เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[นิยายแฟนตาซี] รีวิว นิยายชุดสุภาพบุรุษโจร Gentleman Bastard Sequenceper.hours
#perhoursreview: [Book I] คำลวงของล็อก ลาโมรา The Lies of Locke Lamora
  •                  *บทความนี้เป็นรีวิวเรื่องเเรกของเรา หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยค่ะ*

    _________________________________

    เขียนโดย: Scott Lynch
    แปล: พลอย โจนส์
    สำนักพิมพ์: words wonder
    พิมพ์ครั้งที่: 2
    จำนวนหน้า: 646
    _________________________________

    Intro:

             นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซีขนาดยาวเรื่องเเรกที่กลับมาอ่านในรอบหลายปีของเราค่ะ ตอนเเรกเห็นอยู่บนเว็บไซต์มาสักพักเเล้ว เเต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อมาอ่าน (เพราะกองดองยังไม่หมด555) จนเมื่ออาทิตย์ที่เเล้วได้ไปเดินงานสัปดาห์หนังสือที่สามย่านมิตรทาวน์มา เผอิญเดินผ่านบูธหนังสือของ words wonder พอดี เลยได้มาแบบงงๆ (ขอออกตัวก่อนเลยว่า เราเป็นเเฟนสำนักพิมพ์นี้อยู่เเล้ว เพราะตีพิมพ์นิยายแฟนตาซีโดยเฉพาะ อ่านจบไปหลายสิบเล่มเเล้วค่ะ?) เเต่ด้วยความเล่มเขื่อง 600หน้า++ เราเลยซื้อมาเเค่เล่มเเรกเล่มเดียวก่อน เพราะช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมเเล้ว กลัวไม่มีเวลาอ่าน&อ่านไม่จบ
              คำลวงของล็อก ลาโมรา เป็นเล่มเเรกของชุด สุภาพบุรุษโจร โดยจะมีทั้งหมด 7 เล่ม (จากที่ตัวผู้เเต่งบอกมา) ในตอนนี้ออกมาเเล้ว 3 เล่ม ทั้งเวอร์ชั่นต้นฉบับเเละเวอร์ชั่นแปลไทย นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ Scott Lynch เเต่งเป็นเรื่องเเรก เเล้วก็เรียกได้ว่ามาเเรงเเซงทางโค้ง เพราะได้ขึ้นเป็นหนังสือขายดีของ New York Times ได้เข้าชิงรางวัล World Fantasy Award อีกทั้งยังได้คะเเนนจาก เว็บไซต์ Goodreadsไป 4.3/5 เเละ Books-A-Millionไป 4.8/5 ทั้งหมดทั้งมวลนี้คงการันตีความสนุกของนิยายชุดนี้ได้ในระดับหนึ่ง สำหรับคนที่ชอบอ่านนิยายแฟนตาซีเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว รับรองว่าจะต้องชอบเรื่องนี้อย่างเเน่นอน เเต่สำหรับคนที่เพิ่งหันมาเริ่มอ่านเเนวนี้ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม ไม่ได้อ่านยากหรือซับซ้อนจนเกินไป (เเต่อาจจะมีบางส่วนที่ดาร์กเกินไปสำหรับเด็กๆ?) แม้ว่าจะมีอ่านสะดุดบ้างในช่วงเเรก ด้วยข้อมูลใหม่เเละชื่อแปลกๆยากๆที่ผู้เขียนสาดกระหน่ำเเบบ นอนสต๊อปใส่เราไม่หยุด เเต่พออ่านไปได้สักพักก็จะเริ่มอยู่ตัวเองค่ะ เรียกได้ว่าเห็นขนาดเล่มปาหัวหมาเเตกขนาดนี้ เเต่เผลออีกที ก็อาจจะอ่านจบเสียเเล้ว

    *เพิ่มเติม: ที่จริงเเลัว คำลวงของล็อก ลาโมรา เคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ เพิร์ล เเละเเปลโดย เจิดจรัสพิสุทธุิ์ มาก่อนหน้านี้เเล้วในปี 2554 (ตีพิมพ์เเค่เล่มเเรกเล่มเดียว) เเต่สำนักพิมพ์ words wonder ได้นำมาตีพิมพ์ใหม่ทั้งชุด&เปลี่ยนปก ในปี 2560*

