ใครหลายคนเดินเข้ามาตรงลานกว้างของสวนลางีลิเนีย พวกเขาจูงจักรยานและถือแผ่นป้ายเป็นภาษาเดนิชที่คุณกับเขาแปลไม่ออก แต่กระนั้น คุณกับเขาก็พอเดาได้ ว่าคนเหล่านั้นกำลังประท้วงอะไรบางอย่าง
“อะไรทำให้คุณมีความสุขที่สุดในวัยเด็ก” คุณถามเขา
“ความรักสิ” เขาตอบอย่างไม่ลังเลแต่ยิ้มเศร้า “เป็นความรักในแบบที่ธัมเบลินามี นั่นคือรักที่จะออกเดินทางไปยังหนแห่งที่ไม่รู้จัก ทั้งเพื่อหนีและเพื่อค้นหา โดยที่ผมไม่รู้หรอกนะ—ว่าหนีอะไรและค้นหาอะไร หรือบางทีเอาเข้าจริง ผมอาจรักเสรีภาพที่จะได้เลือกกระมัง ถ้าที่ไหนไม่มีเสรีภาพมอบให้ ผมก็จะจากไป”
คนเหล่านั้นเอาผืนผ้าสีรุ้งไปแขวนคลุมตัวของเงือกน้อย บางทีนั่นอาจเป็นสัญลักษณ์ถึงเสรีภาพบางอย่างก็ได้ เขาบอกคุณ แต่คุณแย้ง เพราะคุณเห็นคำว่า Peace หรือสันติภาพอยู่ในท่ามกลางตัวอักษรอื่นๆ ในภาษาแปลกหน้า
“เสรีภาพหรือ—บางทีอาจเป็นสันติภาพต่างหากเล่าที่เราต้องการ” คุณขัดคอเขาอีกครั้งอย่างจริงจัง
“นั่นสิ” เขายิ้ม ไร้วี่แววเยาะหยัน “บางคนต้องการเสรีภาพ บางคนต้องการความสุขสงบ สองสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน แต่มันก็ขัดแย้งกันอยู่เสมอ เหมือนกับที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของเรา ที่บ้านเกิดของเรา เหมือนที่ทำให้เราเดินทางออกมาจากที่นั่น”
“คุณเคยคิดอยากกลับไปบ้างไหม” คุณถาม
“อยากสิ” เขาตอบด้วยดวงตาเศร้าจนคุณอดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น “บางครั้งผมก็ฝันว่าได้กลับไปที่นั่นอีก แต่ก็มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่กับอดีต ใช่นะ อดีตพวกนั้นแจ่มใส มีความทรงจำรำลึกแสนสวยมากมายอยู่ที่นั่นแบบเด็กๆ หนังสือเล่มแรกที่อ่าน นิทานเล่มแรกที่ร้องไห้กับมัน ตุ๊กตาหมีตัวนั้นที่มีขนแข็งทิ่มแทงใบหน้ายามซุกกอดจนรู้สึกเหมือนหัวใจบาดเจ็บ บางครั้งผมก็อยากกลับไป แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่”
คุณยิ้มให้เขา ยิ้มให้กับผู้คนรอบตัวที่กำลังประท้วงบางสิ่งที่คุณไม่รู้จัก และยิ้มให้ความรวดร้าวของเงือกน้อยบนก้อนหิน ไกลออกไปคือโรงงานไฟฟ้าและสีเทาจางๆ ของผืนฟ้ากว้าง
ความรักคือการบดขยี้ทำลายตัวตน หรือเป็นการยืนยันตัวตนกันแน่นะ,
คุณบอกตัวเองว่าคุณไม่รู้หรอก
ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in