ณ ถ้ำริมป่าแห่งหนึ่งในอาณาจักรอัสตรา ชายหนุ่มในผ้าคลุมสีดำนั่งขัดสมาธิหลับตาหน้าตาเขม็งเครียด รอบกายของเขาเต็มไปด้วยสิ่งของน่าสยดสยองมากมาย อาทิ หัวกะโหลกมนุษย์ขนาดเล็กที่ดูราวกับเป็นกะโหลกของเด็กทารกที่มีแสงสีเขียวน่าสยดสยองส่องแสงออกมาจากเบ้าตา โลหะสีขาวประหลาดตาที่เรืองแสงสีเงิน ไหสีหม่นที่ขยับเล็กน้อยทุก ๆ สองสามนาทีเหมือนมีอะไรถูกขังอยู่ข้างในจำนวนหลายสิบใบ
ชายหนุ่มเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุสายมืดที่มีอายุอยู่มาหลายร้อยปี เวทย์มนต์แก่กล้าและใช้ชีวิตอย่างสัญโดษอยู่กลางป่าลึก แต่แม้ไม่ได้สุงสิงกับใคร ด้วยความที่มีลักษณะผิดแผกแตกต่างจึงได้รับความสนใจจากชาวบ้านที่เขาเข้าไปแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อประทังชีวิตอยู่เสมอ ชาวบ้านต่างก็เรียกเขาว่าหมอผีในถ้ำหลังเขา
ไม่มีใครรู้ที่มาของชายหนุ่มผู้นี้ วันหนึ่งหลายปีก่อนเขาก็ปรากฏตัวขึ้นและอาศัยอยู่ในถ้ำอย่างนั้น
แต่วันนี้ความสงบของถ้ำได้ถูกทำลายลง เมื่อมีทหารกลุ่มหนึ่งเดินทางมายังถ้ำที่เขาอยู่พร้อมด้วยอาวุธเต็มมือ
“ออกมาจากถ้ำเดี๋ยวนี้ พ่อมดหมอผี!” หัวหน้าหมู่ทหารออกคำสั่งอยู่หน้าถ้ำ
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นช้า ๆ เขารู้ถึงสาเหตุที่พวกทหารมาหาเขาเป็นอย่างดี เมื่อสามวันก่อนมีการก่อเหตุขโมยลูกแก้วพลังของพวกขุนนางที่มีอำนาจมากในอาณาจักรและทำให้ลูกสาวของตระกูลนั้นหลับไหลเป็นเจ้าหญิงนิทรา ข่าวลือกล่าวว่าผู้ก่อเหตุนั้นใช้มนต์ดำก่อเหตุและหลบหนีไปได้อย่างไร้ร่องรอย ไม่แปลกอะไรที่ชาวบ้านจะสงสัยเขา
เขาเดินออกมาจากถ้ำอย่างสงบ สีหน้าไร้ความหวาดกลัว จะว่าไป เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ เลย
“จูด้า” เขาว่า
“อะไร?” หัวหน้าหน่วยสงสัย
“ชื่อของข้า ข้าไม่ใช่พ่อมดหมอผี และข้าไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกับตระกูลฟาลูค ออกไปจากที่ของข้าเสียแล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
จูด้าส่งสายตาอำมหิตไปยังหัวหน้าหน่วยซึ่งตัวใหญ่กว่าเขาเกือบเกือบหนึ่งฟุต เหล่าทหารเห็นสายตาของชายหนุ่มก็ผวาไปตาม ๆ กัน
แม้จูด้าจะดูอายุน้อยและมีโครงหน้าที่หล่อเหลา แต่รังสีอำมหิตที่ส่งออกมาจากตัวเขานั้นน่าเกรงขาม
จูด้าส่งเสียงเหอะในลำคอเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของหน่วยทหาร แล้วหันหลังทำท่าจะเดินเข้าทำ
“เดี๋ยวก่อน”
เสียงของสาวน้อยเรียกขึ้นทำให้จูด้าหยุดเดิน เขาหันไปพบกับเอ็กเซเรียซึ่งตามติดกองทหารมาด้วย
