02 February 2016
คำเตือน : จงลืมรูปชีวิตดี๊ดี รูปที่ถ่ายคู่กับโอเปร่าเฮ้าส์แล้วยิ้มเผลอหรือโพสต์ท่าชิคๆของเราไปเสียให้สิ้น สิ่งที่เห็นในโซเชียลทั้งหลายมันคือภาพมายาทั้งนั้นแหละคุณเอ๊ย! วาร์ปร่างหายไปจากดูไบ 5 วันเต็มๆกับไฟล์ท
ดูไบ-ซิดนีย์-โอ๊คแลนด์-ซิดนีย์-ดูไบ กลับมาอีกทีในสภาพที่เกินกว่าคำว่าผัก ร่างกลายเป็นปุ๋ยหมักไปเรียบร้อยแล้วจ้า นี่เพิ่งฟื้นจากการนอนยาวๆเลยเปิดคอมมาเขียนบันทึกไว้ดีกว่าว่าความพีคของไฟล์ทนี้มีอะไรบ้าง
ไฟล์ทนี้เป็นไฟล์ทที่เราแอบรอคอยและภาวนาว่าอย่าเปลี่ยนอย่ามูฟเราไปไหนเลย เพราะเราจะได้บินกับเพื่อนในแบชเดียวกัน อย่างน้อยในไฟล์ทก็จะได้มีคนที่รู้จักกันและมีเพื่อนออกไปเที่ยวลั้นลาที่นั่นที่นี่ด้วย แถมจุดหมายปลายทางของการเดินทางก็ดี๊ดีไปซิดนีย์กับโอ๊คแลนด์ โอ้เย ชีวิตฉันจะต้องดีแน่ๆเลย วู้ฮู้วววววว
ตัดภาพกลับมาที่วันก่อนบิน หลังจากที่กลับมาจากเพิร์ธเราไม่สบายและได้พักแค่ 2 วันก่อนที่จะมาบินไฟล์ทนี้ วันแรกคือนอนนิ่งๆน๊อคไปเลยหนึ่งวัน ไข้ขึ้น เจ็บคอมาก ส่วนวันที่สองค่อยมาจัดกระเป๋าเตรียมข้าวของอัพบล็อกเกี่ยวกับเพิร์ธ อาการจะเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่อยู่ๆตอนเย็นเมนก็มาฮะ จบเลย ตัวซีดหนักกว่าเก่า เอาแล้วไงมึงเอ๊ยยยย จะรอดไหมกับ 5 วันต่อจากนี้เนี่ย
เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตามปกติ ไปบรีฟทันเวลา ผ่าน safe talk ผ่านทุกอย่างจนกระทั่งถึงตอนขึ้นเครื่องเพื่อไปเตรียมนู่นเตรียมนี้ และด้วยความที่เราเพิ่งจะทำเป็นไฟล์ทที่สองก็มีงงๆหานู่นหานี่ไม่เจอบ้าง คนอื่นเขาไวกว่าก็หยิบๆเตรียมๆเสร็จหมดทุกอย่าง เหลือแต่เราที่ยังทำไม่เสร็จเลยโดนดุนิดๆหน่อยๆและเราเจอเคสที่ครอบครัวอยากนั่งด้วยกันแต่ตอนจองที่นั่งโดนแยกกันคนละที่ ก็ต้องไปดีลกับผู้โดยสารว่าขอสลับที่นั่ง ย้ายไปตรงนู้นตรงนี้ได้มั๊ย ซึ่งก็สำเร็จไปด้วยดีไม่มีเหตุดราม่า เย๊เฮ
ระหว่างช่วงทำเซอร์วิสก็ไม่มีอะไรมาก แค่หนักและเหนื่อยกว่าไฟล์ทเพิร์ธเพราะรอบนี้เราบินช่วงกลางวัน ผู้โดยสารเลยตื่นกันเป็นส่วนใหญ่ ก็ต้องคอยรับคอลกันเรื่อยๆไม่พักเลย ไม่มีเวลาได้นั่งพักเลยจ้า
ส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่าตัวเองมีพัฒนาการมากขึ้นนะ เริ่มจำได้แล้วว่าเวลาเซทคาร์ทจะต้องวางอะไรไว้ตรงไหน ถ้าจะหาของซักอย่างในครัวควรจะเปิดคอนเทนเนอร์ไหนหรือคอนเทนเนอร์นี้อยู่มุมไหน เราเสิร์ฟเร็วขึ้น เก็บถาดอาหารหรือทำอะไรเร็วขึ้น ซึ่งก็ดี ต้องฝึกฝนกันต่อไป
