เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
jaedoroommoonwnt
Fall into a trap







  • เด็กชายผิวขาววิ่งเข้าสู่อ้อมกอดพร้อมกับรอยยิ้มบนริมฝีปาก สองแขนเล็กโอบรอบคอก่อนจะถูกช้อนตัวสู่อ้อมกอด เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วดังขึ้นเมื่อได้เล่นเครื่องบินอากาศ  ผมวางเขาลงเมื่อไหล่เริ่มล้า ทิ้งกายลงบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบอย่างหมดแรงก่อนจะถูกเด็กวัยห้าขวบโถมกายกระโจนใส่ เขาหัวเราะร่า

    ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองผมอย่างไร้เดียงสา
    และเพราะไร้เดียงสา เด็กชายจอง แจฮยอนจึงตกเป็นเครื่องมือของผมอย่างง่ายดาย





    "คุณอาครับ"

    ผมละสายตาจากนิตยสารรายวัน จ้องมองเด็กชายวัยสิบขวบหิ้วรองเท้าผ้าใบเข้ามาหา เชือกสีดำพันกันเป็นปม เขาตีหน้าเศร้า เดาว่าคงจะให้ผมผูกให้อีกตามเคย


    "ผมพยายามแล้ว"

    "ให้พ่อเราซื้อรองเท้าหนังให้แทนดีกว่าไหม"

    "ไม่ครับ" เขาตอบในทันที "คู่นี้อาเป็นคนซื้อให้ ผมอยากใส่คู่นี้"

    ผมยิ้มบางอย่างชื่นใจ พยักหน้าเรียกเขาเข้ามาใกล้ "มา จะสอนให้"


    บนพื้นกระเบื้องหินอ่อน เด็กชายนั่งลงกลางหว่างขา ผมสอดมือผ่านช่วงแขน ร้อยเชือกผ่านห่วงรองเท้าผ้าใบสลับไปมาเชื่องช้า เขามองตามเงียบนิ่ง ได้ยินเพียงเสียงหายใจ 


    "ทำให้ดูแค่ข้างเดียวนะ"

    เขาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย 

    เมื่อเวลาผ่านไป ท้ายที่สุดแล้วเชือกรองเท้าผ้าใบอีกข้างก็ยังพันกันอีกตามเคย



      



    "3.5ครับ"

    เด็กชายวัยสิบห้าไม่ยอมสบตา เขากำสมุดพกในมือไว้แน่นทั้งยังเม้มริมฝีปากอย่างที่ชอบทำเวลาประหม่า ผมจับจ้องไม่วางตา แม้จะยืนห่างออกไปราวสองช่วงแขนแต่ยังเห็นความหวาดหวั่นในแววตาอย่างเด่นชัด 

       
    "พ่อว่ายังไงบ้าง"

    "ไม่พูดครับ" เขาตอบ "พ่อไม่ได้พูดอะไรซักคำ"

    "เก่งแล้ว" ผมเอ่ยก่อนลุกจากเก้าอี้บุหนัง "หลานอาเก่งที่สุดในโลกแล้ว"

    เพราะคำชมนั้นเขาจึงยิ้มออกมา  "แบบนี้คงต้องหารางวัลให้คนเก่งแล้วล่ะ"

    แจฮยอนยิ้มกว้างกว่าเก่า ผมชอบลักยิ้มของเขา เพราะงั้นจึงทำทุกวิถีทางให้ได้เห็นมันอยู่บ่อยครั้ง "ว่ายังไง อยากได้อะไรไหม"

    เด็กหนุ่มครุ่นคิดไปชั่วขณะ "ขอเวลาคิดซักคืนได้ไหมครับ"

    ผมพยักหน้า มองแผ่นหลังของเด็กชายเดินจากไป 
    คิดในใจว่าคงต้องหาซื้อโมเดลกันดั้มอีกตามเคย 


    คืนถัดมา หลานชายคนเก่งของผมสวมชุดนอนยืนหน้าห้อง แขนสองข้างกอดหมอนใบโตไว้แนบอก ผมเลิกคิ้วมองไม่เข้าใจ "แอร์เสียเหรอ"

