกข์ใหญ่ หลวงนา

    ถนัดดังไม้ร้อยอ้อม                    ท่าวท้าวทับทรวง

     

    พระลอมองแล้วรู้เลยว่ายังไงก็ไม่รอดแต่ก็ยังจะไปเพราะมาขนาดนี้ก็ถอยกลับไม่ได้แล้ว ได้แต่ท่องในใจว่า“รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง”

     

    > เล่นของสูง - BIGASS www.youtube.com/watch?v=bAQw8ZS_0kg



  • 3. “เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้ว่ารักเธอเท่าไหร่”


         เคยไหมที่ความเหงาทำให้คิดถึงใครบางคนขึ้นมา


    ทุกคนคงเคยมีอารมณ์เหงา ในห้วงเวลานั้นคุณอาจคิดถึงใครบางคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต    คนที่เคยมีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน และยิ่งดึกยิ่งเงียบอยู่ตัวคนเดียวก็ทำให้ยิ่งเหงาขึ้นไปอีก  อาการนี้เป็นอาการเดียวกับขุนแผนในเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างโดยเรื่องมีอยู่ว่า ขุนแผนทะเลาะกับวันทองเรื่องลาวทอง(เมียใหม่ของขุนแผน) ขุนแผนโกรธมากเลยทิ้งและไม่สนใจนางวันทองอีก ส่วนตนก็กลับไปกับนางลาวทองแต่ต่อมาขุนช้างไปฟ้องพระพันวษาว่า ขุนแผนอู้งานทำให้พระพันวษาพาตัวนางลาวทองกลับไปในวังเพื่อลงโทษขุนแผนและในคืนนั้นที่ขุนแผนกำลังนอนเหงาคิดถึงลาวทองคิดไปคิดมาก็โกรธขุนช้างที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้และก็เริ่มคิดถึงใครคนหนึ่งที่อยู่กับขุนช้างนั่นก็คือ นางวันทองนั่นเอง

     

                                             นอนเดียวเปลี่ยวใจไม่มีคู่   ทุกฤดูตรอมใจให้หมองหมาง

                                 หน้าร้อนร้อนใจดังไฟฟาง             หน้าฝนฟ้าครางรำพึงครวญ

                                 หน้าลมลมแล่นตลอดจิต               ปกปิดผ้าห่มยิ่งโหยหวน

                                 จากเมียเสียใจให้รัญจวน              เสียดายนวลลับหน้าไปกว่าปี

                                 เพลากลางคืนสะอื้นอ้อน               จะหลับนอนขุ่นข้องยิ่งหมองศรี

                                 พลิกกลับก็ไม่หลับสนิทดี              สักกี่ปีลาวทองน้องจะมา

    …..

                                             ยามกินก็จะกินแต่น้ำตา     เฝ้าครวญคร่ำร่ำหาเวลาดึก

                                 จะแสนคิดเช้าค่ำเฝ้ารำลึก             ตรึกแล้วเคืองขุ่นให้มุ่นใจ

                                 โอ้ว่ากรรมทำไว้ไฉนหนอ              มาเกิดก่อวิปริตผิดไปได้

                                 จะมีมิตรก็ให้เชือนผิดเพื่อนไป         หย่อนให้กลับเหิมข่มเหงทำ

                                 แสนแค้นเคืองใจไอ้ขุนช้าง             ใจกระด้างกระเดื่องคิดให้ผิดส่ำ

                                 มันชิงวันทองไปอ้ายใจดำ              แต่สักคำมิได้ว่าให้เคืองใจ

     

    ด้วยความเหงาจับใจขุนแผนเลยตัดสินใจบุกเรือนขุนช้างเพื่อชิงวันทองกลับมาเพราะความเหงานี่เองที่ทำให้รู้ใจตัวเองเสียที (แหม่ ก่อนหน้านี้ตอนมีลาวทองก็ไม่เคยคิดถึงวันทองเลย พอวันทองไม่อยู่ต้องนอนเหงาคนเดียวกลับค่อยคิดถึงวันทองขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่เหงาขุนแผนจะคิดถึงวันทองไหม)

     

    >เหตุเกิดจากความเหงา - Emotion Town www.youtube.com/watch?v=iGVeFDyhxA0



  • 4. “ความรักมันประหลาดไม่ค่อยมีโอกาสเกิดขึ้นพร้อมกัน”


