เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ฟ้าใสรีวิวBhavijaya Chaionnom
รีวิว #ท่านประมุขหลงลืมฟื้นรัก ถึงเวลาพรรคมารจะเป็นฮีโร่
  • สวัสดีค่ะ ห่างหายกันไปนานจากการรีวิวนิยายเป็นเวลาปีกว่า ก็ได้ฤทธิ์งามยามดีกลับมารีวิวใหม่อีกครั้ง คราวนี้จะมารีวิวเรื่อง #ท่านประมุขหลงลืมฟื้นรัก ที่บอกเลยว่า สุดจริง ๆ


     อีซื่อหัวฉาง ผู้แต่ง 

     RML ผู้แปล                                                                                                                                       สำนักพิมพ์ Rose publishing

    คำโปรย

    เย่โย่ว ตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟคลอกทั้งยังสูญเสียความทรงจำ ไม่สามารถจดจำผู้ใดได้สิ่งที่มีติดตัวมีเพียงป้ายหยกของเหวินเหรินเหิง เจ้าสำนักฝ่ายธรรมะซ้ำฝ่ายนั้นยังอ้างว่าเขาคือศิษย์น้องที่หายสาบสูญไปอีกด้วย.ระหว่างสืบหาตัวตนของตนเอง กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมากมายเย่โย่วสงสัยว่าตนอาจเป็นประมุขลัทธิมารและทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นแผนการของเขาเองเขาจะเชื่อใจผู้ใดได้บ้าง หรือเชื่อไม่ได้เลยแม้กระทั่งตนเอง.ความลับที่ถูกเปิดโปงในครานี้จะต้องสั่นสะเทือนไปทั้งยุทธภพเป็นแน่

    TW : ความตาย , การทารุณกรรม , การทดลองในมนุษย์ 

    สปอย

    **เนื้อหาข้างล่างต่อไปนี้ก็คือ สปอยล้วน ๆ**  

    เรื่องนี้เป็นนิยายวายแนวจีนยุทธภพจ๋า ๆ มีเจ้าสำนักต่าง ๆ มากมายเป็นกระบุง แถมตัวละครก็เยอะสุด ถ้าไม่สันทัดนิยายจีนก็อาจจะลำบากนิดหน่อย เปิดเรื่องก็เริ่มด้วยการหายตัวไปของประมุขลัทธิมารชื่อ เย่โย่ว หรือนายเอก จนทำให้ผู้อาวุโสในพรรคต่างชุลมุนตามหา แต่ต่อมาเพื่อนพระเอกก็ไปเจอนายเอกสลบอยู่กลางกองเพลิงแล้วช่วยเอาไว้ได้ แต่นายเอกก็ต้องเสียโฉมอยู่ครึ่งหนึ่งและความจำเสื่อม จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ที่ตัวยังมีป้ายหยกของพระเอก ซึ่งเป็นเจ้าสำนักพรรคฝ่ายธรรมะชื่อ เหวินเหรินเหิง 

    พอเพื่อนรู้ว่านี่เป็นป้ายหยกของพระเอกก็รีบไปตามมาให้ดูว่า ใช่ของตัวเองไหม พอพระเอกมาถึงก็พบกับนายเอกแล้วก็บอกว่า นายเอกเป็นศิษย์น้องที่หายตัวไปเมื่อ 10 ปีก่อน  ซึ่งพระเอกก็รู้ความจริงอยู่แล้วว่านายเอกเป็นประมุขลัทธิมาร แต่ไม่ยอมบอกเพราะอยากให้นายเอกอยู่กับตัวเองนาน ๆ เลยปิดปังเอาไว้ หลังจากนั้นพระเอกก็คอยดูแลนายเอกตลอดเวลา ดูแลดีมากทั้งหายาราคาแพงมาทารักษาหน้านายเอก คอยหาข่าวมาป้อนให้เผื่อนายเอกจะฟื้นความทรงจำ แถมยังพานายเอกไปหาหมอเทวดาเพื่อรักษาอีก

