เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 18 : Denny's and you





  • คืนนั้น เจย์เดนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นกลางดึกด้วยเสียงครางฮือในลำคอของคนที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างกาย ดวงตาของอีกฝ่ายนั้นยังคงปิดสนิท ทว่าเสียงสะอื้นที่ฟังดูขาดห้วงและเสียงพึมพำอันเบาหวิวนั้นกลับดังลอดออกมาจากริมฝีปากเรียวเล็กเป็นระยะไม่หยุด

    "ไม่ ฮื่อ ไม่ อย่าไป"

    คิ้วทิ้งสองของแดนเนลขมวดเข้าหากัน ศีรษะมนที่วางอยู่บนหมอนนุ่มสะบัดไปซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังปฏิเสธและหลีกหนีในอะไรบางอย่าง

    "เฮ้ คุณ"

    เจย์เดนเอื้อมมือของตนไปแตะท่อนแขนเรียวของอีกฝ่าย ก่อนออกแรงเขย่าเล็กน้อยหมายจะปลุกคนที่กำลังเผชิญกับฝันร้ายให้ตื่นขึ้น แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจมอยู่กับฝันนั้นลึกเกินไป

    มือเรียวของแดนเนลเริ่มป่ายเปะปะไปมา ก่อนจะคว้าเอาท่อนแขนแกร่งของเขาไปกอดแนบอก ใบหน้าเรียวฝังเข้ากับแขนของเขาแน่น ราวกับมันเป็นเพียงหลักยึดเดียวที่อีกฝ่ายมีอยู่ในตอนนี้

    "ไม่"

    ร่างสูงชะงักไปชั่วครู่กับท่าทีดังกล่าว ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมืออีกข้างของตนมาโอบร่างผอมโปร่งนั้นเอาไว้แล้วลูบแผ่นหลังบางของอีกฝ่ายเป็นการปลอบประโลม

    "ชู่ว" เขาส่งเสียงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของอีกฝ่าย "ไม่เป็นไรนะ"

    "ผมขอโทษ ผมขอโทษนะ"

    น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาฟังดูอู้อี้ ทว่าเปี่ยมล้นไปด้วยความเสียใจและรู้สึกผิด มันอัดแน่นและตีตื้นเข้าที่หัวใจของคนฟังอย่างจัง เจย์เดนคิดว่าเขารู้ ว่าแดนเนลต้องการพูดประโยคดังกล่าวนั้นให้ใครฟัง ทว่าน่าเสียดายเหลือเกินที่มันไม่อาจส่งไปถึงใครคนที่เป็นผู้รับสารตัวจริงได้ และต่อให้แดนเนลจะพยายามมากเพียงใดมันก็ไม่มีทางที่จะไปถึงได้เลย

    เนิ่นนานนับนาทีกว่าที่คนในอ้อมแขนของเขาจะสงบลง อีกฝ่ายไม่ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ การละเมอเมื่อครู่ของแดนเนลเกิดขึ้นโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เนื้อรู้ตัว และเจย์เดนก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าระหว่างการที่อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นขึ้นมาจนทำให้จังหวะการพักผ่อนไม่เชื่อมต่อกัน กับจมดิ่งอยู่ในฝันร้ายอยู่อย่างนั้นกระทั่งมันจบลงไปเอง อย่างไหนจะแย่กว่ากัน

    และการที่เขาได้รับรู้ว่าแดนเนลต้องทนทุกข์กับเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวคนเดียวมาเป็นระยะเวลาหลายปีนั้นก็ทำให้เขาอดที่จะเห็นใจอีกฝ่ายไม่ได้





    แดนเนลลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน และพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของใครอีกคนที่นอนอยู่ข้างกัน แน่นอนว่าเขารู้สึกตกใจ ทว่ากลับไม่กล้ากระโตกกระตากอะไรมากนัก ด้วยไม่อยากทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งยังกลัวว่าเขาอาจจะเผลอปลุกให้คนที่กำลังหลับอยู่นั้นตื่นขึ้นมาและทำให้สถานการณ์ยิ่งน่าอึดอัดขึ้นไปกว่าเดิม

    บางทีเจย์เดนอาจจะแค่ติดหมอนข้างเฉย ๆ เท่านั้น ใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน และเขาก็คิดว่าตนควรจะต้องหาหมอนข้างสักอันมาให้อีกฝ่าย

