ชีวิตในรั้วมหาลัย 4 ปี สำหรับผมเป็นชีวิตล็อตสุดท้ายที่เราสามารถสร้างข้อแม้เพื่อผัดวันประกันพรุ่งให้กับตัวเอง เรามักเลี่ยงที่จะตอบคำถามที่ควรถามกับตัวเองอยู่เสมอ ๆ เช่น “เราชอบอะไร” หรือ “เราอยากเป็นอะไร” จริง ๆ ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยผ่านความคิดลักษณะนี้มาบ้างแต่เรามักอ้างว่ามันยังไม่ใช่ที่ที่ใช่และเวลาที่ถูกที่เราต้องมาคิดเรื่องนี้ ง่าย ๆ ว่า “มันยังไม่ถึงเวลา” แต่ผมชวนมองอย่างนี้ว่า ในชีวิตมหาลัยความคิดประเภทประวิงเวลาในการตอบคำถามสำคัญ ๆ แบบนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
ผมอยากแนะนำน้อง ๆ ปี 1 ปี 2 ที่เพิ่งเข้ามาเสียด้วยซ้ำว่าให้คิดถึงอนาคตของตัวเองได้แล้ว ส่วนใหญ่คิดเรื่องนี้กันตอนปี 3 ปี 4 สำหรับผมมันก็ไม่ได้สายไปนะแต่ผมเองเป็นพวก panic สุดฤทธิ์หากเวลารัดตัวจนเกินไปแล้วต้องมาตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ กับชีวิต เลยคิดว่าถ้าเราค่อย ๆ สำรวจตัวเอง ค่อย ๆ หาตัวเองตั้งแต่ปี 1 มันจะดีกว่ามาก แน่นอนว่าคำถามต่อมาคือ แล้วจะให้คิดยังไง ? ตรงนี่ล่ะคือสิ่งที่ผมอยากเล่า....
เวลาเรียนเรื่องใหญ่ ๆ เรื่องหนึ่งมันเป็นไปได้ยากที่เราจะชอบทุกส่วนของเรื่องนั้น
แต่การไม่ชอบส่วนใดส่วนหนึงเพียงบางส่วนก็ไม่ได้หมายความว่าเราไปทางนั้นไม่ได้
ผมอยากให้ตั้งสติจากข้อเท็จจริงข้อนี้ก่อน จากนั้นถามตัวเองว่าคณะที่เราเข้ามาหรือสิ่งที่เรียนอยู่เราเองจะ "อยู่กับมันได้ไหม" ถ้าต้องอ่านหนังสือหรือค้นข้อมูลในเรื่องพวกนั้นเป็นวัน ๆ จะทำมันได้ไหม? ถ้าใจคุณตอบ "ใช่" ยินดีด้วยครับ อย่างน้อยคุณก็รู้ว่าคุณชอบอะไร ทางของคุณสดใสขึ้นอีกเยอะ แต่ถ้าได้คำตอบว่า "ไม่" ผมก็ยังคงแสดงความยินดีกับคุณอยู่ อย่างน้อยคุณก็ตัดสินใจได้แล้วว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คุณปราถนา ในเชิงรายละเอียดเพื่อให้มั่นใจมากขึ้นว่าใช่ หรือ ไม่ใช่จริง ๆ ผมขอให้ไกด์ไลน์ไว้แบบนี้ครับ
1. เปิดดูรายวิชาเลยครับ ดูว่าทั้ง 4 ปี ต้องเรียนอะไร ตัดสินเอาจากชื่อวิชากับข้อความที่บอกว่าวิชานั้นจะสอนอะไรเอาก่อน ถ้าในปีหน้า หน้าหน้า หรือ หน้าหน้าหน้า มีชื่อวิชาที่ทำให้คุณใจชื่นขึ้นบ้างก็รอดตัวไป
