อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าช่วงนี้มันเป็นฤดูร้อน สภาพอากาศในแถบนี้จึงค่อนข้างสาหัสมากทีเดียว แดดเปรี้ยงแท้ อุณหภูมิอยู่ที่ 41 องศาเซลเซียส ร้อนมาก ร้อนเชี่ย ร้อนแบบแผดเผา ร้อนจนคิดว่าถ้านรกร้อนกว่านี้เราจะเป็นคนดีไปตลอดชีพ ทำให้เหล่าลูกเรือส่วนใหญ่เลยถอดใจไม่ออกข้างนอกในเวลานี้ บ้างก็ของีบก่อน ขอไปว่ายน้ำก่อน แล้วค่อยมาเจอกันแล้วออกไปกินข้าวตอนเย็นๆ ซึ่งเรา ในฐานะ Tunis 1st timer นั้น ครั้นจะนอนหายใจทิ้งในห้องแอร์ไปเรื่อยๆจนถึงหกโมงก็ไม่เอาอะ ชีวิตต้องสู้ แดดร้อนต้องไม่ถอย ออกไปเที่ยว ใช้เวลาเลโอเวอร์ให้คุ้มค่า
ซึ่งผู้กล้าท้าแดดที่มาร่วมภารกิจกับเราในครั้งนี้คือ ราฟาเอล หนุ่มชาวมาเลย์ที่แกล้งแอ๊บว่าตัวเองมาจากอิตาลี ผู้มีสำเนียงบริติชแสนเก๋สุดเซ็กซี่ (จริงๆ คือนางทำพีเอแล้วแบบ อื้อหืออออออ ดี ที่ดี ดีมากๆ ฟังแล้วเคลิบเคลิ้มเหลือเกิน คุณพระ) และ วิกกี้ สาวสวยจากสโลวาเกียที่สนิทชิดเชื้อ เป็นบัดดี้กันบนไฟล์ทหงุ๊งหงิ๊ง
เรียกแท็กซี่กันออกมาแบบงงๆ เปิดกูเกิลแมพตามเคย
สื่อสารกับพี่คนขับไม่ค่อยจะได้เพราะพี่แกพูดแต่อารบิกกับฝรั่งเศส
ตอนแรกเราก็กลัวว่าจะโดนแท็กซี่หลอกกัน เพราะคุยอะไรไม่ค่อยได้ นั่งจ้องมิเตอร์ตลอดเวลาว่ามันขึ้นเร็วไปปะวะ มันจะโอเคไหม พอเราจะลงปุ๊บก็คุยกันแบบงงๆอีก คือราฟาเอลยื่นแบงก์ 20 ให้ เขาก็พูดๆๆๆอะไรก็ไม่รู้เยอะมาก นับเลขให้ด้วย นี่ก็ฟังได้บ้างไม่ได้บ้าง ขุดความรู้เก่าออกมาใช้ อะ นั่งนับเลขกับลุงไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจนเข้าใจว่า อ้อ...ลุงไม่มีเงินทอน แบงก์นั้นมันเยอะไป มีเหรียญเล็กๆมั้ย ลุงจะเอาเท่านั้น ไม่เอาเกิน ถ้าคิดเงินเกินมิเตอร์จะโดนตำรวจจับ โอ้ ประทับใจจจจจจจ
ตัดภาพมาที่ประเทศหนึ่งทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่แท็กซี่รับแต่ฝรั่ง ไม่เปิดมิเตอร์ ไม่มีเงินทอน
ไม่ก็คิดราคาเหมาในยามฝนตก โบกแล้วไม่ไป เอะอะเติมแก๊ส
แล้วก็ไปด่าอูเบอร์ ด่าผู้ให้บริการรถยนต์สาธารณะอื่นๆว่าทำให้เขาต้องลำบาก
ทั้งๆที่ไม่ดูตัวเองเล้ยว่าทำตัวแบบนี้ใครเขาจะขึ้นวะ
เวรเอ๊ย!
บีทีเอสก็ชอบเสีย แลกเหรียญก็ต้องแลก ตู้ก็ต้องหยอด
แถมคิดเงินเกินอีก สถานีที่ยังไม่มีมึงก็คิดตังกูเพิ่ม ดวก!!
