เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
AUS-STAY-LIABUNBOOKISH
01 เจ็ดวันกับคนแปลกหน้า








  • 01
    ถึงเมลเบิร์น


               ‘แพตทริก’ โฮสต์หนุ่มเวียดนามจอมเนิร์ดสัญญาว่าจะมารับที่สนามบินเราก็แอบตื่นเต้นที่จะต้องไปอยู่กับคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก แถมยังต้องอยู่ไปอีกเจ็ดวัน...
               ก่อนมา สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับแพตทริกก็คือ เป็นเด็กหนุ่มเวียดนาม แต่เกิดและโตในออสเตรเลีย และเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยมาสดๆ ร้อนๆ
              พอถึงเวลานัด แพตทริกก็ขับรถมาจอดตรงจุดที่นัดกันไว้ แล้วเดินลงมาด้วยหน้าตาของคนเพิ่งตื่นนอน เขาเป็นผู้ชายตัวเล็กตามมาตรฐานหนุ่มเอเชีย (ที่จริงก็ดูจะเล็กกว่ามาตรฐานนิดหน่อยด้วยซ้ำ) มีรอยยิ้มที่เห็นครั้งแรกก็พอจะรับรู้ได้ถึงความเป็นมิตร

            แล้วคนแปลกหน้าสองคนก็กอดทักทายกันอย่างเขินๆ...
            แพต (ถือว่าสนิทแล้ว เรียกชื่อย่อไปเลยละกัน) บอกว่าบ้านของเขาอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเมลเบิร์น ฟังดูดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไร เพราะทำให้เดาได้ว่ามันต้องไกลจากตัวเมืองมากแน่
           แพตขับรถมาจอดหน้าบ้านหน้าตาธรรมดาๆ หลังหนึ่ง แต่บ้านหน้าตาธรรมดาที่เห็นไม่ใช่บ้านที่แพตอยู่ (อ้าว…) เราต้องเดินไปด้านหลัง แล้วเดินเข้าประตูเล็กๆ ที่เปิดออกไปเจอทางเดินคอนกรีตเก่าๆ มีต้นหญ้าเล็กๆ ขึ้นแซมอยู่ตามรอยแตก
          เดินตามทางเดินคอนกรีตมาอีกนิด ก็จะเจอบ้านหลังเล็กกะทัดรัดขนาดสามห้องนอน ที่แพตบอกว่าพักอยู่กับป้าสองคน (หมายถึงแพตหนึ่งคนกับป้าหนึ่งคนนะ)
           แพตบอกว่าบ้านและที่ดินทั้งหมดเป็นของป้า แต่ป้ายกบ้านหน้าตาธรรมดาที่เราเห็นด้านหน้าให้คนอื่นเช่า ส่วนแพตกับป้าก็เลยย้ายมาอยู่บ้านด้านหลังนี้แทน


    ในวันว่างที่ไม่เคยว่าง (ต้องทำสวนบ้านแพต)



  •            บ้านที่ไม่มีเครื่องทำความอุ่นใดๆ อากาศในบ้านกับนอกบ้านถึงได้หนาวเท่ากันเป๊ะ...
               แพตพาไปดูห้องนอนที่เราจะต้องอาศัยนอนไปอีกเจ็ดวัน มีฝรั่งคนหนึ่งกำลังเก็บกระเป๋าออกจากห้องพอดี เราเซย์ฮัลโหลกันเล็กน้อย ตามประสาคนแปลกหน้าที่กำลังจะได้ใช้ห้องนอนต่อกัน
              พอฝรั่งคนนั้นเก็บของเสร็จ แพตต้องขับรถไปส่งเขาที่สถานีรถไฟ เราเลยขอติดรถไปหาเพื่อนในเมืองด้วย
              เราวางแผนไว้ว่า อาทิตย์แรกในเมลเบิร์น จะใช้ชีวิตไปอย่างไม่มีแผน (นี่เรียกว่าวางแผนแล้วเหรอ) แต่ถ้าคิดจะใช้ชีวิตไม่มีแผน อย่างน้อยเราก็ควรจะมีเพื่อน