    "ป่าวครับ" เขาเอ่ย 

    "มาเอารางวัลต่างหาก"








    "แจฮยอน"


    หลานชายคนเก่งไม่หันมาอย่างเช่นทุกครั้ง ควันบุหรี่สีดำลอยขมุกขมัวไปทั่ว ผมยืนกอดอกพิงประตูระเบียง มองกลุ่มควันลอยละล่อง สูดรับบุหรี่มือสองเข้าไปทีละน้อยนิด

    "จะฆ่าใครกันแน่" ผมว่าด้วยความหงุดหงิด เด็กหนุ่มวัยยี่สิบกำลังทำให้ผมโมโหเป็นบ้า "เลิกสูบเสียทีก่อนที่อาจะโทรหาพ่อเธอ"

    "แล้วอาคิดว่าผมเรียกร้องความสนใจจากพ่อหรือไง" 

    "ที่ผ่านมาก็ใช่"

    "ไม่" เขาตอบก่อนพิงสะโพกไว้กับระเบียง จี้ก้นบุหรี่ลงในกระถางต้นไม้แสนรักของผม
    "อาต่างหาก"    

    "อย่าทำตัวเป็นเด็กมีปัญหานักเลย"

    "อาก็อย่าเป็นปัญหาให้ผมนักสิ" เขาเอ่ย เดินเข้ามาใกล้จนระยะห่างเหลือเพียงก้าว 

    "กินเบียร์ใช่ไหม"

    "ได้กลิ่นหรอครับ"

    "เหม็นหึ่ง ไปอาบน้ำแล้วค่อยคุย จะเตรียมน้ำอุ่นให้" ผมว่า ไม่ทันได้ก้าวเดินก็โดนคว้าจนผงะถอยหลัง เด็กหนุ่มกอดผมไว้แน่น แม้จะอยู่ด้วยในทุกๆช่วงอายุแต่ผมกลับไม่รับรู้ว่าเขาโตมากถึงขนาดที่กอดผมได้จนจมอก  "พูดให้รู้เรื่องนะแจฮยอน"

    "ผมอยากกอดอา"

    "เธอกอดอยู่" 

    เขาเกยคางบนไหล่ ใกล้ชิดจนได้กลิ่นลมหายใจ "หมายถึงกอดที่มากกว่านี้"

    "..."

    "ต้องโตแค่ไหนถึงจะกอดอาโดยองได้หรอครับ"
     
    ผมไม่แน่ใจ 
    คำถามของแจฮยอนอาจเป็นคำถามเดียวกันกับคำถามที่ว่าผมพร้อมจะแก้แค้นคอบครัวของเขาหรือยัง







    ชายหนุ่มสวมสูทสีดำ

    เขาเต้นรำกับหญิงสาวอีกคนด้วยเพลงโปรดของผม แม้จะเป็นคนจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองแต่กลับรู้สึกวูบโหวง พร่ำบอกตัวเองว่าวันนี้ทุกอย่างจะจบลงทว่าลึกๆในใจกลับคิดต่อต้านตัวเองเพียงเพราะสบตาเขา

    หลานชายคนเก่งคนนั้น

    ตอนที่ไฟทั้งงานดับวูบ แสงสีขาวสาดลงบนพรมแดง ชายหนุ่มโดดเด่นกว่าใครในสายตาของผม เขาสอดมือผ่านเอวของหญิงสาวชุดแดงเลือดนก กระชับกายเข้าใกล้ก่อนกดริมฝีปาก ลึกซึ้งและวาบหวาม 


    ดนตรีที่เราเปิดฟังกันในห้องทำงานบรรเลงขณะที่เขาบดขยี้ริมฝีปาก อย่างน้อยหากแจฮยอนมีมารยาทมากพอ ผมอยากให้เขาลองสบตากับเด็กสาวคนนั้นแทนที่จะเป็นผม 

    แค่เพียงเสี้ยววิก็ยังดี










    "อากำลังทำอะไรกันแน่!"