    _____________________________________________________________________________________________________

    เนื้อเรื่อง: (ไม่สปอยล์เนื้อหา)

              เด็กชาย ลาโมรา เป็นหนึ่งในเด็กกำพร้าจากเขตเริงไฟที่รอดจากการถูกจับไปค้าทาส ความอดอยาก โรคระบาด (โดยเฉพาะ โรคเสียงกระซิบสีดำ) หรือถูกจับไปประหาร ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นที่ต้องตาต้องใจของ นักปั้นขโมย ที่จะกวาดต้อนเด็กเหล่านี้ไปอยู่ในสังกัด และเรื่องราวทั้งหมดก็คงราบเรียบกว่านี้ ถ้าเด็กชาย ลาโมรา ไม่ได้เเอบย่องมากับเด็กอีกสามสิบคน ที่นักปั้นขโมยติดสินบนเจ้าหน้าที่ และพากลับไปที่สุสานเก่าบนเนินเขาเงามืด ใช่ว่านักปั้นขโมยจะไม่รู้ว่ามีเด็กเพิ่มขึ้นมาอีกคน เเต่ใครจะไม่สนลาภลอยที่ได้มาฟรีๆนี้กันล่ะ แต่แล้วมันก็ทำให้เขาได้รู้ซึ้งในภายหลังว่าเขาควรปล่อยเด็กคนนี้ไปใช้ชีวิตตามยถากรรมเสียตั้งเเต่เเรก
              ล็อก เติบโตมาเป็นหนึ่งในเด็กหัวขโมย และทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี (หรือจะเรียกว่าดีเกินไป) เพราะแผนการขโมยของล็อก ได้สร้างปัญหาให้กับ นักปั้นขโมย มากมายหลายต่อหลายครั้ง จนเขาไม่สามารถที่จะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ได้อีกต่อไปแล้ว จึงตัดสินใจพาเด็กชายล็อก มาขายให้กับนักบวชตาบอด แห่งนิกาย เพเรเเลนโด นามว่า เชนส์ พร้อมกับนักบวชฝึกหัดฝาเเฝดรุ่นราวคราวเดียวกับล็อก ที่อยู่มาก่อนเเล้ว นามว่า คาโล เเละกัลโด ซานซา
             บ้านใหม่ของล็อก คือวิหารของนิกายเพเรแลนโด ซึ่งถ้ามองจากภายนอกอาจจะเหมือนนักบวชฝึกหัดสองคนพร้อมกับนักบวชตาบอดแก่ๆอีกคนที่มายืนเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านที่บันไดหน้าวิหารทุกวัน แลดูหน้าสงสารยิ่ง แต่ใครจะรู้ ว่านักบวชตาบอดที่ดูไม่มีพิษมีภัย จะเป็นสุดยอดจอมหลอกลวงแห่งคามอร์(ที่ไม่ได้ตาบอดจริง) ลูกศิษย์ฝาแฝดจะเป็นเด็กในสังกัดจอมโจร และวิหารเพเรแลนโดก็ไม่ได้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เอาไว้สวดมนต์ภาวนา แต่เป็น รังโจร!! ความลับนี้ไม่มีผู้ใดในคามอร์ที่ล่วงรู้ เพราะพวกเขาดำเนินการกันอยู่ในเงามืด ฉากหน้ากับความเป็นจริงช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว แบบที่ใครก็คงคาดไม่ถึง ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตา (เเต่ถึงมาเห็นกับตาก็คงไม่เชื่ออยู่ดี เพราะฝีมือการเล่นละครและความตลบตะเเลงของพวกเขาเรียกได้ว่าเหนือชั้น)