    แต่พอพระเอกกับนายเอกไปหาหมอเทวดาก็ไม่ได้รักษา เพราะผู้เฒ่าตระกูลที่หมอเทวดารักษาอยู่กลับโดนพิษชื่อ ตะเกียงดับแสง เป็นพิษที่หายไปเมื่อ 20 ปีก่อนพร้อมกับมารซึ่งเป็นฝีมือของหมากดำที่ไม่รู้ว่าใครอีก ทำให้คนทั่วยุทธภพต่างมารุมกันที่บ้านสกุลหวังเพื่อสืบหาต้นตอ ปรากฏว่าก็ไปเจอคัมภีร์กระบี่ลับชื่อ กลไล่ล่า ที่ก็ควรหายไปพร้อมกับมารเมื่อ 20 ปีก่อนเช่นกัน แต่คราวนี้กลไล่ล่ากลับเป็นของปลอม ทำให้เหล่าชาวยุทธ์ต้องเดินทางตามหาถ้ำที่พบกลไล่ล่าเพื่อสืบสาวไปยังผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

    พอไปเจอถ้ำที่เก็บกลไล่ล่าก็เจอแผ่นที่ประหลาดทำให้ต้องเดินทางกันต่ออีก แล้วระหว่างการเดินทางนายเอกก็จะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับยุทธภพ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับประมุขเย่แห่งลัทธิมาร เพราะเป็นประมุขที่แสนจะกร๊าวใจมาก คือปากแซ่บมาก อ่านแล้วต้องตบเข่าฉาดว่าเห็นด้วย ไม่ใช่แค่ปากแซ่บ คารมก็ยังเริ่ด เพราะมีตำนานจีบสาวด้วย ขนาดเหมาหอชมดาวกันเลยทีเดียว 

    นอกจากนี้พอพระเอกเห็นแผนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็รู้สึกว่าต้องเป็นฝีมือนายเอกแน่ ๆ  ส่วนฝ่ายนายเอกเองก็เริ่มตงิด ๆ ว่าตัวเองอาจจะเป็นประมุขลัทธิมารที่ผู้คนเขาพูดถึงกัน จนสุดท้ายพอเดินทางไปถึงที่หมายในแผนที่ก็ไม่ได้พบคัมภีร์แต่พบศัตรูที่ควรตายไปเมื่อ 7 ปีก่อนแทน คนก็งงเลยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ 

    แถมยิ่งสืบไปกลับเจอตอของพรรคธรรมะแทน เพราะพรรคธรรมะจะมี "คุกผูถี" เอาไว้ขังเหล่าอาชญากรของโลกยุทธภพ แต่กลายเป็นว่าในคุกนี้กลับมีการทดลองทำมนุษย์โอสถ ซึ่งความสะเทือนใจให้ผู้คนเป็นอย่างมาก และเปิดเผยศัตรูตัวจริงนั่นก็คือ หมากขาว ผู้เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของหมากดำ คราวนี้เลยกลายเป็นศึกหมากระหว่าหมากขาว VS หมากดำ แทน แถมอีกนิดว่าตอนท้ายเรื่องนายเอกก็ฟื้นความทรงจำแต่เลือกที่จะไม่บอกพระเอกและทำตามแผนการที่ตัวเองได้วางเอาไว้ต่อ จบเล่ม 1

    ความรู้สึกหลังอ่านจบ+การวิเคราะห์

    เนือยมากกกกก อ่านแล้วว่าง อ่านแล้วว่างอยู่สักพัก เพราะช่วงแรกเหมือนเน้นปูเรื่องเยอะและอธิบายความสัมพันธ์ของตัวละครต่าง ๆ กว่าจะถึงจุดที่รู้สึกว่าสนุกก็อยู่ประมาณเกือบท้ายเล่มแล้ว แถมเรื่องยังตัดจบแบบช่วงพีค แนะนำว่าควรรอให้เล่ม 2 ออกก่อนแล้วค่อยซื้อไม่งั้นก็ค้างแน่นอน ส่วนฉากหวานแบบจัดจ้านมีน้อย แต่ถ้าแบบหวานละมุนอบอุ่นหัวใจก็มีให้เห็นผ่านการกระทำและคำพูดของพระเอกอยู่บ้าง 

    แต่ด้วยความที่ปูเรื่องมาแน่น ตัวละครมีที่มาที่ใบก็ทำให้เราอินกับโลกที่นักเขียนสร้างได้ง่ายขึ้น แถมปมของเรื่องนี้ก็โคตรจะใหญ่ยิ่งขมวดแล้วขมวดอีก ทำไมนายเอกต้องความจำเสื่อม หมากขาวเป็นใคร พระเอกปิดบังอะไรไว้หรือเปล่า แล้วเรื่องพิษกับคัมภีร์ลับอีก คือทิ้งผมปริศนาไว้ตลอดทางก็เลยทำให้น่าติดตามเล่ม 2 ต่อว่า เรื่องจะดำเนินไปในทิศทางไหน

