ทุกๆวันที่เราเปิด facebook ขึ้นมา ถ้าเราเปิดการแจ้งเตือนว่าวันนี้ในอดีตเราได้โพสต์สเตตัสอะไรบ้าง ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้างหรือโดนเพื่อน พี่หรือน้องของเราแท็กรูปเรามา มันก็จะแจ้งเตือนขึ้นมาอัตโนมัติ
ผมคือคนหนึ่งที่เลือกที่จะเปิดแจ้งเตือน
ที่เปิดให้แจ้งเตือนนั้นมันมีหลากหลายเหตุผลด้วยกัน
อย่างแรกคือ อยากรู้ว่าปีก่อนๆเรามีวีรกรรมในโลกโซเชี่ยลอย่างไรบ้าง เราโพสต์ด่าใครไปบ้าง หรือแชร์อะไรที่ไม่เข้าท่าเข้าหน้าวอลล์ของเราบ้าง แม้กระทั่งอยากรู้ว่าในปีก่อนๆเราไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอะไรบ้างผ่านการที่เพื่อนของเราแท็กรูปมาหานั่นเอง
และเมื่อเรารู้ว่าในปีก่อนๆเราทำอะไรไปบ้าง มันก็จะมีเหตุผลที่สองตามมาคือเราได้มามองย้อนอดีตตัวเอง ถ้าสิ่งที่เราโพสต์ไปมันดูกิ๊กก๊อกไร้สาระเหลือเกิน หรือแม้กระทั่งสเตตัสที่เราโพสต์เล่นๆแบบไม่ได้คิดอะไร แต่พอเวลาผ่านไปเรากลับมาอ่านสเตตัสนั้นอีกครั้งความรู้สึกมันอาจไม่เหมือนเดิมแล้วก็ได้ พอย้อนกลับมาอ่านอีกครั้งคงจะรู้สึกประมาณว่า กูโพสต์อะไรลงไปเนี่ย! และนั่นทำให้เรามีสิทธิ์ที่จะไม่โพสต์อะไรแบบนี้อีก เป็นการเตือนสติไปในตัว
อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกเปิดแจ้งเตือนก็คือ ไม่ว่าคนเราจะมองอนาคตไกลแค่ไหนแต่มักมีช่วงเวลาหนึ่งที่เราโหยหาอดีตอยู่เสมอ มีหลายคนบอกว่าคนแก่มักชอบนั่งเล่าหรือนั่งมองอดีตของตัวเอง ซึ่งมันก็จริงนะแต่มันไม่ทั้งหมดซะทีเดียว
ถ้าเป็นสมัยก่อนเรามีทางเลือกในการมองอดีตตัวเองไม่มากนัก ส่วนใหญ่มักมองดูอดีตผ่านรูปถ่ายที่เก็บรวมไว้ในสมุดภาพ เปิดไล่ดูทีละรูปพลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในรูปนั้นไป แต่กับสมัยนี้ที่เทคโนโลยีมีความหลากหลายมากขึ้นและสามารถจับต้องได้ง่ายขึ้น การมองดูอดีตตัวเองจึงทำได้ง่ายขึ้น อย่างน้อยก็ให้โซเชี่ยลเป็นคนบันทึกความทรงจำของเราลงไป รอวันที่เราจะเปิดกลับมาดูอีกครั้งหนึ่ง และอีกข้อแตกต่างก็คือถึงแม้เราจะยังไม่แก่ซัก 50 หรือ 60 ปี เราก็เริ่มมีความโหยหาอดีตแล้ว ด้วยความที่เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงได้ทุกวัยและที่สำคัญกระแสโลกต่างๆนั้นพัดผ่านไปไวกว่าแต่ก่อนมาก --- เอาแค่ไอศครีมกูลิโกะที่ใครต่อใครต่างตามล่าอยากซื้อมากิน พอผ่านไปแค่ 2 เดือนกระแสก็พัดหายไปซะแล้ว ทำให้เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนเราก็เริ่มคิดถึงอดีตในตอนนั้นแล้ว
นี่คือเหตุผลหลักที่ผมเลือกที่จะเปิดแจ้งเตือน แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่เลือกไม่เปิดแจ้งเตือน อาจเป็นเพราะว่ามันไม่ได้มีความสำคัญอะไรที่ทำให้เราคิดถึงมันขนาดนั้น เลยเลือกที่จะไม่เปิดดีกว่า
หรืออีกเหตุผลหนึ่งคือ มีความทรงจำที่ไม่ดีกับใครซักคนในอดีต อาจเป็นรูปแฟนเก่าที่แท็กมาหรือมีรูปที่ไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ในวันนี้กลับไม่มีสิ่งนี้อยู่แล้วและเลือกที่จะลืมและซุกมันไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของความทรงจำ จึงเลือกไม่เปิดแจ้งเตือนขึ้นมาให้ปวดใจ
ต่างคนต่างมีเหตุผลที่เลือกหรือไม่เลือกเปิดดูความทรงจำ และแต่ละคนต่างมีเรื่องราวและความทรงจำที่หลากหลายกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความโหยหาและคิดถึงมากแค่ไหน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in