              ล็อกอาศัยและเติบโตมากับ เชนส์ และพี่น้องฝาแฝดในวิหารเรื่อยมา โดยที่เชนส์ได้สอนทักษะที่จำเป็นในการเป็นจอมโจรให้กับล็อกและคนอื่นๆมากมาย ทั้งการปลอมตัว การฝึกพูดทุกภาษาแ ละทุกสำเนียง การวางตัว การทำอาหาร คิดคำนวณ รวมไปถึงศิลปะการต่อสู้ โดยทักษะทั้งหลายเหล่านี้ จะทำให้เหล่าเด็กๆในแก๊งโจรกลายเป็นจอมโจรที่สมบูรณ์แบบ และในเวลาต่อมา เชนส์ก็ได้รับเด็กอีกคน ชื่อว่า ฌอง เด็กชายร่างอ้วนลูกพ่อค้าที่เพิ่งกำพร้าพ่อแม่ไปจากเหตุเพลิงไหม้ เข้าสู่สังกัด
              เวลาล่วงเลยไปอีกหลายสิบปี เชนส์ได้ตายจากไป แต่ผลผลิตของพวกเขาได้ถึงเวลาผลิดอกออกผล เพราะ ล็อก คาโล กัลโด ฌอง และบั๊ก(น้องเล็กสุดในกลุ่ม เข้ามาในภายหลัง) ได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ แก๊ง สุภาพบุรุษโจร โดยมีหัวหน้า(ล็อกนั่นเอง) ฉายาว่า หนามแห่งคามอร์ จอมโจรในตำนาน เป็นนักดาบไร้คู่ปรับ ใช้ชีวิตแบบวิญญาณ ไม่มีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา แก๊งโจรเล็กๆ (ที่แกล้งทำเป็น) กระจอกๆ หนึ่งในแก๊งโจรนับร้อยในคามอร์ที่ไม่มีใครให้ความสำคัญ แก๊งสุภาพบุรุษโจรทำงานโดยเน้นไปที่การปล้นทรัพย์สินจำนวนมากจากชนชั้นสูงในคามอร์ และด้วยศักดิ์ศรี ความห่วงตาห่วงตาทั้งหลายเเหล่ของขุนนางเหล่านี้ ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเเจ้งเรื่องที่ตนโดนโกงกับทางการ แก๊งสุภาพบุรุษโจรจึงดำเนินชีวิตด้วยการออกปล้นและนั่งนับเงินในห้องลับที่วิหาร(หรือรังโจร?) แบบสงบสุขเรื่อยมา
             แต่แน่นอนว่า ความสงบสุขไม่ได้คงอยู่เสมอไป... เพราะในความมืดมิด ใครบางคนกำลังวางแผนการที่จะส่งผลกระทบร้ายแรง ไม่เฉพาะต่อเเก๊งสุภาพบุรุษโจร เเต่อาจหมายถึง ทั่วทุกตารางนิ้วในคามอร์!! อีกทั้งแผนการปล้นครั้งใหญ่ครั้งล่าสุดของพวกล็อกยังเป็นชนวนนำพาไปสู่หายนะครั้งยิ่งใหญ่อีกด้วย ล็อกและเพื่อนๆในแก๊งจะสามารถต่อกร และรักษาชีวิตให้รอดปลอดภัยได้หรือไม่ ติดตามได้ในเล่ม คำลวงของ ล็อก ลาโมรา จ้าา 