    ร่างผอมโปร่งค่อย ๆ พาตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของเพื่อนร่วมเตียง เขาแทบจะกลั้นหายใจด้วยซ้ำตอนที่ใช้มือดันท่อนแขนหนัก ๆ ที่โอบรอบตัวเขาอยู่ออกไปอย่างระมัดระวัง และใช้เวลาอยู่เกือบนาทีกว่าที่จะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้สำเร็จ

    เขาพรูลมหายใจออกทางปากเบา ๆ ด้วยความโล่งอก หลังจากที่เขาสามารถลุกขึ้นนั่งบนเตียงได้ในที่สุดโดยที่อีกคนนั้นยังหลับสนิท

    มันคงไม่ดีแน่หากเจย์เดนตื่นขึ้นแล้วพบว่าตัวเองกำลังกอดเขาอยู่ อันที่จริงเขาไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับการที่โดนผู้ชายด้วยกันกอด ทว่านั่นต้องเป็นคนที่เขาไว้วางใจพอสมควรอย่างคนในครอบครัวหรือไม่ก็คนรัก แต่เจย์เดนไม่ใช่สักอย่าง พวกเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานที่เพิ่งเริ่มสนิทสนมกันประมาณหนึ่งแต่ไม่ถึงขั้นที่จะนอนกอดกันแล้วตื่นขึ้นมาได้โดยไม่รู้สึกว่ามันแปลกหรือผิดปกติ เขาไม่รู้ว่าเจย์เดนจะรู้สึกอย่างไรหากรู้เรื่องนี้และไม่อยากจะคาดเดาด้วย

    ก็ดีแล้วที่เขาตื่นขึ้นมาก่อน เพราะเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมารู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

    แดนเนลทำการย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องน้ำ สภาพยามเพิ่งตื่นของเขาดูไม่จืดเท่าไหร่นัก ทั้งผมเผ้าที่ฟูชี้ไม่เป็นทรง ไหนจะดวงตาที่ยังไม่เต็มตื่นดีนั่นอีก มือเรียวเอื้อมบิดเปิดก๊อกของอ่างล้างหน้าขณะยืนมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจกเงา ก่อนจะปล่อยให้น้ำสะอาดที่ไหลออกมานั้นไหลผ่านมือของตนไปอย่างเลื่อนลอย

    เมื่อคืนเขาฝันร้ายอีกแล้ว มันเป็นฝันเรื่องเดิม ๆ ที่ฉายวนซ้ำไปซ้ำมาขณะหลับจนเขาจำได้ขึ้นใจ น่าแปลกที่มันไม่ได้ทำให้เขาเผลอสะดุ้งตื่นเหมือนทุกครั้ง บางทีเขาอาจจะเริ่มชินกับมัน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดี เพราะเขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น

    เขาไม่อยากให้ตัวเองชินชากับความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดนี้เพราะกลัวว่าจะเผลอลืมเข้าในสักวันว่าเขาคือคนที่พรากคนรักให้จากไปด้วยน้ำมือของตัวเอง

    เขาไม่อยากลืม และอยากรู้สึกเสียใจให้มากขึ้นกว่าเดิมเมื่อรู้สึกว่าตนไม่ได้ทุกข์ทรมานเท่าที่ควร

    อย่างเช่นตอนนี้ ที่เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฝันร้ายเมื่อคืนไม่ได้ส่งผลต่อตัวเขามากมายเท่าแต่ก่อน

    เขาไม่อยากให้ทุกอย่างจางหายไป และไม่อยากให้ตัวเองใช้ชีวิตอย่างคนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น ในเมื่อเขาคือต้นเหตุของทุกอย่าง

    ความปวดจากมือข้างที่ถูกบีบอย่างแรงและเสียงน้ำที่ตกกระทบกับอ่างล้างนั้นเรียกสติสัมปชัญญะของแดนเนลให้กลับคืนมา ร่างผอมโปร่งปล่อยมือของตัวเองออกจากกันก่อนจะวักน้ำในอ่างขึ้นล้างหน้า ทว่าเพราะเผลอใช้แรงมากไปจึงทำให้น้ำเกินกว่าครึ่งนั้นสาดกระเซ็นโดนเสื้อจนเปียกปอนไปหมด เขาใช้มือเรียวลูบใบหน้า สบตากับตัวเองในกระจกแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

    มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้เน้นย้ำกับตัวเองอย่างนี้ และนั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขาหลงลืมเรื่องพวกนี้ไปพักใหญ่ ซึ่งถ้าหากจอห์นนี่ไม่เอื้อมมือมาแตะมันเมื่อวานเขาก็คงจะลืมไปอีกนาน





    เสียงที่เงียบไปนานหลายนาทีนั้นทำให้เจย์เดนตัดสินใจลืมตาขึ้น อันที่จริงเขารู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนที่แดนเนลนั้นเริ่มขยับตัวขลุกขลักไปมาในอ้อมแขนของเขาแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างกายของอีกฝ่ายที่ยังคงหลงเหลือค้างอยู่บนตัว และมันก็ไม่ได้แย่อะไรนักในความรู้สึกของเขา

    ความปั่นป่วนบางอย่างที่เริ่มก่อตัวภายในใจทำให้เจย์เดนรู้สึกสับสน การที่มันไม่ใช่เรื่องแย่นั้นหมายความว่าเขารู้สึกดีกับการมีแดนเนลอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง

    เจ้าหน้าที่หนุ่มคิดไม่ตกกับความรู้สึกที่ตนเพิ่งตระหนักรู้เมื่อครู่ มันยังไม่ใช่ความรัก ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากำลังสนใจและมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับอีกฝ่าย มันเป็นความรู้สึกที่อยากจะโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้ อยากเป็นที่พักพิงให้ และอยากเป็นคนที่อีกฝ่ายยอมไว้เนื้อเชื่อใจ

    เพราะเขารู้สึกว่าแดนเนลนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะอยู่เพียงลำพัง และถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากให้คนที่ได้รับสิทธิ์ในการยืนอยู่เคียงข้างยามที่อีกฝ่ายกำลังอ่อนล้าคือตัวเขาเอง

    ในตอนนี้มันอาจดูฉาบฉวยเกินไปสักหน่อย แต่เขาเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความรู้สึกของเขา ว่ามันจะหนักแน่นและมั่นคงไปได้นานแค่ไหน

    อย่างไรก็ตาม เจย์เดนรู้ดีว่าในยามนี้เขาไม่ควรเร่งรัดอะไรมากนัก แน่นอนว่าพวกเขาสองคนยังต้องการช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์อยู่ และเส้นขีดชัดเจนที่เรียกว่าเพื่อนร่วมงานนั้นทำให้เขาไม่กล้าที่จะก้าวข้ามไป หากเขารู้จักกับแดนเนลด้วยวิธีอื่นอย่างนั่งดื่มอยู่ที่เก้าอี้บาร์ข้างกัน หรือต่อแถวซื้อชีสเบอร์เกอร์ในร้านเดียวกัน เขาอาจจะไม่ลังเลขนาดนี้

    เหตุการณ์ครั้งก่อนหน้านั้นเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนว่าเขาควรให้เวลากับทุกอย่าง และปล่อยให้มันดำเนินไปด้วยตัวของมันเอง แม้ว่าความรู้สึกของเขามันจะเริ่มชัดเจนขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม





    เมื่อแดนเนลเลื่อนเปิดประตูห้องน้ำออก เขาก็พบกับเพื่อนร่วมห้องของตนที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง

    เขารู้สึกว่าตัวเองควรจะพูดอะไรสักออกไปเป็นการทักทาย อย่าง 'อรุณสวัสดิ์' หรือ 'เมื่อคืนหลับสบายดีไหม' แต่ก็กลัวว่ามันจะดูผิดปกติเกินไป เขาจึงเสียเวลาไปกับการตากผ้าขนหนูของตัวเองที่ราวตากผ้าหน้าห้องน้ำอยู่พักใหญ่

    ไม่รู้ว่าทำไมคนที่รู้สึกกระอักกระอ่วนถึงได้กลายเป็นตัวเขาเองเสียอย่างนั้น

    "วันนี้คุณก็ลุกจากเตียงก่อนผมอีกแล้ว"

