เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
AUS-STAY-LIABUNBOOKISH
00 ก่อนไป















  •               เพราะประโยคที่คนเขาชอบพูดกันว่า ‘ชีวิตคนเรามันสั้น อยากทำอะไรให้รีบทำ’ นี่แหละ การเดินทางมาเป็นแรงงานต่างด้าวอยู่ที่แดนจิงโจ้ของเราจึงเริ่มขึ้น
                 ด้วยอายุ (ที่ไม่น้อยเท่าไร) และชีวิตปัจจุบัน (ที่ก็ไม่ได้แย่) เป้าหมายที่เราอยากทำให้ได้ภายในช่วง 3-4 ปีนี้ ก็เลยมีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง ซึ่งหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ว่านั้นก็คือ เราอยากรู้จักตัวเองให้มากกว่าปีที่ผ่านมา 
             เพราะความเป็นคนชอบทำอะไรหลายอย่าง เรียกให้ดูดีหน่อยก็คือเป็นคนที่มีความชอบหลากหลาย แต่บางทีก็หลากหลายจนคนอื่นตามไม่ทัน เลยถูกมองว่าเป็นคนจับจด ทำอะไรได้ไม่นาน แล้วก็เปลี่ยนความสนใจของตัวเองไปเรื่อยๆ 
                  และหลักฐานที่ทำให้เถียงไม่ได้เลยว่าเราเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ ก็อยู่ในห้องเก็บของที่บ้านตัวเองนี่แหละ ทั้งสว่าน เลื่อย และถังผสมปูนที่ใช้ตอนทำบ้านดิน ลำโพงและสายไฟจากตอนเปิดบริษัททำลำโพงขาย สมุดสารพัดแบบ กระดาษสารพัดประเภท สีแทบทุกชนิด อุปกรณ์เครื่องเขียนสำหรับวาดรูปและจดบันทึก พอหันมาสนใจงานฝีมือ ก็อยากเปลี่ยนจากการเขียนเป็นการปักผ้าเริ่มมีอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย ไหมและด้ายสารพัดสี ไหนจะกี่ทอผ้าตอนที่อยากเปลี่ยนจากการปักผ้ามาเป็นทอผ้าเองอีก 
              มานั่งนึกตอนนี้ ก็รู้สึกถึงความจับจดของตัวเองได้จริงๆ 
           แต่ลึกๆ แล้วเราคิดว่าอุปกรณ์ทุกชิ้น และกิจกรรมทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่เคยเดินจากเราไปเฉยๆ จะสว่าน สายไฟ หรือไหมปักผ้า ก็ล้วนทำให้เรารู้จักตัวเองในด้านใดด้านหนึ่งมาแล้วทั้งสิ้น
              การเดินทางก็น่าจะเป็นอย่างนั้น   
           เราชอบวางแผนเที่ยว ชอบเดินทาง แต่พอถึงจุดหนึ่งก็เริ่มอยากเที่ยวให้นานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สำหรับคนทำงานอิสระอย่างเรา เวลาไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือไม่มีเงินก้อนมากพอจะไปเที่ยวและใช้ชีวิตได้นานขนาดนั้น ถ้าอยากไปเที่ยวให้นาน ก็คงต้องเที่ยวไปด้วยและหาเงินใช้จ่ายไปด้วยในเวลาเดียวกัน      
              ด้วยเงื่อนไขนี้ วีซ่า Work and Holiday จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่อนุญาตให้ใช้วีซ่าประเภทนี้เข้าไปทำงานหาเงินและท่องเที่ยวไปด้วยได้และเราเห็นว่าน่าสนใจที่สุดก็คือออสเตรเลีย

  •   
             เราวางแผนทริปนี้กับ ‘แอม’ เพื่อนคู่หูที่ไปไหนไปกันมาแทบทุกทริป แต่ปัญหาก็คือการขอวีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ของประเทศออสเตรเลียต้องใช้วิธีกดโควตาทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีโควตาให้ปีละ 500 คนเท่านั้น       ความซวยบังเกิดเมื่อเรากดโควตาได้ แต่แอมที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะไปด้วยกัน ดันตกม้าตายตั้งแต่ขั้นตอนกดโควตา นั่นหมายความว่าถ้าแอมจะไปอยู่ด้วยกันนานๆ ก็ต้องทำเหมือนคนจะไปเรียนภาษา และขอวีซ่านักเรียน
                ถึงจะยุ่งยากขึ้นนิดหน่อย แต่เราก็เลือกวิธีนี้นี่แหละ
                แต่ก็ยังจะซวยซ้ำซวยซ้อน เพราะตอนขอวีซ่า แอมดันตรวจสุขภาพแล้วเจอจุดสีขาวที่ปอด คราวนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องรอเพาะเชื้อตรวจหาวัณโรคอีกสามเดือน ในขณะที่เราเอาเงินไปซื้อตั๋วเครื่องบินเตรียมไว้หมดแล้ว เงินเก็บที่เหลือก็ไม่พอที่จะอยู่รอแอมที่เมืองไทยเฉยๆ ได้นานขนาดนั้น
              สุดท้ายต้องตัดสินใจล่วงหน้าไปคนเดียวก่อน...

