เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลุงหมีเที่ยวญี่ปุ่นMr.PT
ไปหรือไม่ไปดี ?
  • ผมไม่เคยเที่ยวต่างประเทศ


    คนส่วนใหญ่ในวัยยี่สิบปีบริบูรณ์น่าจะมีโอกาสได้ไปต่างประเทศกันสักครั้งหรือมากกว่านั้น แต่สำหรับผมแล้ว ไปไกลที่สุดของผมคือแค่ยื่นขาข้างนึงไปแตะประเทศเมียนมาร์ เมื่อครั้งไปเที่ยวภาคเหนือตอนอายุราวๆแปดเก้าขวบเท่านั้น 


    ผมคิดอยู่เสมอว่าผมอยากไปเที่ยวที่นู่นที่นี่ อยากไปลองเที่ยวต่างประเทศบ้าง อยากไปกินปลาดิบที่ญี่ปุ่นแบบคุณติ๊ก-กัญญารัตน์รายการเซย์ไฮ (ที่ไปญี่ปุ่นมันทุกสัปดาห์จนคิดว่าพี่เขาและทีมงานน่าจะได้สัญชาติญี่ปุ่นไปแล้ว) อยากไปเที่ยวอลาสก้าตามรอยพี่เบ๊นซ์-ธนชาติ อยากไปลองกินอาหารอินเดียตามที่พี่ต๊อด-สเลดทอยเขียนไว้ในหนังสือ อยากแบ็คแพ็คไปเที่ยวลาว อยากลองเที่ยวรอบอาเซียนให้ครบทุกประเทศ


    แต่สุดท้ายผมก็ได้แค่นึกครับ เพราะด้วยๆ หลายๆ อย่างมันไม่ค่อยลงตัวนัก เช่นเรื่องเวลาที่มีช่วงว่างแค่ปิดเทอมนิดหน่อย เงินทองอะไรก็ไม่ได้มีเยอะ ประกอบกับการที่คนในบ้านผมสุขภาพไม่ค่อยจะแข็งแรงกันนัก ทั้งแม่ที่พึ่งหายจากมะเร็ง, พี่ชายที่แขนข้างนึงยังใช้การไม่ได้และยายที่สภาพร่างกายก็ไม่ฟิตปั๋งเหมือนตอนสาวๆแล้ว ส่วนพ่อที่สุขภาพแข็งแรงดีคนเดียวในบ้านก็มีภาระงานที่ค่อนข้างเยอะ จะชวนเที่ยวเดี๋ยวจะเป็นการเพิ่มความวุ่นวายให้พ่ออีก ครั้นจะไปคนเดียวเดี๋ยวที่บ้านก็จะเป็นห่วงกันอีก 


    ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการทำให้ท้ายที่สุดแล้ว ผมเลยไม่ได้มีโอกาสไปต่างประเทศกับเขาสักที จนผมคิดว่าอาจจะต้องรอโอกาสช่วงทำงานเก็บเงินเยอะๆ แล้วค่อยเที่ยวมันซะตอนนั้นเลยดีกว่า ตอนนี้วาสนาคงยังไม่ถึง ก็อ่านหนังสือไปก่อนดูรีวิวตามพันทิปไปก่อนแล้วกัน


    จนกระทั่งถึงช่วงเวลาหนึ่ง…


    โอกาสในการได้เที่ยวญี่ปุ่นของผมถูกเปิดขึ้นเพราะน้าเอ๋-แฟนของเพื่อนที่ทำงานพ่อมีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันแล้วไม่แน่ใจว่าทางฝั่งนู้นมาบอกข่าวหรือแม่ของผมสืบรู้มา แม่ผมจึงตัดสินใจที่จะขอติดสอยห้อยตามไปกับกลุ่มของน้าเอ๋ด้วย โดยน้าเอ๋และคณะจะล่วงหน้าไปก่อน 1 วัน เพราะไฟลท์บินที่กลุ่มน้าเอ๋จองไว้ ตรงกับวันสอบไฟนอลวันสุดท้ายของผมพอดี


    แม่บอกข่าวผมเรื่องนี้ประมาณ 2 เดือนก่อนที่จะถึงวัน ซึ่งแม่เองก็ถามย้ำผมอยู่หลายรอบว่าจะไปหรือไม่ไป ผมตอบแบ่งรับแบ่งสู้มาตลอด ไม่อยากฟันธงฉับลงไปสักเท่าไร เพราะกลัวช่วงใกล้ๆ เกิดมีอะไรที่อยากไปหรืออยากทำแล้วดันชนกับวันไปญี่ปุ่นพอดีก็คงจะไม่ดีนัก


    จนถึงช่วงใกล้ๆวันที่จะไป แม่ถามผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นจนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของแม่ที่อยากจะถามตรงๆว่า “มึงจะไปหรือไม่ไป?” ซึ่งตอนแรกผมตัดสินใจไว้แล้วว่าจะไม่ไป ด้วยเหตุผลที่เขียนไว้