    เขาปิดประตูห้องทำงานเสียงดังลั่น เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้นดังเข้าใกล้ก่อนหยุดตรงหน้า   แววตาของชายหนุ่มแข็งกร้าว ไม่เหมือนเด็กหนุ่มไร้เดียงสาในอดีตอีกต่อไป 

    "อาไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหาก"

    "คิดว่าผมไม่รู้หรือยังไงว่าที่ผ่านมาอาวางแผนจะทำอะไร" ผมไม่แปลกใจกับคำพูดนั้น แต่เป็นเรื่องผิดหรือถูกกันที่เอาเขาเข้ามาในชีวิต เพราะว่าเขารู้ดีเกินไป ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือความคิด 

    เด็กคนนั้นตามผมทันทุกอย่าง 


    "อาฆ่าพ่อ"

    "เหมือนที่พ่อเธอฆ่าพ่ออา"  ผมตอบก่อนสบตาชายหนุ่ม  นับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก ชื่อของเขาหรือแม้แต่วินาทีที่เขาเดินได้เป็นก้าวแรก  ผมวางแผนให้ตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกๆช่วงชีวิตของแจฮยอน แทรกตัวเข้าไปในทุกๆขณะของความรู้สึก  โดยไม่ทันได้คิดว่าในขณะเดียวกันที่เวลาผ่านไป เขาเองก็เข้ามาในชีวิตผมเช่นเดียวกัน


    "แล้วอาเคยคิดจะฆ่าผมไหม" 

    ผมหลับตาลงชั่วครู่ก่อนลืมตาขึ้นเพื่อสบตาอีกครั้ง  "เคย" 

    เขาหลบตา จิกมือลงบนขาด้วยความเจ็บปวด  คำตอบของทุกอย่างอยู่ที่หยดน้ำในตา 


    เมื่อนานมาแล้ว ผมเลือดเย็นพอที่จะฆ่าเด็กชายคนนั้น 
    เพียงแต่ผมปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไป 
    เนิ่นนานจนเขาเติบโตเกินไร้เดียงสา 
    เนิ่นนานจนผมไม่อาจฆ่าเขา เพราะนั่นหมายถึงการฆ่าตัวตาย


    "ถ้าผมตายอาคงมีความสุขใช่ไหม"

    เสียงปิดประตูดังขึ้นบ่งบอกว่าเขาจากไปแล้ว  
    ผมสะอื้นจนแทบขาดใจ  
    การตกหลุมรักแจฮยอนทำให้ผมพ่ายแพ้ พังยับเยินเพราะเดินตกหลุมพลางที่ตัวเองขุดเอาไว้ 

    ผมทำลายแจฮยอนอย่างช้าๆ ฆ่าเขาให้ตายด้วยความรู้สึกตลอดระยะเวลา20ปีที่ผ่านมา 
    ทว่าแจฮยอนกลับใช้เวลาฆาตรรมผมเพียงเสี้ยววินาที











    ในตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่าหลังจากที่เขาปิดประตูใส่หน้าในวันนั้น เป็นการจากลาชั่วคราวหรือตลอดกาล ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงได้เข้าใจว่าผมไม่อาจได้ชายหนุ่มคนนั้นกลับมาอีก 

    เขาหายไปราวกับไร้ตัวตน 


    ผมชดใช้บาปกรรมของตัวเองด้วยหัวใจที่แตกสลาย  กอบกำเศษซากของหัวใจขึ้นมาประกอบวันแล้ววันเล่า  ทุกๆวันผ่านพ้นไปอย่างยากลำบากเมื่อตื่นมาพบว่าไม่มีเขาอีกต่อไป


    "อาครับ"


    ผมเบิกตากว้างก่อนมองไปรอบกาย
    เป็นอีกครั้งที่ผมร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงแว่วนั้น


















      
      










Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
kdyivrc (@kdyivrc)
เปียกปอนเรยเตง
asfoe (@asfoe)
โอโฮ โอโฮ สุดยอดมากก ปราทับใจ ภาษาสวยมากเลยคับ