     แพลนที่วางไว้ก็เป็นอันต้องโละทิ้ง กลายเป็นเราต้องไปเร่ร่อนและทำความรู้จัก เมลเบิร์น (Melbourne) คนเดียวก่อนที่แอมจะตามมา
         ต้องอยู่ด้วยเงินที่เตรียมมาจำกัด จนกว่าจะหางานทำได้ แต่ในประเทศที่ได้ชื่อว่าค่าครองชีพแพงแสนแพง การจะประหยัดและลดรายจ่ายก็ต้องเริ่มจากลดค่าที่พักก่อน Couchsurfing จึงเป็นทางออกที่ดี นอกจากไม่ต้องเสียเงินแล้ว ยังมีเจ้าของบ้านซึ่งเป็นคนในพื้นที่ช่วยเป็นไกด์ให้เราได้อีกด้วย       
           ก่อนเดินทางสองอาทิตย์ เราเริ่มหาที่พักด้วยการประกาศตัวในเว็บไซต์ Couchsurfing เผื่อจะมีใครสนใจชวนไปพักที่บ้าน แต่ระหว่างนั้นก็พยายามมองหาโฮสต์หรือเจ้าของบ้านที่น่าสนใจไปด้วย                    เงื่อนไขของเราคือ อยากได้โฮสต์ผู้หญิง วัยรุ่น บ้านอยู่ใกล้สถานีรถไฟหรือแทรม (Tram) ชอบวาดรูปหรือเรียนศิลปะได้ด้วยก็ยิ่งดี
            เลือกเยอะเลือกแยะเหมือนจะเลือกแฟนอะไรอย่างนี้
            สองสามวันผ่านไป… ยังหาบ้านและเจ้าของบ้านที่ตรงสเป็กไม่ได้เลย         
           หรือว่าที่จริงไม่ต้องวัยรุ่นก็ได้ แก่หน่อยก็โอเค ไม่ต้องชอบวาดรูปมากก็ได้แหละมั้ง         
           ผ่านไปอีกสองสามวัน… บ้านอยู่ไกลสถานีรถไฟหน่อยก็ได้ ขอให้เป็นผู้หญิงก็พอ

          จนอาทิตย์สุดท้ายก่อนไป    
       โอเค บ้านใครก็ได้ จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ ขอแค่ดูแล้วไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นอันตรายกับเราก็พอ จวนตัวแล้วววว        
         ในที่สุด วันหนึ่งก็มีข้อความจากหนุ่มเวียดนามผู้อาศัยอยู่ในเมลเบิร์น ทักเข้ามา บอกว่าสนใจโปรไฟล์และชอบสิ่งที่เราทำมาก โดยเฉพาะการสร้างบ้านดินอยู่ในบ้านของตัวเอง เลยอยากจะชวนเราไปพักที่บ้านเขาเจ็ดวัน แลกกับการช่วยเขาทำสวนเท่านั้น (คงคิดว่าทำบ้านดินได้ ก็ต้องทำสวนได้ด้วย)  
        เวลาแสนกระชั้นชิด ทางเลือกมีไม่มาก เลยย้อนกลับไปอ่านคุณสมบัติของโฮสต์ที่ตัวเองต้องการอีกที พ่อหนุ่มเวียดนามตัวเล็กๆ ดูเนิร์ดๆ คนนี้ก็ตรงกับคุณสมบัติในข้อสุดท้าย คือใครก็ได้ที่ไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นอันตรายกับเราก็พอ
              โอเค เรามีที่อยู่แล้ว… 
              อย่างน้อยก็เจ็ดวันแรก!



  • ภาพสุดท้ายที่สนามบินสุวรรณภูมิ  ก่อนเริ่มต้นการเดินทางในทริปที่ยาวนานนี้
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in