            *จบไปเเล้วนะคะ สำหรับเนื้อเรื่อง(ย่อ) ฉบับของเราเอง555 โดยเนื้อเรื่องที่เราหยิบยกมาเล่าเนี่ย จะเป็นในส่วนขององก์เเรกจากสี่องก์เท่านั้น ยังมีในส่วนของรายละเอียดและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องอีกมากมายเลย*
    _____________________________________________________________________________________________________

     More: 
    ◎ เวทมนตร์ที่ปรากฏในเรื่อง
               หลังจากที่ได้อ่านเรื่องย่อกันไปแล้วเนี่ย หลายๆคนอาจจะมีคำถามในใจนะคะว่า เอ๊ะ? แล้วมันเป็นนิยายแฟนตาซียังไง ก็เป็นเเค่เรื่องราวของตัวเอกที่เป็นหัวขโมยปกติ ไม่เห็นจะมีร่ายเวทมนตร์คาถาแบบในแฮรี่ พ็อตเตอร์เลย เเต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะในนิยายเรื่องนี้ จะมีการใช้เวทมนตร์รวมอยู่ด้วยเเน่นอนค่ะ เพียงเเต่ผู้ที่สามารถใช้ได้นั้นจะเป็นกลุ่มบุคคลเฉพาะกลุ่มเท่านั้น เรียกว่า จอมเวทรับจ้าง  โดยจอมเวทรับจ้าง จะไม่สังกัดกับหน่วยงานหรือแก๊งไหนๆเลยนอกจากพวกเดียวกันเอง เเละคิดค่าจ้างในอัตรามหาโหด จะต้องเป็นคนมีเงินเท่านั้นถึงจะเรียกใช้งานได้ 
             เเละนอกเหนือจากจอมเวทรับจ้างเเล้ว ยังมีการ เล่นเเร่แปรธาตุ ที่ปรากฏทั่วไปในเรื่องด้วยค่ะ มีการแปรธาตุใส่ลูกเเก้วให้เรืองเเสง(แทนไฟฉาย) การปรับปรุงสายพันธุ์พืชต่างๆ ให้เติบโตได้ดีในสภาพอากาศต่างถิ่น หรือการผสมพันธุ์พืชไม้ใบหญ้าหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆเข้าด้วยกัน(ให้อารมณ์เเบบรวมร่างฟิวชั่นหัวเป็นปลาหางเป็นกุ้งประมาณนั้นค่ะ) 
             นอกจากนี้เเล้วก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้หรือวัตถุที่ออกเเนวเวทมนตร์แฟนตาซีปรากฏอยู่ทั่วไปในเรื่องด้วยค่ะ เช่น หินภูติ สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่สูดดมผงหรือควันของหินภูติเข้าไปจะทำให้ตายด้าน หรือมีชีวิตเเค่ร่างกาย เเต่จิตเเละความรู้สึกนึกคิดจะหายไป ตาจะกลายเป็นสีขาว เสมือนตายทั้งเป็น มักใช้ในสัตว์ให้เชื่อง น้ำมันไฟ ที่จะยังติดไฟอยู่เเม้จะอยู่ในน้ำ เอลเดอร์กลาส(ส่วนตัวเราคิดว่าให้ภาพประมาณกระจกสีที่ติดตามหน้าต่างโบสถ์) ที่แข็งเเรงทนไฟไม่เเตกสลาย ทั้งหมดนี้เป็นเเค่ตัวอย่างที่เราหยิบขึ้นมาพูดนะคะ ยังมีสิ่งของอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์อีกมากมายในเรื่องเลยค่ะ

    ◎ Setting       


                ในเล่มเเรกนี้เซตติ้งทั้งหมดจะอยู่ในคามอร์ค่ะ โดยคามอร์ในความคิดเราเป็นเหมือนเมืองๆหนึ่งในโลกนี้(ภายในเล่มได้มีการเอ่ยถึงเมืองอื่นๆด้วย คาดว่าจะปรากฏเป็นเซ็ตติ้งในเล่มถัดๆไป) เเละในคามอร์ก็จะเเบ่งย่อยเป็นเขตต่างๆมากมายหลายเขตอีกที (ล็อกของเรามาจากเขตเริงไฟ หรือ Catchfire ที่มุมล่างขวาตามในแผนที่ค่ะ) เขตที่ปรากฏหลักๆเเละเป็นเขตที่เกิดเรื่องราวต่างๆ ได้เเก่ เขตหม้อเหล็ก ซากไม้ เถ้าตก เขตเงียบ แดนเเคบ ถิ่นกาก ตลาดลอยน้ำ เขตวิหาร  เขตเริงไฟ หุบเขาเสียงกระซิบ เวิ้งก้อง เขตน้ำสนิม หุบเขาเงามืด ย่านผู้จูบเหรียญ ชุมชนนักคัดลอก ย่านน่านับถือ (เราชื่นชอบวิธีการตั้งชื่อเขตรวมถึงเวลาแปลออกมาเป็นภาษาไทยมากๆ ดูสร้างสรรค์ไม่เหมือนใครดี)
               เราจะขอพูดเกี่ยวกับภาพรวมของคามอร์ทั้งเมืองเเล้วกันนะคะ เมืองคามอร์เนี่ย เป็นเวนิสดีๆนี่เอง อย่างที่เห็นในเเผนที่ คามอร์ล้อมรอบไปด้วยเเม่น้ำตลอดทั้งเมือง เขตทุกเขตถูกเเบ่งเเยกออกจากกันโดยเส้นทางน้ำ การเดินทางส่วนใหญ่ภายในเมืองก็จะเดินทางด้วยเรือ งานที่จัดขึ้นภายในเมืองอย่าง งานระเริงชล ที่จัดขึ้นที่ตลาดลอยน้ำ ก็ล้วนเเต่เกี่ยวข้องกับเเม่น้ำทั้งสิ้นค่ะ