และแล้วเราก็มาถึงซิดนีย์ตอนเวลาเจ็ดโมงเช้า หอบร่างอันเหนื่อยอ่อนมาที่โรงแรม อาบน้ำ สระผม และนอนยาวจนถึง 11 โมงก็ได้เวลาออกไปเที่ยว โชคดีที่โรงแรมอยู่ในเมืองซึ่งง่ายต่อการออกไปเริงร่า (บางที่เราพักไกลจากสนามบิน เช่น LHR-London Heathrow กว่าจะเข้าเมืองยากมาก หลายต่อมาก)
จากโรงแรมที่เราพัก เดินต๊อกแต๊ก 10 นาทีก็มาถึง
Circular Quay ซึ่งเป็นท่าเรือ Ferry และ…
SYDNEY OPERA HOUSE!!
เป็นวันที่ซิดนีย์ฟ้าหม่นมาก เทาๆไปหมดทั้งเมือง ลมเย๊นเย็นและพัดแรงเหลือเกิน บรรยากาศเหมือนฝนจะเทลงมาตลอดเวลา คนอื่นมาซิดนีย์แล้วฟ้าใส พอเรามาปุ๊บนี่เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด…
เมื่อเห็นโอเปร่าเฮ้าส์และได้ถ่ายรูปแชะสองแชะก็ได้เวลาหาของกิน จริงๆแถวๆนั้นก็มีร้านอาหารและร้านไอติมเยอะแยะ แต่ตามลายแทงที่เราได้มาจากการเม้ามอยกับผู้โดยสาร เราจึงเดินเลียบริมน้ำมาเรื่อยๆเพื่อตามหาร้าน
Pancake on the rock ซึ่งได้รับการการันตีมาแล้วว่าอร่อยและน่าไปลิ้มลองงง
ระหว่างทางเราก็ได้ชักภาพไปเรื่อยเปื่อย…
Sydney Harbor Bridge ซึ่งเราอยากไปปีนสะพานนี้มากเลย เอาไว้รอบหน้าละกันเนอะ ตอนเดินผ่านตรงนี้ตลกมาก มีนักท่องเที่ยวเดินๆอยู่ข้างบน เขาก็โบกมือมาทักทาย เราก็โบกกลับไป ไปๆมาๆโบกกันอย่างจริงจังมากจนคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมาหยุดยืนโบกมือกับเราด้วย :)
รองเท้าขาวกว่าหลังคาโอเปร่าเฮ้าส์อีกแก (รูปนี้นวลมาก ขอขอบคุณ Beauty Cam มา ณ ที่นี้ด้วย ถ้าไม่แต่งรูปคือมืดไม่เห็นหน้าอะ ฟ้าหม่นเกิ๊น)
เราเดินมาเรื่อยๆจนถึงอีกฝั่งของโอเปร่าเฮ้าส์ (เปิด google map ประกอบอาจจะเข้าใจมากขึ้นนะ) เป็นโซนที่เรียกว่า
The Rock (ที่ไม่ใช่นักมวยปล้ำนะ)
น่ารักมากเหลือเกิน หลังจากตึกตรงนี้เดินอีกนิดนึงก็ถึงร้านแพนเค้กแล้วแหละ :)
พอถึงร้านเราก็สั่งเครปซีฟู้ดมากินพร้อมกับช็อคโกแลตร้อนใส่มาร์ชเมลโล่ว พร้อมกับของหวานคือแพนเค้กและกล้วยราดด้วยเมเปิ้ลไซรัป อร่อยมาก อร่อยแสงพุ่งโดยเฉพาะแพนเค้กที่เนื้อนุ่มเนียนละมุนลิ้นมากเหลือเกิน ถ้ากลับไปอีกก็จะไปกินกินกินกินกินนนนนนนนน