“ข้าเชื่อในความบริสุทธิ์ของท่าน แต่เราไม่ไดมาที่นี่เพื่อจับกุมท่าน ขออภัยที่มาบุกรุกสถานที่ส่วนตัวของท่าน แต่พวกเราไม่มีวิธีใดนอกจากมาขอความช่วยเหลือจากคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับมนต์ดำจริง ๆ”
เอ็กซีเรียกล่าวด้วยความร้อนรน
จูด้ามองเด็กสาว มือของเธอถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น สีหน้าของเด็กสาวดูอิดโรยและอ่อนล้าราวกับไม่ได้นอนมาหลายคืน แต่ดวงตาของเธอเปล่งประกายแห่งความมุ่งมั่น
จูด้านิ่งไป ทันใดนั้นเขาก็เดินเข้ามาหาเอ็กซีเรียอย่างรวดเร็ว
เกโอลก้าวออกมาขวางทันที
“หลบไป” จูด้ากล่าวอย่างรำคาญ “คุณหนูของเจ้ากำลังได้รับอันตรายจากมนต์ดำนะ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้มีหวังได้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอีกคนแน่ ๆ”
ได้ยินดังนั้นเกโอลก็หน้าถอดสี เขาหันไปมองเอ็กซีเรียทันควัน จริงอยู่ที่เด็กสาวดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติและกินไม่ได้นอนไม่หลับ นอกจากนั้นแผลที่มือซึ่งโดนกลุ่มควันปริศนากัดก็ดูท่าจะไม่ดีขึ้นเลยสักนิด
แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่ามันจะมีอันตรายถึงชีวิต
จูด้าขว้าข้อมือของเอ็กเซเรีย ปลดผ้าพันแผลออกด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว เมื่อผ้าพันแผลหลุดออกทุกคนก็ได้เห็นว่ามือของเอ็กเซเรียนั้นมีแผลสดที่แลดูใกล้เน่าและรอบ ๆ บาดก็เป็นสีดำสนิทหมดสิ้น
“อาการแย่พอควร จำเป็นต้องรักษาภายในวันนี้” จูด้าพูด
เอ็กเซเรียรู้สึกเสียขวัญ เธอทนทรมานกับบาดแผลนี้มาหลายวันแต่ไม่ได้เพร่งพรายให้ใครรู้ว่ามันไม่ยอมหาย แม้เลือดจะหยุดไหลแต่ไม่มีทีท่าว่าแผลจะสมานตัว และน้ำลายมังกรที่ขึ้นชื่อว่ามีสรรพคุณรักษาแผลอย่างดีเลิศก็ทำได้แค่เพียงคงสภาพไว้ไม่ให้แผลเน่าเหม็น เอ็กเซเรียทนปวดแผลจนไข้ขึ้น แต่ความเป็นห่วงพี่สาวมีมากกว่าเธอจึงยอมลำบากออกเดินทางมายังหุบเขาแห่งนี้เพื่อขอร้องหมอผีที่เขากล่าวขวัญกันด้วยตัวเองโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของพ่อแม่
“พวกเจ้า ไปหาหญ้าราชสีห์กับผลเบอร์รี่สีขาวจากหุบเขาด้านหลังมาสักหนึ่งหยิบมือ” จูด้าสั่งหัวหน้าทหาร หัวหน้าทหารมองหน้าเกโอลที่พยักหน้าให้ทำตามคำสั่ง
“ส่วนเจ้าสองคนมากับข้า” จูด้าบอกเกโอลและเอ็กเซเรีย
จูด้าเดินนำไป
“เดี๋ยวก่อน แล้วรัปเซลล่ะ” เอ็กเซเรียส่งเสียง
“?” จูด้าหันกลับมาทำหน้าฉงน
“มังกรของข้า ลูกมังกรเล็ก ๆ ท่านจะให้มันรออยู่ตรงนี้ตัวเดียวหรือ” เอ็กเซเรียทำเสียงกังวล
“มังกรไม่ใช่ลูกหมานะ สิงโตก็ทำอะไรมันไม่ได้หรอก” จูด้าว่า
“แต่..แต่..”