                          แพตลงมือทำสวนหลังบ้าน
  •  02

    ยุ่น


                  ‘ยุ่น’ เพื่อนที่รู้จักตั้งแต่สมัยไปเรียนซัมเมอร์ที่นิวซีแลนด์ด้วยกันตอนเด็กๆ ถึงไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี แต่ก็เห็นความเคลื่อนไหวกันบนโลกออนไลน์มาตลอด 
                 หลายเดือนก่อน เรารู้ว่ายุ่นก็มาเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ที่นี่ ก่อนมาเราก็เลยขอคำแนะนำ(และความช่วยเหลือ) จากยุ่นไปหลายอย่าง รวมถึงนัดเจอกันทันทีที่มาถึง
                 ยุ่นพาเราไปซื้อซิมโทรศัพท์ เปิดบัญชีธนาคาร พาไปแนะนำร้านอาหารราคาถูกที่ควรรู้พิกัดเอาไว้ เพื่อให้รอดตายในเมืองที่ราคาอาหารแพงกว่าบ้านเราเกือบสิบเท่า (เมนูประหยัดของที่นี่ก็หนีไม่พ้นซูชิแท่งราคา 2 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณห้าสิบบาท) และร้าน Don Don ที่ขายอาหารจานเดียวสไตล์ญี่ปุ่นแต่ให้เยอะมาก ราคาเริ่มต้นที่ 6.5 ดอลลาร์ฯ ในขณะที่ร้านอาหารทั่วไปในเมลเบิร์นราคาเริ่มต้นก็ 12 ดอลลาร์ฯ เข้าไปแล้ว


    ยุ่นพามาเปิดบัญชีธนาคาร แต่พ่อหนุ่มสองคนนี้ไม่เกี่ยว

                 ยุ่นมีความสามารถพิเศษในการเสาะหาของกินและของใช้ราคาถูก ด้วยเทคนิคคล้ายนักลงทุน คือรอให้หุ้นดีราคาถูกก่อนแล้วค่อยช้อนซื้อ ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ยุ่นอยากกินขนมทิมแทมที่ราคาปกติอยู่ที่ 3.7 ดอลลาร์ฯ (ทิมแทมคือขนมช็อกโกแลตยอดฮิตของออสเตรเลีย ตอนที่ยุ่นบอกว่ามาที่นี่ต้องกินทิมแทม เราก็... เมืองไทยก็มีเปล่าวะ แต่ยุ่นรีบบอกว่าทิมแทมที่ขายบ้านเราผลิตที่อินโดนีเซีย ส่วนของที่นี่ผลิตที่ออสเตรเลีย และใช้ช็อกโกแลตคนละเกรดกัน, โอเคเชื่อก็ได้) แต่ถึงจะอยากกินแค่ไหน ยุ่นก็จะไม่ซื้อทันที เพราะตามซูเปอร์มาร์เก็ตจะสุ่มเอาของมาลดราคา 10-50% เป็นประจำ เพราะฉะนั้น
    ยุ่นจะรอซื้อทิมแทมในราคาลด 50% เท่านั้น
                  แค่ทิมแทมยังจริงจังขนาดนี้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ยุ่นจึงกลายเป็นผู้เกื้อกูลข้อมูลด้านของถูก ของลดราคา และของมือสองให้เราตลอดครึ่งปีแรกที่อยู่ที่นี่





