ช่วงนี้จิตใจว้าวุ่น ต้องพาตัวเองไปไปวัดไปวาบ้าง ประเด็นคือไม่อยากไปวัดที่มีคนเยอะ จะไปวัดไทยก็ไม่อยากคุยกับใครเลย เข้าสู่ภาวะน้ำลายบูด อารมณ์อินดี้บังเกิดก็ต้องปลีกวิเวกบ้าง เปิดอากู๋ดูได้ความว่ามีวัดที่ไม่อึกทึกมากถ้าไปช่วงบ่ายแก่ ๆ ไม่มีทัวร์ไทย ทัวร์จีนไปลงแน่นอน แต่ต้องเดินขึ้นไปบนเนินเขาด้วยบันไดสี่ห้าร้อยขั้น เป็นการทดสอบสังขาร พิจารณากายหยาบกันไป ฉันนั่ง MTR ไปลงสถานีซ้าถิ่น (Sha Tin) เพื่อไปวัดหมื่นพุทธ (Ten Thousand Buddhas Monastery) ตามคำแนะนำในกูเกิล ทางค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย เดินออกมาไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินพอสมควร ผ่านหมู่บ้าน ผ่านห้างร้านต่าง ๆ เปิดกูเกิลแม็ปแล้วพบว่าจุดหมายอยู่ไม่ไกล เดินลัดเลี้ยวจนเจอกับป้ายบอกทางเป็นระยะ จนในที่สุดก็มาถึงบันไดทางขึ้นไปสู่ตัววัด บ่ายแก่ ๆ ต้นเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มเย็น ต้นไม้เขียวชอุ่ม ธรรมชาติร่มรื่น จิตใจก็รื่นรมย์ ลืมความขุ่นมัวกับสิ่งที่เข้ามากระทบใจไปชั่วขณะ
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/42/42214/pagegallery/1542225592/4dabc358.jpeg)
วัดหมื่นพุทธตั้งอยู่ตรงเทือกเขา Po Fook Hill สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2494 นับ ๆ ดูก็กว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว ทางขึ้นไปสู่ตัววัดมีพระพุทธรูปจำนวนหนึ่งหมื่นกว่าองค์ในต่างอิริยาบถ ตั้งเรียงรายสองฟากบันได ซึ่งบันไดคอนกรีตที่ทอดยาวมีทั้งหมดสี่ร้อยกว่าขั้น แหม แค่นี้เอง สบายมาก นั่นคือคำพูดก่อนเดินขึ้น เพราะเมื่อไปถึงครึ่งทางก็เหนื่อยเป็นหมาหอบแดด ต้องยืนพิงราวพักเหนื่อยกันเลย อันที่จริงระหว่างทางมีม้านั่งให้นั่งพักด้วยนะ แต่การนั่งมันไม่คูล วัยรุ่นอย่างเราควรต้องสตรอง แถว ๆ นี้จะมีน้องลิงปีนป่ายสนุกสนาน เห็นแล้วก็ได้แต่คิดว่าบางทีเกิดเป็นลิงก็น่าจะดี ไม่ต้องมารับรู้เรื่องราวอันปวดเศียรเวียนเฮดอย่างที่มนุษย์เป็น มีคนที่เดินขึ้นลงเป็นระยะ ส่วนมากเป็นฝรั่งต่างชาติ ระหว่างที่เดินอยู่นั้น ก็เจอนักบวชมาขอเรี่ยไรเงิน ทั้งที่มีป้ายติดว่าห้ามบริจาคเงินให้แก่พระปลอมนะ ถึงไม่มีป้ายบอกฉันก็ไม่หลงกล เพราะก่อนมาจูยองอ้ปป้าคนดีเตือนว่า ถ้ามีคนแต่งกายเป็นพระมาขอเงิน พวกนี้เป็นพระเก๊ อย่าให้เงินเด็ดขาด โอเค รู้เรื่อง งั้นก็อันยองนะคะพี่
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/42/42214/pagegallery/1542225592/2f0450c9.jpeg)
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/42/42214/pagegallery/1542225592/56d5bc58.jpeg)