จูด้าถอนหายใจ “เอ้าก็ได้ พามันมาด้วยสิ”
เอ็กเซเรียทำหน้าโล่งใจ แล้วเธอก็เดินกลับไปจูงมังกรสีขาวของเธอไปด้วย รัปเซลส่งเสียงอี๊ด ๆ ด้วยทีท่ากังวลใจ
“ไม่เป็นไรนะรัปเซล พี่สาวอยู่นี่แล้ว โอ๋นะ โอ๋นะ” เด็กสาวลูบหัวมังกรอย่างปลอบโยน
จูด้าเดินนำเข้าไปในถ้ำ ถ้ำแห่งนี้มีปากกว้างใหญ่ ทำให้แสงส่องเข้าไปลึก แต่พอเดินเข้าไปเรื่อย ๆ รอบ ๆ กำแพงก็มีพืชเรืองแสงเกาะอยู่ทำให้ภายในถ้ำนั้นพอจะมองเห็นอะไร ๆ ได้
ไม่มีใครพูดอะไรสักคน เอ็กเซเรียเหน็ดเหนื่อยอิดโรย เกโอลก็มีท่าทีระแวดระวัง
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงมุมหนึ่งของถ้ำที่จูด้าใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีสิ่งของประหลาด ๆ มากมายวางอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ผนังหินถูกธรรมชาติเซาะกัดเป็นชั้น ๆ ถูกใช้เป็นที่วางของ ซอกหลืบถูกใช้ใบไม้วางสุมกองเป็นเตียง มุมหนึ่งมีหม้อชามรามไหที่ดูเหมือนจะใช้ต้มยาหรือหุงหาอาหารง่าย ๆ
จูด้าสุมไฟต้มน้ำโดยไม่พูดอะไร เขาชี้ให้เอ็กเซเรียกับเกโอลนั่งลงบนพื้นที่ว่างมุมหนึ่ง รัปเซลนั่งลงข้าง ๆ เอ็กเซเรียและขดหางโอบล้อมเด็กสาวไว้เหมือนโอบกอด
จูด้าจับมือของเอ็กเซเรียขึ้นมา แล้วเอากระดาษไขแผ่นหนึ่งแนบลงไป แผ่นนั้นดูดเอาสีดำออกจากมือของเอ็กเซเรีย เด็กสาวรู้สึกเจ็บจี๊ดบนจุดที่โดนดูดพิษ
“ท่านเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่หมอผี” เอ็กเซเรียทำลายความเงียบ
ชายหนุ่มเงียบไปสักพัก “มันไม่สำคัญว่าข้าเป็นอะไร หรือเจ้าไม่ไว้ใจจะให้ข้ารักษาเจ้า”
“เปล่าข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!” เอ็กเซเรียกล่าวเชิงขอโทษ
จูด้าไม่ได้กล่าวว่าอะไร สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนด้วยซ้ำ เขาเอากระดาษใสที่เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทออกจากมือเอ็กเซเรีย รอบ ๆ บาดแผลกลับมาเป็นสีดำเหมือนเดิม
ชายหนุ่มคีบกระดาษสีดำนั้นเผาเหนือกองไฟที่เขาสุมต้มน้ำ มันไหม้และออกเป็นควันสีดำสนิทที่มีลักษณะเข้มข้นกว่าควันธรรมดา จูด้าท่องมนต์บางอย่างอย่างต่อเนื่อง ควันนั่นม้วนตัวซ้อนทับเปลี่ยนรูปแบบไปมา
“เป็นมนต์เก่าแก่โบราณพอสมควร” เขาวิเคราะห์ให้ฟัง
“รู้ตัวผู้ใช้มนต์นี้หรือเปล่า” เกโอลถาม
จูด้าส่ายหน้า “หลักฐานแค่นี้ไม่สามารถบอกอะไรได้ แต่บนทวีปนี้มีแค่สองคนที่ใช้วิชาโบราณอย่างนี้ได้”
“ใครกัน” เอ็กเซเรียถาม
“คนหนึ่งคือข้า ส่วนอีกคน…” จูด้านิ่งไปราวกับกำลังคิดว่าควรจะพูดต่อดีหรือไม่
“อีกคนได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in