ใต้ดินเดี๋ยวนี้ก็มีเสียบ้าง แอร์พอร์ตลิ้งค์รถก็ไม่พอ
ชีวิตดีๆที่ลงตัวจริงจริ๊ง
อะ พอ จบเลิกบ่น เอาเป็นว่าเราอยู่รอดปลอดภัยไม่โดนแท็กซี่โกงแบบที่กลัวกันและก็มายืนกระพริบตาปิ๊งๆกันอยู่ที่หน้าเมืองโบราณ Carthage Archaeological Site ที่ตั้งอยู่กลางเมืองตูนิสจ้ะ
มาจะกล่าวบทไปถึงเมือง คาร์เธจ (The Carthaginian Republic) แห่งนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าตั้งแต่ยุคกรีก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่เก่าแก่ใหญ่ที่สุดในช่วง Ancient Mediterranean
สร้างขึ้นโดยชาวฟินิเชี่ยนที่ย้ายถิ่นฐานจากบ้านเกิดเมืองนอนในเมืองไทร์(เลบานอน เรียกได้ว่าข้ามเมอร์ดิเตอร์เรเนียมาเลยทีเดียว ถ้าดูจากแผนที่โลก) เพราะหนีการรุกรานของกรีก-โรมันนั่นแหละ ด้วยทำเลที่ตั้งเหมาะสม ติดทะเล ทำให้คาร์เธจไต่อันดับจากเมืองเล็กจิ๋วของผู้อพยพที่หนีตายจากการรุกราน ยกระดับมาเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญ มีกองเรือที่แข็งแกร่ง ค้าขายเดินเรือกับโรมัน และขยายอิทธิพลไปจนถึงฝั่งตะวันตกของเกาะซิซิลี ครอบครองซาดิเนีย และขยายวงกว้างไปจนถึงตอนใต้ของสเปนอีกด้วย
พอขนาดของพื้นที่ใหญ่ ทำให้ต้องส่งกองกำลังออกไปสู้รบและดูแลดินแดนรอบนอก ทำให้จุดจบของคาร์เธจไม่แตกต่างจากอาณาจักรอื่นๆที่สุดท้ายกองทัพก็เริ่มอ่อนแอ ถูกตีแตกและทำลายลงอย่างราบคาบ ประชาชนถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก ที่เหลือรอดก็กลายเป็นทาส บ้านเมืองถูกเผาทำลาย เรียกได้ว่าเป็นการลบเอาทุกอย่างที่เป็นฟินิเชียนให้สิ้นซากไปเลย
คาร์เธจถูกผนวกเข้าให้กลายเป็นหนึ่งในดินแดนของจักรวรรดิโรมันอันรุ่งเรือง เป็นเมืองหลักของโรมันสาขาแอฟริกาก็ว่าได้ ซึ่ง...แน่นอนว่าหลังจากที่จักรวรรดิโรมันล่มสลาย ยุโรปเข้าสู่ยุคมืด คาร์เธจที่เป็นเพียงหมุดเมืองหนึ่งของจักรวรรดิโรมันถูกทิ้งให้กลายเป็นเมืองร้างก่อนที่อาหรับจะเข้ามาครอบครองพื้นที่ในเวลาต่อมา
(นี่คือไปยืนตากแดดอ่านเสาหินที่เขาเขียนเรื่องราวไว้เลยนะเฮ้ย ทุ่มเทมาก)
ส่วนที่หลงเหลืออยู่ของคาร์เธจนั้น เป็นคาร์เธจในยุคโรมันนะเออ เพราะยุคแรกนั้นมันโดนทำลายไปเสียสิ้น โดยเมืองโบราณที่เราเดินตะล๊อกต๊อกแต๊กกันอยู่นี้มีไซต์เมืองเก่าให้ดู 8 ที่ด้วยกัน แต่เราไปดูไม่ครบเลยเดินไปแค่เท่าที่จะเดินไหว เพราะอากาศร้อนมาก แต่โชคดีที่มันติดทะเลเลยมีลมเย็นจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาช่วยเยียวยา
บัตรหนึ่งใบ เดินดูได้หมด เก๋มาก
จริงๆแล้วอยากออกนอกเมืองไปอีกที่นึง
คือมันมีเมืองนึงที่เป็นโลเคชั่นที่เขาถ่ายทาทูอินในสตาร์วอร์อะ อยากไปดู๊!
จุดแรกที่เราเดินผ่าแดดมาดูคือ The Antonine Baths ซึ่งก็คือโรงอาบน้ำของโรมันนั่นแหละ ที่นี่เป็นโรงอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สามของโลกเลยนะจ๊ะ ไม่ธรรมด๊า
เมื่อกาลก่อนเคยเป็นเยี่ยงนี้
ใหญ่มากเด้อ นี่แค่แปลนของชั้นหนึ่งเท่านั้น
ระหว่างที่ราฟาเอลถ่ายวีดีโออะไรของนางจุ๊งจิ๊งไปเรื่อย (นางเป็น youtuber ไงล่ะ) เรากับวิกกี้ก็เดินคุยกันในหัวข้อว่า People actually lived here more than 1,000 years ago. คือมันอะเมซิ่งอะที่เราได้มาเดินอยู่ในสถานที่เดียวกันกับที่ชาวฟินิเชียนเคยอยู่ ชาวโรมันเคยใช้ชีวิต แล้วก็จินตนการเอาเองจากแปลนของตัวอาคารว่าตรงนี้เคยเป็นอะไรมาก่อน นี่คือท่อระบายน้ำ บริเวณนี้เป็นโถงขนาดใหญ่ โอ้ย คือดี กรี๊ดกร๊าดกันอยู่สองคน
ถ้าคนไม่อินก็จะแบบ นี่ก็เป็นซากปรักหักพัง
แต่เรากับวิกกี้อินมากกกกกกกกกกกกกกกกก
นี่คือหมุดหมายแรกๆของไทม์ไลน์ด้านความก้าวหน้าทางวิศวกรรม
และสถาปัตยกรรมของมนุษยชาติเลยนะเว้ย
จินตนาการคนเดินไปเดินมาเงี้ย โอ้ย ฟิน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in