    นอกจากนี้เรื่องนี้ยังมีประเด็นที่โคตรน่าสนใจคือ ในเรื่องแทน 2 ฝั่งว่า หมากขาว และ หมากดำ ซึ่งสีขาวเรามักจะนึกถึงความยุติธรรม ความบริสุทธิ์และต้องเป็นคนดีเหมือนฝั่งพรรคธรรมใช่ไหม แต่เรื่องคือ no no no ที่นี่เราไม่ทำกันแบบนั้น เพราะดันให้ผู้ร้ายเป็นหมากขาวแทน และให้ฝั่งหมากดำ ซึ่งก็คือนายเอกของเราที่เป็นประมุขลัทธิมารมาเป็นฮีโร่ที่เปิดโปงความชั่วร้ายพรรคธรรมะซะงั้น 

    พอจับประเด็นได้ดิฉันก็ร้องกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นเพราะนี่เขากำลังเล่นประเด็นเรื่อง binary opposition หรือ การแบ่งเป็น 2 ขั่วตรงข้าม ยกตัวอย่างคือการแบ่งคู่ตรงข้าม เช่น ความดี-ความชั่ว ชาย-หญิง ซึ่งแนวคิดเหล่านี้นำไปสู่การสร้างอคติกับฝ่ายตรงข้ามจนถึงอาจจะมองว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์และนำไปสู่การกำจัดในที่สุดก็เป็นไปได้ 

    อย่างในเรื่องแนวยุทธภพส่วนใหญ่มักแบ่งเป็นพรรคธรรมะหรือก็คือตัวแทนของความดี และพรรคมารกลายเป็นตัวแทนของความชั่ว มักทำให้คนอ่านติดภาพจำเวลาได้ยินพรรคมารก็ต้องนึกแต่เรื่องชั่วช้าสามาย์น อาทิ การเข่นฆ่า ทำร้ายประชาชน 

    แต่เรื่องนี้กลับนำเสนอภาพพรรคมารแตกต่างออกไป เพราะพรรคมารสามารถอยู่กับชาวบ้านได้อย่างสงบสุข มีความยุติธรรมพอที่จะประลองกันตัวต่อตัว และตัวละครเหล่าผู้อาวุโสในพรรคมารเองก็แสนจะตลกขบขันไม่ได้มีท่าทีของความน่ากลัวแม้แต่น้อย แต่ขณะที่พรรคธรรมะ หรือหมากขาว (ซึ่งในที่นี่เราจะสันนิษฐานว่าเป็นพรรคธรรมะ เพราะสามารถใช้คุกผูถีเป็นที่ทดลองสร้างมนุษย์โอสถได้) แม้จะห่มด้วยชื่อที่เปี่ยมคุณธรรมอย่างพรรคธรรมะ กลับทำเรื่องชั่ว ทดลองมนุษย์โอสถ ทำร้ายเหล่านักโทษ 

    แสดงให้เห็นการทับซ้อนระหว่างสองขั่วตรงข้ามนี้ว่า ความดีก็ไม่ได้ดีเสมอ และความชั่วก็ไม่ได้ชั่วเสมอไป เป็นการสั่นคลอนเส้นกั้นระหว่างความดีและความชั่ว นำไปสู่การตั้งคำถามกับความดี การมีอยู่ของพรรคธรรมะว่า หากแต่การแบ่งเช่นนี้มีขึ้นเพื่ออะไรกัน เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถกำจัดอีกฝ่ายได้โดยยึดว่าตัวเองเป็นผู้มีคุณธรรมงั้นหรือ และนำไปสู่การตั้งคำถามกับตัวเราเองแล้วว่า เราเองก็อาจจะติดมุมมองแบบ binary opposition มาหรือเปล่าที่แบ่งทุกอย่างเป็นขาวและดำ โดยลืมไปว่าโลกใบนี้ก็มีสีเทาอยู่เช่นกัน...

    สรุปสั้น ๆ เอาเป็นว่า ถ้าใครชอบแนวเรื่องแน่น ๆ ปมเยอะ ๆ ก็แนะนำเรื่องนี้จ้า ส่วนตัวให้ 7.5/10  ค่ะ ไว้พบกับใหม่เล่มหน้านะคะ //ฟ้าใส


    ไปโดนกันได้ตามลิงก์นี้เลย

    ทดลองอ่านเล่ม 1&2 ได้ที่ ตรงนี้ 

    หรือ สั่งซื้อที่ ตรงนี้ 



    .

     


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in