    แต่คุณผู้อ่านคงรู้แล้วล่ะว่าผมไม่ได้ตอบแม่ไปตามที่ฟันธงในใจไว้ เพราะถ้าตอบแม่ว่าไม่ไปจะเอาอะไรมาเขียนล่ะครับ…


    การที่ผมตัดสินใจตอบแม่ว่าจะไปญี่ปุ่นด้วยในทริปนี้ สาเหตุหลักๆ ก็คือแม่ของผมนั่นแหละครับ


    แม่ผมเคยเป็นมะเร็งบริเวณขาซ้าย ผมจำไม่ได้ว่าอยู่ในระยะเท่าไรแต่อันตรายถึงขั้นต้องทำคีโมหลายต่อหลายครั้งและทำการรักษาอยู่หลายปี ช่วงนั้นที่บ้านผมดูอ่อนแอกันมาก เราได้แต่ภาวนาให้แม่หายดี ซึ่งก็น่าเหลือเชื่อนะครับที่ตอนนี้แม่หายเป็นปกติ การรักษาทางแพทย์ทำให้จัดการกับมะเร็งได้ แต่ขาซ้ายของแม่ก็ค่อนข้างที่จะอ่อนแอ เดินเหินไม่คล่องเท่าแต่ก่อน และที่สำคัญคือแม่เคยลื่นล้มขาหักในห้างจนถึงขั้นต้องผ่าตัดมาแล้วด้วย


    ผมลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเกิดแม่เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมามันก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ผมอยากไปอยู่ช่วยเหลือแม่ดีกว่า เพราะต่อให้น้าเอ๋และครอบครัวจะสนิทสนมกับบ้านผม แต่ผมก็อยากไปอยู่ดูแลแม่เองมากกว่า 


    สุดท้ายผมเลยตัดสินใจมากับแม่นั่นแหละครับ

  • หลังจากผมตอบตกลงเรียบร้อย แม่ก็จองตั๋วเครื่องบินสำหรับเราสองคนด้วยราคาที่สุดแสนจะมหึมามหาโหดอย่างมาก เนื่องจากผมตัดสินใจช้าและทำให้ตั๋วเครื่องบินยิ่งราคาแพงขึ้น (ตามหลักการขายตั๋วเครื่องบินนั้น ยิ่งซื้อใกล้กับวันที่จะบินราคาจะยิ่งสูงครับ ดังนั้นที่เราเห็นพวกโปร 0 บาทต่างๆ นั่นคือต้องจองตั๋วระยะยาว ซึ่งส่วนใหญ่จะมากกว่า 6 เดือนครับ)

    แม้ผมจะดูไม่ค่อยเต็มใจในการไปญี่ปุ่นรอบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายซะทีเดียว เพราะส่วนตัวผมชื่นชอบหลายๆ อย่างในญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งการ์ตูนญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่น หนังเอวีญี่ปุ่น วัฒนธรรมการทำมาหากินและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในญี่ปุ่นผมก็ชื่นชอบอยู่เหมือนกัน 

    แต่สำหรับการไปท่องเที่ยวนั้น ญี่ปุ่นดันเป็นประเทศที่อยู่ประเทศท้ายๆ ในลิสต์ประเทศที่อยากไปของผม

    เหตุผลมีด้วยกันสามข้อคือ หนึ่ง-มันง่าย ดูไปกันง่ายมาก เห็นคนไทยไปเยอะมากจริงๆ สอง-มันดูแพง ว่ากันว่าค่าครองชีพสูงมหันต์ จะซื้ออะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว  และสาม-หมั่นไส้.... 

    ครับ หมั่นไส้ครับ 

    ผมมักจะสงสัยว่าทำไมคนไทยถึงชื่นชอบกันจังประเทศญี่ปุ่นเนี่ย ในเฟซบุ๊กก็มีแต่ไปญี่ปุ่น เข้าอินสตาแกรมก็ลงรูปกันแต่ญี่ปุ่นเข้าพันทิปก็มีแต่เที่ยวญี่ปุ่น แผงหนังสือก็มีแต่เที่ยวญี่ปุ่น หลอกหลอนทุกโซเชียลไม่พอยังตามหลอกหลอนทุกฤดูกาล จะฤดูกาลไหนมึงก็ไปแต่ญี่ปุ่น สงกรานต์ ลอยกระทง ตรุษจีน พืชมงคลมึงก็ไปญี่ปุ่นกันหมด โว้ยยยยยย มึงจะอะไรกับญี่ปุ่นกันนักหนาเช็คอินบึงกุ่มหรือบ้านแพ้วกันมั่งสิโว้ยยยยยย /พาล

    ว่าก็ว่าเถอะ ถึงจะด่าญี่ปุ่นไปตั้งสี่ห้าย่อหน้า แต่สุดท้ายผมก็ไปประเทศมันอยู่ดีล่ะนะ…

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in