                               *ทั้งหมดนี้เป็นภาพแฟนอาร์ตของคามอร์ที่เราเอามาจากกูเกิ้ลค่ะ*

             และนอกเหนือจากเมืองเเละเขตต่างๆเเล้ว สิ่งที่เราชอบมากไม่เเพ้กันเลยก็คือ ชื่อสถานที่ค่ะ ในเรื่องนี้ ผู้เขียนจะไม่ใช้คำจำกัดความเรียกสถานที่นั้นโดยตรงเเต่จะใช้ชื่อเรียกเฉพาะที่คิดขึ้นมาเองเรียกเเทน เช่น ความผิดสุดท้าย เป็นชื่อร้านเหล้า ลิลลี่ฉาบทอง เป็นชื่อร้านอาบอบนวด วังแห่งความอดทน ใช้เรียกคุก โดยที่ผู้เขียนไม่ได้ใส่เชิงอรรถหรือคำอธิบายอะไรสำหรับคำเหล่านี้ไว้ในหนังสือเลย เราต้องอ่านไปสักพักถึงจะเริ่มเก็ทว่าจริงๆเเล้วหมายถึงอะไร (ตรงนี้เเหละที่สนุก555)

    ◎ เเก๊งก๊กยศเหล่ากอ

              อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลย เพราะถือได้ว่าเป็นหัวใจในการดำเนินเรื่องเลยก็ว่าได้ คือบรรดาแก๊งเเละหน่วยงานต่างๆ อย่างที่เราได้เกริ่นไปว่า เเก๊งสุภาพบุรุษโจรเป็นเพียงเเก๊งโจรเล็กๆหนึ่งในเเก๊งโจรร้อยกว่าเเก๊งในคามอร์เท่านั้น เพราะนอกจากเเก๊งสุภาพบุรุษโจรเเล้ว ยังมีเเก๊งโจรต่างๆเเยกย่อยไปอีกมากมาย เช่น เเก๊งเหรียญคราวน์ แก๊งหมาล่ารัม แก๊งเหรียญทอง แก๊งนักเชือดแสงเทียม แก๊งตาดำ แก๊งเจ้าเริงไฟ โดยที่ทุกเเก๊งจะต้องขึ้นตรงกับหัวหน้าที่ควบคุมเเก๊งโจรทั้งหมดหนึ่งเดียวในคามอร์คือ คาปาบาร์ซาวิ (คาปา ในที่นี้เป็นชื่อยศนะคะ) ภายใต้ สันติภาพลับ ที่จะทำให้เหล่าแก๊งโจรต่างๆอยู่ร่วมกันได้เเบบสงบสุข(หรอ) โดยสันติภาพลับเนี่ย ข้อกำหนดก็คือจะต้องยอมสยบเเละถวายตัวคอยรับใช้คาปาเเละคอยส่งส่วยให้ทุกเดือนจากเงินที่ตัวเองไปปล้นมา เเต่ในยามปกติเเล้ว ก็ให้ดูเเลกันเอง คาปาไม่ได้ไปก้าวก่ายเรื่องภายในเเก๊งหรอกค่ะ เเค่ถ้าในเวลาที่คาปาจะเรียกใช้ก็ต้องมาเเบบไม่มีข้อโต้เเย้ง โดยคาปาจะเรียกมาคุยเฉพาะหัวหน้าเเก๊งเท่านั้น(เหมือนเป็นตัวเเทนเเก๊งให้ไปสั่งงานลูกน้องอีกที) ตัวหัวหน้าเเก๊งจะเรียกว่าเป็น การ์ริสต้า ของคาปา เเละ เพซอน จะเป็นลูกน้องของการ์ริสต้าอีกที
              ถ้ามีแก๊งโจรเเล้วก็ต้องมีแก๊งตำรวจใช่ไหมคะ555 สำหรับตำรวจหรือหน่วยลาดตระเวนในเรื่องนี้ จะเรียกว่า กองกำลังเสื้อเหลือง โดยจะเเยกออกเป็นหน่วยๆ เเล้วก็มีหัวหน้าประจำหน่วยอีกที (มีเสื้อดำด้วยนะ พวกนางไม่ถูกกัน555) เเล้วก็ หอแก้วอำพัน มีหัวหน้าคือ เคานท์เตสแก้วอำพัน ทำงานขึ้นตรงกับดยุคแห่งคามอร์ เหมือนเป็นหน่วยงานไว้สืบเรื่องลับให้กับดยุค