ด้วยกำลังขาอันกล้าแกร่ง มีอ่อนเปลี้ยบ้างเป็นบางจังหวะ จากที่เหนื่อยหอบ พอขึ้นมาถึงด้านบนวัดก็แทบหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง อากาศโล่งโปร่งสบาย มองเห็นวิวทิวทัศน์ของซ้าถิ่นและ New Territories ตึกสูงต่ำเรียงสลับกันไป ลมพัดมาประทะกับผิวหน้า ได้กลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าและกลิ่นของฤดูหนาว ฉันชอบกลิ่นแบบนี้จัง เหมือนได้สูดโอโซนเข้าไปจนเต็มปอด สดชื่นที่สุดในสามโลกแล้ว
ภายในบริเวณวัดมีวิหารหลัก เจดีย์เก้าชั้นสีแดงตั้งเด่นเป็นสง่า ด้วยความที่ความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ด้อยนัก จึงไม่แน่ใจว่าเป็นศิลปะแบบไหน แต่เอาจริงๆก็พอจะคุ้น ๆ อยู่บ้าง เพราะเป็นเจดีย์ที่ปรากฏบนธนบัตร 100 ฮ่องกงดอลลาร์ ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นวิหารที่บรรจุพระพุทธรูปทองคำองค์เล็ก ๆ สีทองอร่ามตั้งเรียงรายอยู่รอบๆผนังถึง 12,800 องค์ แต่มีป้ายแปะไว้ว่าไม่ให้ถ่ายรูป จึงอดเก็บรูปสวย ๆ มาฝาก ออกจากวิหารตรงโถงกลาง ฉันแวะทานอาหารมังสวิรัติภายในวัด ซึ่งรสชาติอร่อยมาก จนต้องซื้อกลับ ทั้งของตัวเอง และเอาไปฝากพี่เสี่ยวลี่อีกหนึ่งชุดด้วย
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/42/42214/pagegallery/1542225592/444d5e86.jpeg)
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/42/42214/pagegallery/1542225592/4b389b12.jpeg)
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/42/42214/pagegallery/1542225592/62a66e9c.jpeg)
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/42/42214/pagegallery/1542225592/864ad498.jpeg)
เมื่อก้มมองนาฬิกากลับพบว่าใกล้เวลาที่วัดจะปิด มาตั้งแต่บ่ายนิด ๆ จนนี่จะห้าโมงเย็นแล้ว เที่ยวจนลืมเวลา คนก็เริ่มบางตา ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ลมพัดเย็นยะเยือกจนเรียกว่าหนาวเลยก็ว่าได้ ขากลับลงมาก็ต้องเดินเหมือนตอนขาขึ้น ไม่มีเครื่องผ่อนแรงใด ๆ บรรยากาศเงียบสงัดผิดกับตอนขามา เพราะวัดปิดเวลาห้าโมงเย็น เวลานี้คงไม่มีใครขึ้นไปแล้ว เว้นแต่เป็นคนของทางวัดเอง ขาลงใช้เวลาไม่นานนัก เพราะไม่ได้มัวแต่โอ้เอ้ถ่ายรูป ฉันเดินย้อนกลับไปทางเดิม เพื่อกลับไปขึ้น MTR ไปยังสถานี Hung Hom เพื่อไปอพาร์ตเมนต์พี่เสี่ยวลี่ แล้วตั้งใจว่าจะแวะซื้อทาร์ตไข่เจ้าดังตรงจิมซาจุ่ยไปฝากด้วย
ขาเริ่มล้า รู้สึกตึง ๆ เป็นอาการบ่งบอกว่า คืนนี้คงจะปวดเมื่อยตามแข้งขาอย่างแน่นอน เจ็บฝ่าเท้าขึ้นมาหน่อย ๆ คงเพราะใส่แฟลตชูส์เดินแทนที่จะใส่รองเท้าผ้าใบมา ยาอะไรก็ไม่ได้พกมาเลย แผ่นแปะแก้ปวดก็เอามาแปะหลังเมื่อครั้งก่อนจนหมด ทุกสิ่งล้วนเป็นสัจธรรมของชีวิต ความเจ็บปวดเป็นเรื่องธรรมดา ร่างกายเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถสั่งให้มันเลิกเจ็บได้ ถ้ายังไงค่อยไปหาซื้อหยูกยา หรือไม่ก็ไปขอยาที่บ้านพี่เสี่ยวลี่แล้วกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in