มีสติถ่ายเก็บไว้แค่รูปเดียว นอกจากนั้นไม่ได้ถ่ายอะไรไว้เลย หิวมาก หิวที่สุด หิวจนตาลายเพราะไม่ค่อยได้กินอะไรบนเครื่อง (แน่ล่ะ อาหารมีแต่มันๆเยิ้มๆกับผลไม้กับสลัด เราก็เลือกกินแต่ผักๆไม่กิน hot meal ฮี่ฮี่)
พอกินอิ่มเรียบร้อย หนังตาเริ่มหย่อน ร่างกายต้องการพักผ่อนเลยเดินกลับโรงแรมดีกว่า ระหว่างทางฝนตกปรอยๆแต่โชคดีที่พกร่มออกมาด้วย
เดินกลับทางเก่านั้นแหละ ตอนขามาไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมากเพราะหิวเหลือเกิน ตอนเดินกลับก็เอาซักหน่อยละกันนะ
มุมนี้ที่เอาลงใน instagram นั่นเองงงงงง เป็นวินาทีก่อนฝนโปรยเป็นละอองจากฟากฟ้า
ด้วยความที่เราป่วยอยู่ แม้ฝนเป็นแค่ละอองเล็กๆก็ไม่อยากจะเสี่ยง กลัวเป็นหนักกว่าเก่าขึ้นมาแล้วไปบินไม่ได้ เราก็เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหลบแถวๆโอเปร่าเฮ้าส์ก่อนเผื่อฝนจะตกหนักกว่านี้
เข้าไปด้านในก็ไม่มีอะไรมาก เดินดูโซนขายของฝากนิดๆหน่อยๆ พอฝนหยุดก็ออกมาเดินเล่นด้านนอก
ซีนลุงนั่งเคี้ยวแซนวิชและมองสะพานคือเหงามาก เปลี่ยวมาก สไตล์หนังหว่องกาไวมาก
เรากลับมาถึงโรงแรมประมาณบ่ายสามครึ่งถึงสี่โมงนิดๆ กลับไปนอนยาว ตื่นมาอีกทีทุ่มครึ่งก็เลยเดินออกมาหาอะไรทานตอนเย็น ซึ่งเป้าหมายของเราอยู่ที่
Makoto Sushi Bar ร้านดังประจำซิดนีย์นั่นเอง!
เราเดินเลียบ
Elizabeth Street มาเรื่อยๆ ผ่าน
Hyde Park ที่ร่มรื่นและน่าเดินเล่น ผ่าน
Sydney Tower และเดินวนหลงทางไปมา ถามคนนู้นคนนี้ไปเรื่อยจนในที่สุดก็มาถึงร้านตอนเวลาสามทุ่ม
นี่คือ
Sydney Tower ข้างล่างเป็นห้าง ส่วน
Hyde Park มันมืดไปเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย
ในที่สุดก็มาถึงแล้ว น้ำตาจะไหลลลลล กว่าจะเดินหาร้านได้นี่ลำบากมากๆ จริงๆมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรหรอก เลี้ยวผิดเฉยๆ ไม่เน็ตไง ทำได้แค่เปิดแผ่นที่แล้วดูจุดที่ตัวเองวงไว้ แมนนวลมากๆ
ซูชิที่นี่ดีงามมาก ปลาดิบสดมาก เทมากิไส้ปลาแซลมอนอโวคาโดเด็ดมาก เมนูที่เราชอบสุดคือนิกิริหน้าปลาไหลย่าง แม่ย้อยยยยยยยย ฟินแสงพุ่งสุด แต่ที่น่าอร่อยกว่าซูชิก็คือเชฟ อื้อหืออออ งานประณีตมาก ใจนี่หลุดไหลไปพร้อมกับสายพานแล้วจ้าาาาาา
อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งตาอิ่มทั้งใจแล้วก็ได้เวลากลับ ต้องรีบกลับไปนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องบินแต่เช้าเลยล่ะ แต่ตอนกลางคืนก็หลับๆตื่นๆ นอนๆไปแล้วรู้สึกว่าเตียงมันโคลงเคลงแปลกๆ สะดุ้งตื่นมาตอนตีหนึ่งและตาสว่างมาถึงตีสาม แย่มากๆ รู้สึกว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ ได้แต่ภาวนาว่าพรุ่งนี้ต้องรอดนะ
รุ่งเช้าเรานั่งบัสกลับไปที่สนามบินอีกครั้งเพื่อบินไปโอ๊คแลนด์ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เค้าลางของความหายนะเริ่มเกิดขึ้นมาเมื่อมีการสลับตำแหน่งของเคบินซุปเปอร์ไวเซอร์
ไฟล์ทนี้มีเคบินซุปทั้งหมดสามคน แต่ละคนจะสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งไปมาระหว่างชั้น Bussiness, Fwd Galley (ครัวด้านหน้าของ Economy) และ Aft Galley (ครัวด้านหลัง)
ตอนขามาเราอยู่ที่ Fwd Galley ซึ่งเคบินซุปโอเค ไม่มีปัญหา แต่พอเปลี่ยนคนเท่านั้นแหละ ความวุ่นวายก็เริ่มเกิดขึ้น ระหว่างไฟล์ทที่ทำเซอร์วิสเตรียมคาร์ทไม่ทัน เคบินซุปไม่ทำงานอยู่ในครัวแต่เอาบาร์คาร์ทออกไปเสิร์ฟข้างนอกแล้วทิ้งครัวไว้เฉยๆ(ออกไปจิ๊จ๊ะกับผู้โดยสารสาวๆที่สวยๆ) พอกลับมาในครัวก็ถามหา Galley Operator ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละคือตำแหน่งนี้ เพอร์เซอร์ต้องมาช่วยทำงานทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเขาเลย พวกเราเหล่าเด็กใหม่โดนเขาโทษว่าทำงานช้าทั้งๆที่เราทำงานตลอดเวลา
คือนอกจากเซอร์วิสที่เราทำก่อนเครื่องจะออกคือแจกผ้าร้อน เก็บผ้าร้อน แจกเมนู แจกของเล่นให้เด็กๆ เดินไปหยิบผ้าห่มมาให้ผู้โดยสาร รีเซตแก้ปัญหาหน้าจอทีวีค้าง เราเสิร์ฟ Special Meal (พวก Vegan, Gluten Free หรือ Child Meal ซึ่งสามารถสั่งได้ก่อนบินนะจ๊ะ มีหลากหลายสิ่งให้เลือก) เสิร์ฟอาหารปกติ 2 คาร์ท เก็บถาด 1 คาร์ท แถมทำบาร์อีกต่างหาก เวลากินน้ำแทบจะไม่มี เวลากินข้าวอย่าได้หวัง แต่ก็จะมีคนที่เป็น
“ลูกรัก” ที่ยืนเฉยๆและมีเวลาว่างกินข้าว คือแบบ… *กรอกตาแรงมาก*
เราไปบ่นๆให้พี่คนไทยที่บินด้วยกันฟัง เขาก็บอกว่าเป็นงี้แหละน้องพลอย นี่ถือว่าไม่ได้แย่มากนะ ปกติธรรมดาที่สุดเลยลูก เราก็โอเค๊ ต้องสตรองเข้าไว้สินะ
และแล้วในที่สุดไฟล์ทนี้ก็จบลงและเราก็มาถึงโอ๊คแลนด์ตอนประมาณบ่ายสองนิดๆ กว่าจะถึงโรงแรมก็บ่ายสาม รีบเปลี่ยนชุดแล้วออกไปเที่ยวข้างนอกดีกว่า ฮี๊ววววววว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in