              นอกเหนือจากนี้ยังมีชื่อยศที่เอาไว้เรียกเหล่าขุนนางชนชั้นสูงต่างๆในคามอร์ ที่เรียกว่า ดอน(ชาย) เเละดอนญา(หญิง) เป็นขุนนางภายใต้ ดยุคนิโควานเต ดยุกเเห่งคามอร์อีกที เเละเเน่นอนว่าผู้มีอำนาจไม่ได้มีเเค่เหล่าขุนนางอย่างเดียวเฉกเช่นที่เห็นในโลกปัจจุบัน เพราะอำนาจจากตระกูลเก่าแก่ก็ต้องมาพร้อมกับ เจ้าสัวนักธุรกิจผู้มีอำนาจจากเงินตรา อย่างเเน่นอน ที่คามอร์ก็เช่นกัน กระกูลเจ้าสัวที่เป็นผู้ควบคุมเเละผูกขาดธุรกิจการค้าในคามอร์เเทบจะทั้งหมด คือ ตระกูลของ ดยุคเมแรกจิโอ ถึงขนาดมีคำกล่าวไว้ว่า คามอร์มีดยุคสองคน นั่นก็คือ ดยุคนิโควานเตเเห่งเเก้วกับดยุคเมแรกจิโอแห่งเหล็กขาว

     ◎ ภาษาเเละวิธีการเล่าเรื่อง
              มาพูดกันที่เรื่องภาษาก่อนเลยนะคะ สำหรับเรื่องนี้ได้นักแปลที่ฝากผลงานแปลมาเเล้วมากมายหลายเรื่องเเละหลายสำนักพิมพ์อย่างคุณ พลอย โจนส์ มาแปลเเล้ว ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสำนวนการใช้ภาษาอย่างเเน่นอนค่ะ สำนวนการแปลลื่นไหลอ่านง่าย เเม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องคำสะกดผิดบ้างเล็กน้อย เเละปัญหาตัวสะกดท้ายคำเด้งไปอีกบรรทัดบ้าง เเต่ก็ให้อภัยได้เพราะด้วยความที่หนังสือค่อนข้างหนา คาดว่า บก.คงจะตรวจคำผิดกันจนตาลายบ้าง
              สำหรับวิธีการเล่าเรื่องของหนังสือเล่มนี้ จะเล่าผ่านมุมมองของบุคคลภายนอก ผู้อ่านสามารถรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้ทุกตัว เเล้วในท้ายตอนจะมีการเล่าสลับฉากไปตอนล็อกกับเพื่อนๆยังเด็กบ้างหรือใช้เรื่องเล่าสั้นๆมายกตัวอย่างเทียบเคียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันบ้าง เช่น เรื่องสั้นท้ายตอน เรื่องเล่าของนักเล่นแฮนด์บอลล์ชรา ซึ่งจะเป็นเรื่องสั้นๆสามหน้าจบ ที่มีธีมหลักเกี่ยวกับ การเเก้เเค้น ‘คนเราไม่ควรผัดวันประกันพรุ่งเรื่องแก้เเค้น หรือถ้าไม่อาจลงมือได้เต็มที่ตอนนั้นก็ควรที่ความทรงจำที่ยาวนาน’  โดยเรื่องเกี่ยวกับ การเเก้เเค้นนี้ จะเป็นธีมหลักในองก์ถัดไปของหนังสือ
              *4องก์ในหนังสือเล่มนี้ จะมีธีมหลักที่เเตกต่างกันออกไป ส่วนตัวเเล้วเราชอบ บทที่สิบสาม กล้วยไม้กับนักฆ่า ในองก์ที่สี่ของเรื่องมาก ให้อารมณ์เหมือนกำลังดูหนังเรื่อง Catch me if you can อยู่มากๆ เราถึงกับจินตนาการภาพของล็อก เป็นลีโอนาโดกันเลยทีเดียว555 ส่วนประโยคเด็ดที่ชอบมากของเรื่องที่ก็มาจากบทนี้เช่นเดียวกัน 