  • 03

    ตามติดชีวิตแพตทริก

    ยุ่นมีความสามารถพิเศษในการเสาะหาของกินและของใช้ราคาถูก ด้วยเทคนิคคล้ายนักลงทุน คือรอให้หุ้นดีราคาถูกก่อนแล้วค่อยช้อนซื้อ ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ยุ่นอยากกินขนมทิมแทมที่ราคาปกติอยู่ที่ 3.7 ดอลลาร์ฯ (ทิมแทมคือขนมช็อกโกแลตยอดฮิตของออสเตรเลีย ตอนที่ยุ่นบอกว่ามาที่นี่ต้องกินทิมแทม เราก็...เมืองไทยก็มีเปล่าวะ แต่ยุ่นรีบบอกว่าทิมแทมที่ขายบ้านเรา ผลิตที่อินโดนีเซีย ส่วนของที่นี่ผลิตที่ออสเตรเลีย และใช้ช็อกโกแลตคนละเกรดกัน, โอเคเชื่อก็ได้) แต่ถึงจะอยากกินแค่ไหน ยุ่นก็จะไม่ซื้อทันที เพราะตามซูเปอร์มาร์เก็ตจะสุ่มเอาของมาลดราคา 10-50% เป็นประจำเพราะฉะนั้นยุ่นจะรอซื้อทิมแทมในราคาลด 50% เท่านั้น 
    แค่ทิมแทมยังจริงจังขนาดนี้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ยุ่นจึงกลายเป็นผู้เกื้อกูลข้อมูลด้านของถูก ของลดราคา และของมือสองให้เราตลอดครึ่งปีแรกที่อยู่ที่น


           เราใช้เวลาส่วนใหญ่ติดตามแพตไปแทบจะทุกที่ เหมือนกำลังทำสารคดีตามติดชีวิตเด็กจบใหม่ กิจกรรมที่แพตทำทุกวันก็คือไปฟิตเนสและว่ายน้ำบางวันเราก็ตามแพตไปว่ายน้ำด้วย มีครั้งหนึ่งไปเจอคลาสแอโรบิกในน้ำเข้าพอดี แค่ชื่อกิจกรรมก็พอจะบอกอายุคนเข้าร่วมได้ เราเลยกลายเป็นคนอายุน้อยที่สุดในคลาสนั้น ร่วมกับคุณป้าคุณยายทั้งหลายที่ดูคล้ายจะเป็นขาประจำสังเกตได้จากการรู้ท่าล่วงหน้าและทำท่านำคุณครูอยู่บ่อยครั้ง

               ถ้าไม่ไปออกกำลังกาย บางวันแพตก็จะเข้าห้องสมุด นั่งทำเรซูเม่สมัครงาน เราก็ติดสอยห้อยตามไปนั่งเล่นในห้องสมุดหรือเดินเล่นแถวนั้นด้วย งานวันเกิดเพื่อนแพต เราก็ไปแจม แพตไปเตะบอลเราก็ไปนั่งดู มากกว่านี้อีกนิดแพตคงคิดว่าเราถูกส่งมาเพื่อตามติดชีวิตเขาจริงๆ 
         แพตมีโปรเจ็กต์อยากทำบล็อกเกี่ยวกับชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย เราก็ช่วยอัดคลิปสัมภาษณ์ให้ ส่วนวันที่ไม่มีโปรแกรมไปไหน แพตก็จะชวนทำสวน เริ่มจากถอนหญ้าเคลียร์ทางเดิน เอาหินมาปู หรือไปซื้อต้นไม้มาลง
            อาทิตย์แรกของเราในเมลเบิร์นผ่านไปอย่างเรียบง่าย ได้อยู่อย่างประหยัด ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนในพื้นที่สมใจ นักท่องเที่ยวที่ไหนจะมาใช้เวลาไปกับการเข้าคลาสแอโรบิกในน้ำเข้าห้องสมุด และทำสวนอย่างเรา และที่สำคัญคือได้แพตเป็นเพื่อนสนิทคนใหม่ที่คอยช่วยแนะนำเรื่องความเป็นอยู่ ว่าเราควรทำอะไร จะหางานและหาบ้านต่อไปยังไงดี 
               แพตบอกให้เรา “Make friends, everything will be easier.” ทุกอย่างจะง่ายขึ้นถ้ามีเพื่อน...
               ซึ่งการมีแพตและยุ่นอยู่ที่นี่ ก็ทำให้การอยู่เมลเบิร์นของเราง่ายขึ้นจริงๆ





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in