    เจย์เดนที่ละสายตาออกจากเครื่องมือสื่อสารรูปทรงสี่เหลี่ยมในมือเอ่ยทักขึ้น และมันก็สร้างความสับสนให้แก่เขาว่าตนควรจะตอบกลับอีกฝ่ายไปอย่างไรดี

    แดนเนลสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา ขณะเดียวกันก็บอกตัวเองว่าจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เพราะไอ้การที่เขายิ่งยืนอยู่เงียบ ๆ อย่างนี้นี่แหละที่ชี้ให้เห็นว่าทุกอย่างมันไม่ปกติ

    "แพนเค้กร้านเดนนี่ส์"

    ชื่อเมนูจากร้านอาหารแฟรนไชส์แห่งหนึ่งที่มีอยู่ทั่วมุมเมืองของนครลอสแอนเจลีสหลุดออกมาจากปากของแดนเนลอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และมันก็ทำให้ตัวคนพูดแทบอยากเอาหัวโขกพื้นเสียเดี๋ยวนั้น

    ทั้งที่ในหัวของเขาตอนนี้มีประโยคสนทนาอยู่นับสิบ แต่สิ่งที่พูดออกมาจริง ๆ ดันเป็นแพนเค้กของร้านเดนนี่ส์เนี่ยนะ

    บ้าบอชะมัด!

    "คุณอยากกินมื้อเช้าที่ร้านนั้นงั้นเหรอ?" อีกฝ่ายดูงุนงงนิดหน่อยกับรูปประโยคไร้ที่มาที่ไปของเขา ทว่าไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจอะไร ทั้งยังต่อบทสนทนาได้อย่างสบาย ๆ อีกต่างหาก "เอาสิ ผมมีคูปองเงินสดอยู่ด้วยนะ"

    และนั่นก็ทำให้เขามานั่งอยู่ที่โต๊ะของร้านเดนนี่ส์สาขาที่อยู่ใกล้กับเซฟเฮ้าส์ที่สุด โดยมีเซ็ตอาหารเช้าจานโตที่ประกอบไปด้วยแพนเค้ก เบคอนทอดกรอบ ไส้กรอกและไข่ดาววางอยู่ตรงหน้า

    เจย์เดนเหลือบมองคนที่กำลังใช้ส้อมจิ้มเบคอนเข้าปาก แดนเนลดูนิ่งมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตั้งแต่ที่มีปากเสียงกับจอห์นนี่ไปเมื่อวาน และมันก็พลอยทำให้มื้ออาหารนี้เงียบตามไปด้วย

    เขาอยากจะชวนอีกฝ่ายคุยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเปิดประเด็นด้วยหัวข้ออะไรดี

    แดนเนลมีเรื่องที่เก็บไว้ภายในใจและไม่ต้องการที่จะเปิดเผยมันให้คนอื่นได้รับรู้มากเกินไป จนเขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าอะไรจะเป็นตัวกระตุ้นเรื่องราวเหล่านั้นบ้าง เจย์เดนรู้ดีว่าหลายครั้งที่การพูดคุยของเขานั้นชักจูงให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกแย่ และเขาก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นอีก

    แต่ถึงอย่างนั้น การรอคอยให้อีกฝ่ายเป็นคนเปิดบทสนทนาด้วยตัวเองขั้นมาก่อนก็ดูจะเป็นอะไรที่ยาวนานเกินไปสักนิด

    โชคดีที่ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นนั้นไม่ได้สร้างความน่าอึดอัดใจให้กับพวกเขาทั้งคู่สักเท่าไหร่ อย่างน้อยตัวเจย์เดนเองก็ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น

    อันที่จริงการนั่งกินอาหารของตัวเองโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรไปพร้อมกับการมองคนที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะเคี้ยวแพนเค้กในปากหมุบหมับก็ถือว่าเป็นความเงียบที่น่ารักดี

    นาทีนี้เขาได้แต่หวังว่าแดนเนลจะยอมลดความดึงดันของตัวเองลงแล้วโอนอ่อนตามสิ่งที่จอห์นนี่บอกเมื่อวาน เพราะเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องถูกกักบริเวณอยู่แต่ในเซฟเฮ้าส์ แม้ความซุกซนของอีกฝ่ายจะทำให้เขาต้องปวดหัวไปบ้าง แต่มันก็ยังอยู่ในระดับที่รับไหวเมื่อเทียบกับการได้เห็นอีกฝ่ายมีความสุขกับอิสระของตัวเอง