        เคยรู้สึกไหมว่าความรักไม่เข้าใครออกใคร


    บางครั้งเราชอบใคร เขาก็ไม่รักเรา หรือบางครั้งที่มีคนมารักเรา แต่เราก็ไม่มีความรู้สึกให้กับเขาหรือเธอคนนั้นแม้แต่นิดเดียว ความรักและความรู้สึกของหัวใจไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับกันได้เช่นเดียวกับความรักที่ออกแบบไม่ได้ของซมพลา ลำหับ และฮเนา ตัวละครจากเรื่องเงาะป่า  ซมพลาและฮเนาต่างก็รักผู้หญิงคนเดียวกันคือลำหับ เรื่องมันเศร้าสำหรับฮเนาตรงที่แม้ลำหับจะเป็นคู่หมั้นของตน แต่ในใจเธอกลับมีแต่ซมพลา ลำหับรักซมพลาจึงหนีตามซมพลาไป แต่ฮเนากลับหลงคิดว่าซมพลาลักพาตัวลำหับไปจึงเร่งออกตามหา ระหว่างทาง ฮเนาได้พบกับมือซังกับวังคอนซึ่งมีใจให้ตนและพยายามทอดสะพานให้ แต่ฮเนาก็รักเพียงแต่ลำหับ เมื่อฮเนาจากมาจึงครุ่นคิดว่า ความรักเป็นสิ่งประหลาด คนที่ไม่ได้หมายปองก็มารัก แต่อีกคนที่รักแทบตายกลับห่างเหินออกไป ดังคำกลอนที่ว่า

     

                                    เมื่อนั้น                          ฮเนานึกประหลาดอนาถจิต

                             สงสารสองนางจริงหยุดนิ่งคิด         มาหมายผิดเออนี่กรรมทำกระไร 
                             จะแจ้งความตามสัตย์ตัดสวาท        ไหนสองนาฏนางจะหยุดสุดวิสัย

                             จึงปลอบโยนสองนางให้สร่างใจ      แล้วอำลาครรไลเข้าในดง

     

                                      เดินพลางทางตรึกนึกก็ขัน      ดูเหมือนฝันอนาถจิตพิศวง

                             นางที่เราจงจิตคิดจำนง                  เกือบได้คงคู่แล้วกลับแคล้วไกล

                             ส่วนนารีที่มิได้เคยนึกฝัน                มาหมายมั่นจงจิตพิสมัย

                             เออโลกนี้นี่มันเป็นอย่างไรไป           จึงดลให้ไขว้เขวเล่ห์ดังนี้


    ความคิดของฮเนานี้แสดงถึงคติความรักที่เป็นสากล ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยความจริงข้อนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไป ดังที่เห็นได้จากเรื่องเงาะป่าที่เขียนในสมัยร.5 (พ.ศ.2448) และในสมัยปัจจุบันก็มีเพลงให้ตายสิพับผ่าของแสตมป์ที่นำเสนอคติความรักนี้ผ่านท่อนที่ว่า“ฉันชอบใครเขาก็ไม่ชอบฉัน พอเขามาชอบเรา เราก็ไม่ชอบเขาเหมือนกันความรักมันประหลาดไม่ค่อยมีโอกาสเกิดขึ้นพร้อมกันสักที”

     

    > ให้ตายสิพับผ่า - STAMP www.youtube.com/watch?v=H_1bYgbU5Cw

     




    .......................................................................................................................




    จะเห็นได้ว่าวรรณคดีไทยที่ได้รับการประพันธ์มาตั้งแต่อดีตกับเพลงไทยในสมัยปัจจุบันสามารถไปด้วยกันได้ โดยการเชื่อมโยงเหตุการณ์ในวรรณคดีเข้ากับเนื้อเพลง ทำให้รู้สึกสนุก ตลกขบขัน และยังทำให้เราจดจำเหตุการณ์ได้โดยไม่ต้องท่องจำ เพียงแค่นำวรรณคดีที่ดูเหมือนไกลตัวมาเชื่อมโยงกับเพลงสมัยใหม่ที่เป็นสิ่งใกล้ตัว ทำให้ไม่รู้สึกว่าวรรณคดีเป็นเรื่องเข้าถึงยาก แต่สามารถเข้าถึงได้ในชีวิตประจำวันเช่นกัน


     

    ขอขอบคุณแรงบันดาลใจมาจากเพจคาราโอเกะชั้นใต้ดิน

     www.facebook.com/basementkaraoke/


  • สร้างสรรค์โดย...ไก่แก้วห้าดาว

          ธนวรรณ     ทอธราเมธา    

          เนติรัตน์      ศรีสาเอี่ยม

          พิมพ์นารา   ศุภกรกุลนันทร์

          ภพกมล        บุญยะผลานันท์

          ภาภรอัณณ์   ศิริเหลืองรังสี   

    นิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


    บรรณาธิกรต้นฉบับ... ทีมงาน "อ่านคิดเขียน"
           อ.หัตถกาญจน์  อารีศิลป์
           กิตติธัช            รักษาคำ
           วีริสา                สมพงษ์
           ณัชชา       คล้ายมณี


    ผลงานสร้างสรรค์ในรายวิชา "วรรณคดีไทย" (ปลายภาคปีการศึกษา 2560) 
    หัวข้อ "วรรณคดีไทยในสื่อสังคมร่วมสมัย"

    **ลิขสิทธิ์ผลงานเป็นของผู้สร้างสรรค์ผลงาน**
    เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางวิชาการเท่านั้น

    ---------------------------------------------------------------------------------

    ผลงานในคอลัมน์ Thaiฤทธิ์
         วรรณคดีคาราเกะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in