      ‘แปลกพิลึกที่คนเราอาจสร้างอำนาจขึ้นมาได้จากความว่างเปล่า ขอเเค่ใจกล้าบ้าบิ่นสักหน่อยเท่านั้น’

              สำหรับตอนจบของเล่มเเรกนี้ ขอบอกเลยว่า จบไม่ค้างเเน่นอน (จบเเบบหนังไตรภาคฮอลลิวู้ด555) อย่างที่บอกไปว่า ผู้เขียนตั้งใจว่าในเเต่ละเล่มจะเขียนธีมหลักเกี่ยวกับอะไร อ่านจบเล่มเเรกเเล้วก็จะไม่เกิดอาการลงเเดงอยากอ่านเล่มต่อไปตอนตีสองเเน่นอน เเต่ถึงอย่างนั้นเเล้ว ก็ใช่ว่าอ่านจบเล่มเดียวเเล้วจะพอ ไม่ซื้อต่อเเล้ว ถ้าใครที่สามารถอ่านหนังสือ600กว่าหน้าจนจบได้เนี่ย ก็ต้องแปลว่าหนังสือสนุกมากประมาณหนึ่งอยู่เเล้ว เพราะฉะนั้นเเล้ว ไม่ มี ทาง ที่จะหยุดเเค่ที่เล่มเเรกเล่มเดียวเเน่นอนจ้าา 
    _____________________________________________________________________________________________________

    Ps:
    - หนังสือเล่มนี้เพิ่งจะกลับมารีปริ้นท์หลังจากที่ขายหมด ขาดตลาดไปช่วงหนึ่งนะคะ สำหรับใครที่อยากได้ สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บสำนักพิมพ์ได้เลยค่ะ ตอนนี้มีโปรโมชั่น ซื้อสองเล่มขึ้นไปลด 10% ครบ500บาทส่งฟรีอยู่ด้วย (เเต่สำหรับ คำลวงของล็อก ลาโมรา จะเป็นเล่มเดียวที่ไม่ลดนะคะ ตอนเราไปซื้อที่งานก็ซื้อราคาเต็มค่ะ ส่วนเล่มสองกับสามลดตามปกติ) ส่วนตัวเราเเนะนำให้รอซื้องานหนังสือช่วงตุลาจะดีกว่านะคะ ซื้อทีเดียวสามเล่มเลย เเถมงานหนังสืออาจจะได้ลดเยอะกว่าอีก

    *จบเเล้วนะคะสำหรับรีวิวนิยายเรื่องนี้ของเรา ชอบไม่ชอบ หรือมีเรื่องจะติชมอะไรก็ทักมาเเลกเปลี่ยนเรื่องราวกันได้นะคะ☺️?*
    _____________________________________________________________________________________________________

                                                                            Caution!!
    ระวังอย่างตกหลุมรักตัวละครใดๆในเรื่องจนเกินไป เพราะไม่เเน่ คุณอาจจะต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า!

    >>รีวิวเล่มที่สอง โจรสลัดทะเลเดือด https://minimore.com/b/b3RXY/2

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in