    หรือในอีกนัยหนึ่งนั้นก็คือ เขาอยากมีโอกาสมานั่งกินมื้อเช้ากับอีกฝ่ายที่ร้านเดนนี่ส์แบบนี้อีกหลาย ๆ ครั้ง เพราะเขายังมีคูปองส่วนลดที่อยากพาอีกฝ่ายมาใช้ด้วยกันเหลืออยู่ในมืออีกตั้งหลายสิบใบ





    มื้อเช้าจบลงพร้อมกับความประดักประเดิดที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดของแดนเนล

    เจย์เดนไม่ได้เอ่ยปากพูดถึงเรื่องอ้อมกอดเมื่อคืน อันที่จริงอีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาเลยสักอย่างซึ่งมันค่อนข้างผิดวิสัย ไหนจะไอ้อาการชอบเหลือบมองเขาตอนกินอยู่นั่นอีก มันทำให้เขาเริ่มไม่มั่นใจว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายรู้ไหมว่าเมื่อคืนอาการติดหมอนข้างของเจ้าตัวเกิดกำเริบขึ้นจนเผลอมากอดเขาเข้า

    และถ้ารู้ ความเงียบกำลังเกิดขึ้นอยู่นี้คือความไม่พอใจใช่หรือไม่

    เขาไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายอึดอัดเวลาอยู่ด้วย แต่ก็ชักจะทำตัวไม่ถูกมากขึ้นไปทุกที

    "เอ้อ ก่อนกลับคุณจะแวะมาร์ทสักหน่อยไหม?"

    แดนเนลหันไปเอ่ยถามคนที่เดินตามเขาออกมาจากร้านเดนนี่ส์ติด ๆ ในหัวคิดวกวนไม่หยุดเกี่ยวกับเรื่องกอดเมื่อคืน และเขาก็ตัดสินใจที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวนั้นด้วยการรีบออกไปหาซื้อหมอนข้างให้อีกฝ่ายที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ เสียเดี๋ยวนี้

    "คุณอยากไปซื้อของเหรอ? เอาสิ"

    "เปล่า ผมไม่ได้จะไปซื้ออะไร" เขาส่ายศีรษะปฏิเสธ ขณะเดียวกันก็เริ่มรู้สึกว่าบทสนทนานี้มันชักจะฟังดูผิดทิศผิดทางแบบแปลก ๆ "แต่คุณไม่ใช่หรือไงที่ต้องซื้อ"

    "ผมน่ะนะ?"

    อีกฝ่ายย้อนถามด้วยท่าทีงุนงง และนั่นก็ทำให้แดนเนลถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีราวกับราวกับผู้ปกครองที่จับโกหกบุตรหลานได้ว่ามีเรื่องปิดบังอยู่

    "ก็หมอนข้างไง คุณติดหมอนข้างไม่ใช่เหรอ?"

    "เปล่านี่ ผมไม่ได้ติดหมอนข้าง คุณไปฟังมาจากใครล่ะเนี่ย"

    "อ้าว" แดนเนลถึงกับหน้าเหวอไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยิน และรู้ในทันทีว่าไอ้ความรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างผิดทิศผิดทางอยู่ที่ว่านั่น แท้จริงแล้วก็คือความเข้าใจผิดของเขาเองนี่แหละ "แล้วเมื่อคืนที่คุณ..."

    เจย์เดนเผยยิ้มน้อย ๆ ออกมาเมื่อเริ่มจับทางได้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ในหัว

    "ที่ผมกอดคุณน่ะเหรอ?"

    "คุณรู้?"