2. มีความเป็นไปได้อย่างอื่นไหมที่เราจะโทอย่างอื่น ที่ที่เรียนอยู่สามารถเลือกสาขาวิชาโทที่เราชอบได้ไหม? ถ้าทำได้ผมแนะนำให้ทำครับ (อันนี้เหมาะสำหรับคนที่รู้ว่าไม่ชอบแต่ไม่อยากซิ่ว หรือพอทน) วิชาโทมีฟังชั่นหลายอย่างแต่ในหัวข้อนี้ผมขอใช้มันในฐานะฟังชั่นดามใจคนถูกวิชาคณะทำร้ายแล้วกัน
3. ถ้าวิชาภายภาคหน้าก็ไม่เวิร์ค โทก็ไม่ดี ซิ่วครับ ถ้าคุณอยู่ปี 1 ผมแนะนำ (คนรู้จักบางคนของผมยังซิ่วมาตอนปี 3 เลย) อยากให้มองว่าชีวิตมหาลัยคือแบบฝึกหัดสุดท้ายแล้วที่จะได้ฝึกในสิ่งที่เลือกเพื่อเผชิญกับโลกข้างนอก คุณจะทนเรียนในสาขาที่ไม่ชอบเพื่อสุดท้ายทำงานที่ไม่ใช่ไปทำไม บางคนแย่กว่าตรงต้องหันมาทำในสิ่งที่เรียน (ซึ่งไม่ชอบ) เพราะไปทางอื่นไม่ได้ อย่าให้ชีวิตคุณต้องเจอเรื่องพวกนี้เลย ถ้าคุณติดตรงสังคมที่อยู่มันดีมากหรือไม่อยากไปจากเพื่อน ผมจะบอกว่า ถ้ามันดีจริงถึงคุณไป คุณ (และเพื่อน) ก็หาทางมาเจอกันได้อยู่ดี แต่ถ้าสุดท้ายแล้วคุณตอบไม่ได้ว่าคุณชอบมันหรือไม่....ในกรณีแบบนี้ผมว่ามันน่ากลัวกว่าการที่คุณรู้ว่าคุณต้องการหรือไม่ต้องการอะไรด้วยซ้ำซึ่งทางออกของเรื่องนี้คือการย้อนกลับไปคิดถึงความชอบของตัวเองในชีวิต
อันที่จริงผมอยากบอกว่าความชอบของบางคน มันก็ไม่ได้เป็นคอร์สบรรจุในมหาลัยหรอก ในกรณีที่คุณรู้ว่าคุณชอบอะไรแต่มหาลัยไม่เปิดสอน ผมแนะนำว่าเลือกเรียนในสิ่งที่จะช่วยให้คุณไปอยู่ที่ชอบ ๆ ได้ หรือช่วยเสริมสิ่งที่ชอบซึ่งคุณจะทำในอนาคต เช่น คุณรู้ว่าคุณชอบทำอาหารมากแต่มหาลัยที่เข้ามาไม่มีหลักสูตรด้านนี้เลย คุณลองดูพวกการตลาดหรือบริหารธุรกิจซึ่งคุณอาจจะได้ประโยชน์จากมันหากคุณได้เปิดร้านอาหารที่คุณชอบหรือเรียนคอร์สจำพวก Human Resource Management ดู เป็นต้น
คนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตส่วนมากเขาตอบตัวเองได้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรดังนั้นถ้าคุณตอบไม่ได้ ผมแนะนำว่าควรรีบหาโอกาสให้ตัวเองเพื่อจะตอบคำถามเหล่านี้ บางครั้งคุณแค่เจออะไรมาไม่สุดพอที่จะฟันธงหรือเปล่า? ถ้าใช่ รีบไปหาและทำให้สุดซะ กิจกรรมต่าง ๆ ก็ช่วยคุณได้ เพื่อน ตัววิชา หรือแม้กระทั้งสังคมที่อยู่ ถามใจตัวเองดูดี ๆ ครับ
คนที่ก้าวหน้าในชีวิต เขาไม่ได้คิดเล่น ๆ ในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่แต่เขาเห็นแล้วว่ามันจะส่งผลอะไรต่อตัวเขาบ้างในอนาคต
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in