    และครั้งนี้เป็นเขาที่มุ่นคิ้วด้วยความงุนงงบ้าง และโชคดีที่อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เขาต้องรู้สึกข้องใจนานเกินไป

    "ก็คุณละเมอเหมือนคนที่กำลังร้องไห้อยู่" เสียงของเจย์เดนนั้นนุ่มทุ่มและฟังดูใจเย็น มันไม่ใช่การประจานใด ๆ เพื่อทำให้เขาต้องรู้สึกอับอายที่เผลอทำตัวราวกับเด็กขณะหลับ แต่เป็นการอธิบายให้เขาเข้าใจในสิ่งที่กำลังเข้าใจผิดอยู่อย่างจริงใจและตรงไปตรงมา "พอปลุกแล้วก็ไม่ยอมตื่น ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยกอดปลอบคุณ อย่างที่เคยบอก ผมน่ะถนัดเรื่องรับมือกับเด็ก"

    "ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย" แดนเนลสวนตอบ "ยังไงก็ขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณต้องลำบาก"

    "ไม่หรอกคุณ อย่าคิดมากเลย อันที่จริงตอนที่กำลังปลอบคุณอยู่ผมก็เผลอหลับไป ไม่คิดเหมือนกันว่าจะกอดคุณไว้แบบนั้นยันเช้า คุณอึดอัดหรือเปล่า?"

    "ตอนที่โดนกอดน่ะเหรอ? ไม่นะ" คำตอบนั้นทำให้คนฟังรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเปลาะหนึ่ง "แล้วคุณล่ะ?"

    "ผมเองก็ไม่ เหมือนคุณนั่นแหละ"





    [tbc.]
    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***

    ________________________________________

    เครียดมากค่ะ เลยหนีความจริงมาจิ้มฟิค QAQ
    ตอนนี้ก็คือค้นพบคนเลิ่กลั่ก 1อัตรา 555555555
    และในที่สุดเขาได้นอนกอดกันแล้วนะคะ *จุดพลุ*
    ใครที่รอฉากนี้อยู่ก็คือมาแล้วค่ะ ;w;)
    ปูมาขนาดนี้แล้วยังไงๆของมันต้องมีอะเนอะ
    ที่จริงเราเองก็รอเวลาเหมาะๆที่จะเขียนฉากนี้อยู่เหมือนกัน ฮี่ๆ

    ยังไงก็ฝากติดตามฟิคด้วยนะคะ
    #ฟิควรบจด

    how to comment ใน minimore

    ADVERTISEMENT

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
jeanasm_ (@jeanasm_)
โอ้ยยยยยน่ารักกกๆๆๆๆๆๆ แดนเนลเริ่มรู้สึกแล้ววววว ในที่สุด
jeanasm_ (@jeanasm_)
โอ้ยยยยยน่ารักกกๆๆๆๆๆๆ แดนเนลเริ่มรู้สึกแล้ววววว ในที่สุด
Gift N. T. (@giftnt1402)
สงสารแดนเนลมากเลยค่ะ ดีใจที่ยังมีเจย์เดนคอยอยู่ข้างๆ นะ ถูกใจฉากนอนกอดกันมากและหวังว่าในอนาคตจะเป็นการนอนกอดกันที่แดนเนลไม่ต้องทุกข์ขนาดนี้นะคะ เข้าใจแดนเนลเรื่องไม่อยากลืม พอมีเรื่องแบบนี้ บางทีก็ไม่ค่อยกล้ามีความสุขเพราะความรู้สึกผิด แต่ก็อยากเห็นน้องค่อยๆ อาการดีขึ้น

ว่าแต่ตอนแดนเนลกับเจย์เดนคุยกันเรื่องติดหมอนข้างนี่มันดีต่อใจละเกินค่ะ นึกภาพกระต่ายป่าเขินแล้วเจย์เดนยิ้มอ่อนโยน เวลาอ่านมุมมองเจย์เดนคือรู้สึกว่าอบอุ่น เหมาะดูแลคนแบบแดนเนลจริงๆ เรายิ้มตามตลอดเลย

ปล. เครียดเรื่องบัตรคอนใช่มั้ยคะ เราก็เครียดค่ะ เรามาที่ที่น้องเคยอยู่แบบช้ากว่าน้องแค่ 2 วัน พอน้องจะมาไทย เราก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับบ้านแบบยาวๆ ฮือ เสียใจที่อดดูคอนเดี่ยวแรกแล้วมันคลาดกันแบบน่าเสียดายสุด ขอโทษที่บ่นค่ะ เราขอให้ไรต์ได้บัตรนะคะ ศึกหนักจริงๆ
nctzen_zen (@nctzen_zen)
เจย์เดนชอบแดนเนล!! เขินค่ะไรท์ เขานอนกอดกัน;-;